Tuesday, March 31, 2009

How to fix an issue in which cannot connect to or restart Virtual Machines when the Windows Server 2008 Hyper-V VMMS certificate has expired

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดทเพื่อแก้ปัญหาไม่สามารถเชื่อมต่อ/รีสตาร์ท Virtual Machine เมื่อใบรับรองของ Windows Server 2008 Hyper-V VMMS หมดอายุ
สืบเนื่องจากมีรายงานว่าผู้ใช้บางส่วนจะไม่สามารถทำการเชื่อมต่อกับเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ที่รันอยู่บน Windows Server 2008 ที่ติดตั้ง Hyper-V หรือบน Hyper-V Server 2008 โดยปัญหาดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นใน 2 กรณีดังนี้

• เมื่อทำการเชื่อมต่อกับเวอร์ชวลแมชชีนจะได้รับข้อความแสดงความผิดพลาดดังนี้
"Cannot connect to the virtual machine because the authentication certificate is expired or invalid. Would you like to try connecting again?"

• เมื่อทำการสตาร์ทเวอร์ชวลแมชชีนจะได้รับข้อความแสดงความผิดพลาดดังนี้
'VMName' failed to initialize.
Could not initialize machine remoting system. Error: ‘Unspecified error’ (0x80004005).
Could not find a usable certificate. Error: ‘Unspecified error’ (0x80004005).

ไมโครซอฟท์อธิบายว่าสาเหตุของปัญหานี้เกิดจากใบรับรอง (Certificate) ของ Windows Server 2008 Hyper-V VMMS หมดอายุ (Expired) และได้ออกอัพเดทหมายเลข KB967902 เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้แล้ว

วิธีการแก้ไข
สำหรับผู้ใช้เวอร์ชวลแมชชีนบน Windows Server 2008 ที่ติดตั้ง Hyper-V หรือบน Hyper-V Server 2008 ที่ประสบปัญหาตามรายละเอียดด้านบน สามารถทำการแก้ไขโดนการติดตั้งอัพเดทหมายเลข Update for Windows Server 2008 x64 Edition (KB967902) หลังจากทำการติดตั้งอัพเดทแล้ว Hyper-V VMMS จะทำการรีนิวใบรับรองใหม่โดยอัตโนมัติเมื่อหมดอายุ

ข้อควรทราบ:
1. เพื่อความปลอดภัยให้ดาวน์โหลดไฟล์อัพเดทโดยตรงจาก Microsoft Download Center เท่านั้น
2. การติดตั้งอัพเดทตัวนี้จะต้องมีการรีสตาร์ทระบบ

ขั้นตอนการติดตั้งอัพเดท
ปัญหานี้สามารถแก้ไขโดยการสร้างใบรับรองขึ้นใหม่ โดยดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1. ทำการปิดหรือบันทึกสถานะของเวอร์ชวลแมชชีนทุกตัว
2. ทำการรีสตาร์ท Hyper-V VMMS
3. ทำการสตาร์ทสามารถ

หมายเหตุ: เนื่องจากใบรับรองของ Hyper-V VMMS จะมีอายุ 1 ปี การอัพเดทนี้จะแก้ไขโดยการขอใบรับรองใหม่โดยอัตโนมัติ

วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ
  • Windows Server 2008 Standard
  • Windows Server 2008 Enterprise
  • Windows Server 2008 Datacenter
  • Microsoft Hyper-V Server 2008

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ที่มา
KB967902

©2009 TWAB. All Rights Reserved.

System Restore ไม่ทำงานบน Windows XP

• ปัญหา System Restore ไม่ทำงานบน Windows XP
ผู้ใช้ Windows XP อาจจะประสบกับปัญหา System Restore ไม่ทำงาน โดยเมื่อเรียกใช้งานวินโดวส์จะแสดงข้อความผิดพลาดว่า "System Restore has encountered a problem and needs to close." ซึ่งสาเหตุของปัญหานี้เกิดจากระบบ System Restore เสีย สำหรับวิธีการแก้ไขทำได้โดยการติดตั้งใหม่ตามขั้นตอนดังนี้

1. คลิก Start คลิก My Computer จากนั้นในหน้าต่าง Windows Explorer ให้คลิก Tools แล้วคลิก Folder Options
2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Folder Options ให้คลิกแท็บ View
3. ในหัวข้อ Advanced Settings ให้เลือกเช็คบ็อกซ์ "Show hidden files and folders." และเคลียร์เช็คบ็อกซ์ "Hide extensions for known files types." เสร็จแล้วคลิก OK
4. ในหน้าต่าง Windows Explorer ให้ท่องไปยังโฟลเดอร์ Windows (ตำแหน่งโฟลเดอร์ Windows นั้นจะขึ้นอยู่กับการติดตั้ง โดยทั่วไปจะเป็นไดร์ฟ C:)
5. ทำการค้นหาไฟล์ชื่อ sr.inf หลังจากค้นหาพบแล้ว ให้คลิกขวาที่ไฟล์ sr.inf เลือก Install แล้วรอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ
6. ปิดหน้าต่าง Windows Explorer เพื่อจบการทำงาน

ข้อควรทราบ:
วิธีการตามขั้นตอนด้านบนจะเป็นการติดตั้ง System Restore ใหม่ ซึ่งจะทำให้ Restore point ที่มีอยู่ก่อนหน้าถูกลบทิ้งหมด

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

ปัญหาการเปิดไฟล์ประเภท flash ใน Internet Explorer 7

ปัญหาการเปิดไฟล์ประเภท flash ใน Internet Explorer 7
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ผู้ใช้ Internet Explorer 7 อาจจะประสบกับปัญหาในการเปิดไฟล์ประเภท flash (.SWF) ซึ่งเป็นสาเหตุเนื่องจาก โดยดีฟอลท์ Internet Explorer 7 นั้นจะกำหนดระดับความปลอดภัยไว้ค่อนข้างสูงกว่าค่าดีฟอลท์ในเวอร์ชันก่อนหน้า (เช่น Internet Explorer 6) สำหรับวิธีการแก้ปัญหามีขั้นตอนดังนี้

1. ในหน้าต่าง Internet Explorer 7 คลิกเมนู Tools แล้วคลิก Internet Options
2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Internet Options ให้คลิกแท็บ Advanced แล้วเลื่อนลงไปจนเจอหัวข้อ Security
3. ในหัวข้อ Security ให้คลิกเลือกเช็คบ็อกซ์หน้า "Allow active content to run in files on My Computer." ดังกรอบสีส้มในรูปด้านล่าง

Allow active content
Allow active content

4. เสร็จแล้วคลิก OK แล้วทำการรีสตาร์ท Internet Explorer เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล

ข้อควรระวัง:
การอนุญาตให้ Internet Explorer รัน active content นั้น สามารถทำให้ระบบเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากไฟล์ประสงค์ร้ายได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ขอแนะนำให้ทำการเลือกอ็อปชัน "Allow active content to run in files on My Computer." เฉพาะเวลาที่ต้องการใช้งานจริงๆ เท่านั้น และเมื่อใช้งานเสร็จแล้วแนะนำให้ทำการยกเลิกอ็อปชันในทันที

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Windows Sysinternals Suite Build 20090330

Windows Sysinternals Suite อัพเดทเป็น Build 20090330
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ชุดเครื่องมือ Windows Sysinternals Suite เป็นชุดเครื่องมือแบบฟรีแวร์ที่พัฒนาโดย Windows Sysinternals และเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา ทาง Sysinternals ก็ได้ออกอัพเดทเวอร์ชันใหม่คือ Build 20090330 ซึ่งมีการปรับปรุงโปรแกรมใหม่ 3 ตัว คือโปรแกรม AutoRuns for Windows 9.40, BGInfo v4.15 และ ZoomIt 3.03 ท่านใดที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดมาใช้งานได้จากเว็บไซต์ (ไฟล์มีขนาดประมาณ 9.8 MB) คลิกที่นี่...เพื่อเข้าเว็บไซต์ดาวน์โหลดโปรแกรม Windows Sysinternals Suite

• AutoRuns for Windows 9.40 New!
By Mark Russinovich and Bryce Cogswell
โปรแกรม AutoRuns for Windows เป็นโปรแกรมในลักษณะเดียวกับ MSConfig ของ Windows ME/XP คือ ใช้ในการตรวจสอบ มอนิเตอร์ และแก้ไขการสตาร์ทแอพพลิเคชัน ที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดวินโดวส์ แต่จะมีความสามารถสูงกว่า MSConfig มาก โดย AutoRuns for Windows นั้น จะแสดงรายละเอียดโปรแกรมต่างๆ ที่ทำงานระหว่างการบูตเครื่อง จากการคอนฟิกใน startup folder, Run, RunOnce, และ Registry keys อื่นๆ โดย AutoRuns for Windows นั้น สามารถทำงานได้บน Windows ทุกเวอร์ชัน ทั้งแพลตฟอร์ม 32 บิต และ 64 บิต

นอกจากนี้ยังสามารถคอนฟิกให้ AutoRuns for Windows ทำการแสดงโพรเซสที่รันจากที่อื่นๆ นอกจากที่กล่าวมาด้านบน เช่น Explorer shell extensions, toolbars, browser helper objects, Winlogon notifications, auto-start services, และอื่นๆ หรือเลือกที่จะไม่แสดงโปรแกรมในส่วนที่เป็นของไมโครซอฟท์ โดยการเลือก Options แล้วเลือก Hide Microsoft Entries ทำให้สามารถโฟกัสไปยังโปรแกรมที่เป็น third-party ที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และ auto-starting ที่ถูกคอนฟิกจากแอคเคาท์อื่นๆ โดย AutoRuns for Windows นั้นจะมีทั้งเวอร์ชันแบบกราฟิก (Windows GUI) และเวอร์ชันแบบคอมมานด์ไลน์ (Command-line) โดยในเวอร์ชันคอมมานด์ไลน์ นั้นสามารถทำการส่งออกเอ้าท์พุทเป็นไฟล์แบบ CSV เพื่อนำไปใช้ในงานอื่นๆ ต่อได้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถทำการดาวน์โหลดโปรแกรม AutoRuns for Windows v9.40 มาทดลองใช้งานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายพร้อมชุด Sysinternals Suite หรือดาวน์โหลดแบบเดี่ยวๆ ได้จาก AutoRuns for Windows 9.40 สำหรับวิธีการใช้งานสามารถอ่านรายละเอียดได้จาก การใช้งาน AutoRuns for Windows

• BGInfo 4.15 New!
BGInfo ของ Sysinternal จะช่วยในการแสดงค่าคอนฟิกต่างๆ ของระบบวินโดวส์ตามที่เรากำหนดบนพื้นหลังของเดสท็อปวินโดวส์ โดยค่าต่างๆ นั้น สามารถทำการปรับแต่งแก้ไขได้ตามความต้องการได้ โปรแกรม BGInfo นั้นไม่ได้ใช้ทรัพยากรของระบบมากนักเนื่องจากการทำงานจะเป็นแบบการตั้งค่า desktop bitmap และสามารถทำงานได้บนวินโดวส์ตั้งแต่ 95 เป็นต้นไป และ NT 4.0 เป็นต้นไป

สำหรับผู้สนใจสามารถ ดาวน์โหลดมาทดลองใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยทำการดาวน์โหลดพร้อมชุด Sysinternals Suite หรือดาวน์โหลดแบบเดี่ยวๆ ได้จาก BGInfo 4.15 สำหรับวิธีการใช้งานอย่างละเอียดสามารถอ่านได้จาก การใช้งาน BgInfo

• ZoomIt 3.03 New!
By Mark Russinovich
ZoomIt เป็นโปรแกรมสำหรับใช้ประกอบในการนำเสนองานทางด้านเทคนิคต่างๆ โดยสามารถทำการ Zoom หน้าจอ การวาดภาพบนหน้าจอ และยังสามารถใช้จับเวลาได้อีกด้วย (สูงสุด 99 นาที) โดยในเวอร์ชัน 3.03 นี้ ได้ปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น สามารถทำงานได้บนระบบปฏิบัติการ Windows XP ขึ้นไป และ Windows Server 2003 ขึ้นไป ท่านใดผู้สนใจสามารถ ดาวน์โหลดมาทดลองใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยทำการดาวน์โหลดพร้อมชุด Sysinternals Suite หรือดาวน์โหลดแบบเดี่ยวๆ ได้จากเว็บไซต์ ZoomIt 3.03

สำหรับรายชื่อโปรแกรมที่มีในชุดโปรแกรม Sysinternals Suite จะมีจำนวน 64 ตัว สามารถอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ Sysinternals Suite Build 20090223

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Windows Sysinternals
live.sysinternals.com

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Monday, March 30, 2009

Explorer.exe Command-Line Options for XP

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

อ็อปชันของคำสั่ง Explorer.exe ใน Windows XP
โดยทั่วไปผู้ใช้ Windows XP จะคุ้นเคยกับการใช้งานคำสั่ง Explorer.exe ในแบบกราฟิกอินเทอร์เฟช เช่นการเปิดดูโฟลเดอร์ต่างๆ แต่คำสั่ง Explorer.exe ยังสามารถใช้ในในแบบคอมมานด์ไลน์ได้เช่นกัน โดยบทความนี้จะอธิบายถึงขั้นตอนการใช้งานดังกล่าว

• รูปแบบคำสั่ง:
Explorer.exe are /n, /e, /root,(object)และ /select,( object)

• ความหมายของอ็อปชัน:
/n คือ เปิดหน้าต่าง Explorer โดยแสดงดีเทลแพนเพียงแพนเดียว โดยค่าดีฟอลท์จะเป็นการเปิดไดร์ฟที่วินโดวส์ติดต้งอยู่
/e คือ เปิดหน้าต่าง Explorer ในแบบดีฟอลท์วิว คือ แสดงทั้งคอนโซลแพนและดีเทลแพน
/root,(object) คือ เปิดหน้าต่าง Explorer ของอ็อปเจกต์ที่กำหนด
/select,( object) คือ เปิดหน้าต่าง Explorer ของอ็อปเจกต์โฟลเดอร์ ไฟล์ และโปรแกรม ที่กำหนด

• ตัวอย่างการใช้งาน:
ตัวอย่าง 1:
Explorer /select,C:\Test\Prog1.exe คือ เปิดหน้าต่าง Explorer ของโฟลเดอร์ Test พร้อมเลือกไฟล์ Prog1.exe

ตัวอย่าง 2:
Explorer /e,/root,C:\Test\Prog1.exe คือ เปิดหน้าต่าง Explorer พร้อมขยายไดร์ฟ C: พร้อมเลือกไฟล์ Prog1.exe


ตัวอย่าง 3:
Explorer /root,\\TestSvr\TestShare คือ เปิดหน้าต่าง Explorer พร้อมของแชร์โฟลเดอร์ชื่อ TestShare ซึ่งอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ชื่อ TestSvr

ตัวอย่าง 4:
Explorer /root,\\TestSvr\TestShare,select,Prog1.exe คือ เปิดหน้าต่าง Explorer พร้อมของแชร์โฟลเดอร์ชื่อ TestShare ซึ่งอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ชื่อ TestSvr ร้อมเลือกไฟล์ Prog1.exe

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
KB314853


Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Create your own search provider in Internet Explorer 8

สร้าง Search Provider ของตนเองใน Internet Explorer 8
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Search Provider เป็นเสิร์ชเอนจิ้นที่จะใช้ในการค้นหาจาก Search Box ของ IE ซึ่งนอกจากผู้ใช้จะสามารถปรับแต่งไปใช้เสิร์ชเอนจิ้นตัวโปรดอย่าง Google หรือ Yahoo แทนค่าที่ไมโครซอฟท์กำหนดมาให้ คือ Live Search (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Bing) ได้แล้ว ยังสามารถเพิ่ม Search Provider ที่สร้างขึ้นเอง เช่น โดยตั้งชื่อเป็น TWAB Search หรือจะใช้เสิร์ชเอนจิ้นของ AdSense เข้าเป็น Search Provider ของ Search Box ได้อีกด้วย

โดยบทความนี้จะแสดงวิธีการสร้าง Search Provider พร้อมทั้งการเพิ่มเข้าเป็น Search Provider ของ Search Box ของ IE8 ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

1. ในหน้าต่าง IE8 ให้คลิกเมนู Tools แล้วเลือก Manage Add-ons

Manage Add-ons
รูปที่ 1 Manage Add-ons

2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Manage Add-ons ในส่วน Add-on type ให้คลิกเลือก Search providers


Search providers
รูปที่ 2 Search providers

3. คลิก Find more search providers ซึ่งอยู่มุมล่างซ้ายของหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์

4. ในหน้าต่าง Search Providers Add-ons Gallery ให้เลื่อนลงไปล่างสุดของหน้าต่าง จากนั้นคลิกที่ "Create your own Search Provider"

5. เปิดแท็บหรือหน้าต่าง IE ขึ้นใหม่ 1 หน้า จากนั้นพิมพ์ URL ของเสิร์จเอนจิ้นที่ต้องการ เสร็จแล้วกด Enter

6. ในหน้าต่างเสิร์จเอนจิ้นที่เปิดในขั้นตอนที่ 5 ให้ทำการค้นหาคำว่า TEST โดยใส่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทุกตัว จากนั้นก็อปปี้ URL ที่ได้จากการค้นหา

7. ในหน้าต่าง Create your own Search Provider ทำการก็อปปี้ URL ที่ได้จากในขั้นตอนที่ 6 ลงในช่อง URL จากนั้นกำหนดชื่อของเสิร์จเอนจิ้นในช่อง Name เลือก Character Encoding ที่ต้องการ (แนะนำให้ใช้ค่าดีฟอลท์) เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Install Search Provider

Own Search Provider option
รูปที่ 3 Own Search Provider option

8. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Add Search Provider ให้เลือกอ็อปชัน Make this my default search provider หากต้องการตั้งเป็นดีฟอลท์โพรไวเดอร์ เสร็จแล้วคลิก Add

ข้อสังเกต: ไม่สามารถเลือกอ็อปชัน Use search suggestions from search provider


รูปที่ 4 Add Search Provider

9. ปิดหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Manage Add-ons เพื่อจบการทำงาน

หลังจากทำการติดตั้ง Search Provider เสร็จเรียบร้อย ในการค้นหาจาก Search Box ของ IE8 ครั้งต่อไป ก็จะเป็นการค้นหาโดยใช้เสิร์ชเอนจิ้นของเราเอง

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Sunday, March 29, 2009

วิธีพิมพ์รายงาน Device Manager ออกทางเครื่องพิมพ์

การพิมพ์รายงาน Device Manager ของระบบ
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

การพิมพ์รายงานรายละเอียดเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ของระบบ (System Manager) เก็บไว้เป็นความคิดที่ดี ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับใช้ในการแก้ไขปัญหาหรือการอ้างอิงในอนาคต โดยวิธีการพิมพ์มีขั้นตอนดังนี้

1. คลิก Start คลิก Control Panel
2. จากนั้นดำเนินการตามข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
2.1 ในกรณีอยู่ใน Category view ให้คลิก Performance and Maintenance จากนั้นคลิก System
2.2 ในกรณีอยู่ใน Classic view ให้คลิก System
3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ System Properties คลิกแท็บ Hardware จากนั้นคลิกปุ่ม Device Manager
4. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Device Manager ให้ดับเบิคคลิก device type จากนั้นคลิกอุปกรณ์ที่ต้องการ
5. คลิกเมนู Action จากนั้นคลิก Print
6. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Print ให้เลือกประเภทของการพิมพ์รายงานที่ต้องการ ซึ่งมี 3 System summary ซึ่งเป็นการพิมพ์รายงานสรุป, Selected class or device ซึ่งเป็นการพิมพ์รายงานเฉพาะอุปกรณ์ที่เลือก และ All devices and system summary ซึ่งเป็นการพิมพ์รายงานของอุปกรณ์และรายงานสรุป
รูปแบบ คือ นั้น สามารถพิมพ์อุปกรณ์ที่ต้องการ system summary หรือ รายงานของอุปกรณ์ทั้งหมดและsystem summary

ข้อควรทราบ:
ในปัจจุลบันไม่มีอ็อปชันให้ทำการบันทึกรายงานเป็นไฟล์ แต่สามารถทำการติดตั้งไดรเวอร์ generic printer แล้วทำการพิมพ์รายงานเป็นเท็กซ์ไฟล์


Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Add search providers to Internet Explorer 8

การเพิ่มและลบ Search Provider ใน Internet Explorer 8
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Search Provider เป็นเสิร์ชเอนจิ้นที่จะใช้ในการค้นหาจาก Search Box ของ IE ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งไปใช้เสิร์ชเอนจิ้นตัวโปรดอย่าง Google หรือ Yahoo แทนค่าที่ไมโครซอฟท์กำหนดมาให้ คือ Live Search (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Bing) ได้

โดยบทความนี้จะแสดงวิธีการเพิ่มเสิร์ชเอนจิ้น หรือ Search Provider ตัวโปรดเข้าใน IE8 นอกจากนี้ยังแสดงวิธีการลบ Search Provider ตัวที่ไม่ต้องการออกจาก IE8 อีกด้วย

การเพิ่ม Search Provider เข้าใน Internet Explorer 8
การเพิ่ม Search Provider เข้าใน IE8 มีขั้นตอนดังนี้

1. ในหน้าต่าง IE8 ให้คลิกเมนู Tools แล้วเลือก Manage Add-ons

Manage Add-ons
รูปที่ 1 Manage Add-ons

2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Manage Add-ons ในส่วน Add-on type ให้คลิกเลือก Search providers

Search providers
รูปที่ 2 Search providers

3. คลิก Find more search providers ซึ่งอยู่มุมล่างซ้ายของหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์

4. ในหน้าต่าง Search Providers Add-ons Gallery เลือก Add-on ที่ต้องการเพิ่มจากนั้นคลิกที่ปุ่ม "Add to Internet Explorer"

Add to IE
รูปที่ 3 Add to Internet Explorer

5. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Add Search Provider ให้เลือกอ็อปชัน Make this my default search provider และอ็อปชัน Use search suggestions from search provider ตามความต้องการ เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Add

Search Provider option
รูปที่ 4 Search Provider option

6. ปิดหน้าในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Manage Add-ons เพื่อจบการทำงาน

หมายเหตุ: ในกรณีทำการเปลี่ยน Default Search Provider วินโดวส์จะแจ้งเตือนให้ทราบดังรูปด้านล่าง

Search Settings Change Notification
รูปที่ 5 Search Settings Change Notification

การลบ Search provider ออกจาก Internet Explorer 8
ในกรณีที่ไม่ต้องการ Search provider สามารถทำการลบได้ตามขั้นตอนดังนี้
1. ในหน้าต่าง IE8 ให้คลิกเมนู Tools แล้วเลือก Manage Add-ons
2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Manage Add-ons ในส่วน Add-on type ให้คลิกเลือก Search providers
3. คลิกเลือก Search provider ที่ต้องการลบ แล้วคลิก Remove

Remove Search provider
รูปที่ 6 Remove Search provider

4. ในหน้าต่างถัดไปให้คลิก Close เพื่อจบการทำงาน

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Mozilla Firefox 3.0.8 Portable Edition

Firefox 3.0.8 เวอร์ชันพกพา
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Firefox 3.0.8 เวอร์ชันพกพา หรือ Portable Edition คือ Firefox เวอร์ชันที่ได้รับการแก้ไขให้สามารถใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องทำการติดตั้งลงบนเครื่อง ในขณะที่การทำงานต่างๆ ของโปรแกรมยังคงเหมือนกับเวอร์ชันปกติทุกอย่าง เวอร์ชันพกพานี้เหมาะสำหรับแฟนพันธ์แท้ของ Firefox ที่จะเก็บไว้ในแฟลชไดรฟ์เพื่อพกพาไปใช้บนเครื่องที่ให้บริการแบบสาธารณะต่างๆ รวมถึงเครื่องที่ไม่มีโปรแกรม Firefox และผู้ดูแลระบบไม่อนุญาตให้ติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม

รายละเอียดโปรแกรม Firefox 3.0.8 Portable Edition
โปรแกรม Firefox 3.0.8 Portable Edition เป็นผลงานการพัฒนาของทีมพัฒนา PortableApps.com และเป็น Freeware เช่นเดียวกับเวอร์ชันปกติ รองรับทั้งระบบวินโดวส์และลีนุกซ์ โดยไฟล์ติดตั้งสำหรับเวอร์ชันสำหรับวินโดวส์มีขนาด 8.02 MB รองรับ Windows 2000, XP และ Vista

• ภาษาที่รองรับ
- Chinese (Simplified)
- English
- French
- German
- Deutsch
- Italian
- Japanese

• การดาวน์โหลด
ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดูรายละเอียดและดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีที่เว็บไซต์ http://portableapps.com/apps/internet/firefox_portable หรือ คลิกที่นี่เพื่อทำการดาวน์โหลด Firefox 3.0.8 Portable for Windows (En)

• การติดตั้ง
หลังจากทำการดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ให้ดับเบิลคลิกไฟล์ Firefox_Portable_3.0.8_en-us.paf.exe แล้วเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการติดตั้ง ตัวอย่างเช่น C:\FirefoxPortable

• การใช้งาน
หลังจากทำการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้งานได้โดยการไปยังโฟลเดอร์ที่ติดตั้ง Firefox 3.0.8 Portable Edition ตัวอย่างเช่น C:\FirefoxPortable แล้วให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ FirefoxPortable.exe จากนั้นใช้งานเหมือนเวอร์ชันปกติ

หมายเหตุ: เพื่อความสะดวกในการใช้งานแนะนำให้ทำการติดตั้งลงแฟลชไดร์ฟหรือสื่อเก็บข้อมูลแบบพกพาอื่นๆ

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Saturday, March 28, 2009

วิธีการยกเลิกการติดตั้ง Internet Explorer 8

สำหรับท่านที่ทดลองใช้ Internet Explorer 8 แล้วไม่ประทับใจในการทำงานหรือมีปัญหาในการใช้งานอื่นๆ จึงต้องการยกเลิกการติดตั้งเพื่อกลับไปใช้ Internet Explorer เวอร์ชันก่อน สามารถทำได้ตามรายละเอียดที่อธิบายในบทความนี้

Mozilla Firefox 3.0.8

Mozilla Firefox
Mozilla Firefox 3.0.8
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Release Date: 27 มีนาคม 2552

Mozilla ออก Firefox 3.0.8 โดยในเวอร์ชันใหม่นี้ได้รับการแก้ปัญหาเกี่ยวกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่พบในเวอร์ชัน 3.0.7 จำนวน 2 ช่องโหว่ คือ "Arbitrary code execution through XUL element" และ XSL Transformation vulnerability ซึ่งแฮกเกอร์สามารถใช้เป็นช่องทางในการเข้าควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์

การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 3.0.8
โปรแกรมติดตั้ง Mozilla Firefox 3.0.8 เวอร์ชันสำหรับ Windows นั้นมีขนาดประมาณ 7.1 MB โดยผู้ใช้ทั่วไปสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ดังนี้
Mozilla Firefox 3.0.8 Download Page
Mozilla Firefox 3.0.8 for Windows
Mozilla Firefox 3.0.8 for MAC OS X
Mozilla Firefox 3.0.8 for Linux

Mozilla Firefox 3.0.8 New Features
ใน Firefox 3.0.8 นั้น Mozilla ได้ทำการปรับปรุงด้านต่างๆ ดังนี้
- แก้ปัญหาเกี่ยวกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่พบในเวอร์ชัน 3.0.7 จำนวน 2 ช่องโหว่

Bugs fix
ใน Firefox 3.0.8 นั้น Mozilla ได้ทำการแก้ปัญหาเกี่ยวกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยจำนวน 2 ช่องโหว่ ดังนี้
- MFSA 2009-13 Arbitrary code execution through XUL element
- MFSA 2009-12 XSL Transformation vulnerability

การติดตั้ง Mozilla Firefox 3.0.8
วิธีการติดตั้ง Mozilla Firefox 3.0.8 นั้น แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ตามรายละเอียดดังนี้
แบบที่ 1
การอัพเดทจาก Firefox เวอร์ชันก่อนที่ติดตั้งอยู่แล้ว ถ้าหากตั้งค่า Advanced>Update>Automatically check for update to: Firefox เมื่อทำการเปิดใช้งาน Firefox และมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต Firefox ก็จะทำการตรวจสอบการอัพเดทโดยอัตโนมัติ (สามารถสั่งให้ Firefox ทำการตรวจสอบการอัพเดทแบบแมนนวล โดยการคลิกที่เมนู Help แล้วคลิก Check for Updates)

แบบที่ 2
การติดตั้ง Firefox 3.0.8 ใหม่ โดยสามารถดาวน์โหลด Firefox เวอร์ชันสำหรับวินโดวส์ได้จาก Download Mozilla Firefox 3.0.8 for Windows แล้วทำการติดตั้งแบบแมนนวล โดยสามารถสำหรับอ่านรายละเอียดขั้นตอนและวิธีการติดตั้งได้จาก การติดตั้ง Mozilla Firefox 3.0

การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.0.8
การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.0.8 สามารถทำได้จาก Add or Remove Programs ใน Control Panel โดยการยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3 นั้น จะไม่ทำการลบข้อมูลต่างๆ คือ bookmarks, web browsing history และ extensions หรือ Add-ons ต่างๆ ให้อัตโนมัติ ดังนั้นผู้ใช้ต้องทำการลบด้วยตนเอง ตามตำแหน่งดังนี้

Windows Vista = Users\\AppData\Roaming\Mozilla\Firefox
Windows 2000, XP, 2003 = Documents and Settings\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Windows NT = WINNT\Profiles\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Mac OS X = ~/Library/Application Support/Firefox
Linux and Unix systems = ~/.mozilla/firefox

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Firefox 3.0.8 Release Notes

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Friday, March 27, 2009

CCleaner 2.18.878

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

CCleaner เป็นโปรแกรมสำหรับใช้ทำความสะอาดไฟล์ขยะและไฟล์ชั่วคราวต่างๆ ของระบบวินโดวส์และของโปรแกรมอื่นๆ CCleaner เป็นฟรีแวร์ที่เปิดให้ใช้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ฟรีๆ โดยมีการดาวน์โหลดไปใช้งานกันเป็นจำนวนถึงกว่า 260 ล้านครั้ง (นับถึงเดือนมีนาคม 2552) และวันที่ 26 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมาได้ออกเวอร์ชันใหม่ล่าสุด คือ 2.18.878 ซึ่งได้รับการปรับปรุงในด้านต่างๆ หลายด้านด้วยกัน

นอกจากนี้ยังสามารถมีเวอร์ชัน Portable ซึ่งสามารถใช้งานโดยไม่ต้องทำการติดตั้ง เหมาะสำหรับเก็บไว้ในแฟลชไดร์ฟหรือสื่อเก็บข้อมูลแบบพกพาชนิดอื่นๆ สำหรับนำติดตั้วไปใช้งานบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ และเวอร์ชัน Slim Edition ซึ่งจะไม่มีทูลบาร์

CCleaner นั้นสามารถลบไฟล์ขยะและไฟล์ชั่วคราวของโปรแกรมต่างๆ ดังนี้
- Internet Explorer
- Firefox
- Google Chrome
- Opera
- Safari
- Windows
- Registry cleaner
- Third-party applications

มีอะไรใหม่ใน CCleaner 2.18.878
- Added support for Internet Explorer 8.
- Improved Wipe Free Space routines.
- Improved internal communication between threads.
- Escape key no longer closes CCleaner.
- Added scrolling to Options screen.
- Added support for multiple DetectFile options in INI files.
- Fixed bug when clicking links to navigate to URL.
- Fixed Win98 progress bar problem.
- Fixed repaint problem on Options screen when resizing.
- Minor GUI bugs fixed.

การดาวน์โหลดโปรแกรม CCleaner
ไฟล์โปรแกรม CCleaner จะมีขนาดประมาณ 3.116 MB สำหรับท่านที่สนใจใช้งาน สามารถทำการดาวน์โหลดโปรแกรม CCleaner 2.18.878 ได้จากเว็บไซต์ดังนี้
ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ CCleaner.com
ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ Filehippo
ดาวน์โหลด CCleaner Portable Edition
ดาวน์โหลด CCleaner Slim Edition

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

การซ่อนแอคเคาท์ไม่ให้แสดงบนหน้า Windows Logon

การซ่อนแอคเคาท์ไม่ให้แสดงบนหน้า Windows Logon
แก้ไขล่าสุด: 8 เมษายน 2554

ในการใช้งาน Windows XP นั้นบางครั้งจำเป็นต้องสร้างแอคเคาท์ชั่วคราวสำหรับให้ผู้เยี่ยมชมใช้งาน หรือสำหรับใช้ในกิจกรรมพิเศษต่างๆ อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวนี้ก่อให้เกิดปัญหาน่ารำคาญเล็กน้อย นั้นคือ Windows XP จะแสดงแอคเคาท์ชั่วคราวดังกล่าวบนหน้า Windows Logon ตลอดเวลา ซึ่งวิธีการป้องกันไม่ให้แสดงแอคเคาท์ชั่วคราวนั้นทำได้โดยการลบแอคเคาท์นั้นออกจากระบบ แต่วิธีการนี้ทำให้ต้องสร้างแอคเคาท์ชั่วคราวใหม่อีกครั้งเมื่อต้องการใช้งานในภายหลัง

สำหรับการแก้ไขโดยที่ไม่ต้องลบแอคเคาท์ออกจากระบบนั้นสามารถใช้วิธีการซ่อนแอคเคาท์ชั่วคราวไม่ให้แสดงบนหน้า Windows Logon แทนได้ ซึ่งวิธีนี้มีข้อดีคือไม่ต้องสร้างแอคเคาท์ใหม่เมื่อต้องการใช้งานอีกครั้ง โดยการแก้ไขรีจีสทรีตามรายละเอียดด้านล่าง

ข้อควรระวัง: การแก้ไขรีจิสตรีที่ผิดพลาดอาจทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้นเพื่อให้สามารถทำการเรียกคืนรีจิสตรีได้ในกรณีเกิดปัญหา โปรดสำรองรีจิสตรีและเก็บไว้ในที่ปลอดภัยก่อนลงมือแก้ไข

1. เปิดโปรแกรม Registry editor โดยการคลิก Start คลิก Run พิมพ์ regedit เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter
2. ในหน้าต่างโปรแกรม Registry editor ให้เนวิเกตไปที่รีจีสทรีด้านล่าง

HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\Winlogon\SpecialAccounts\UserList

3. ในแพนดีเทลด้านขวามือ ซึ่งแสดงรายชื่อแอคเคาท์ ให้คลิกขวาบริเวณพื้นที่ว่างคลิก New คลิก DWORD value ตั้งชื่อเป็นให้เป็นชื่อของแอคเคาท์ที่ต้องการซ่อน ในที่นี้ตั้งชื่อเป็น thaiwinadmin

Hide Account
Hide Account

4. ปิดโปรแกรม Registry Editor เพื่อจบการทำงาน

ข้อควรทราบ
วิธีการด้านบนนี้เป็นเพียงการซ่อนแอคเคาท์ (ในที่นี้คือแอคเคาท์ thaiwinadmin) ไม่ให้แสดงบนหน้าต่าง Windows Logon เท่านั้น แต่ว่ายังคงสามารถใช้งานแอคเคาท์ดังกล่าวทำการล็อกออนได้ตามปกติ โดยการกดปุ่ม CTRL+ALT+DEL 2 ครั้ง ที่หน้า Windows Logon เพื่อให้วินโดวส์แสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Logon จากนั้นสามารถพิมพ์ Username และ Password เพื่อทำการล็อกออนเข้าวินโดวส์

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Thursday, March 26, 2009

Mozilla เตรียมออก Firefox 3.0.8

Mozilla เตรียมออก Firefox 3.0.8 เพื่อปิดช่องโหว่
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

มีรายงานว่า Mozilla เตรียมออก Firefox 3.0.8 ซึ่งเป็นการอัพเดทเพื่อปิดช่องโหว่ความปลอดภัยที่เรียกว่า "XSL Parsing 'root' XML Tag Remote Memory Corruption Vulnerability" ซึ่งมีการเผยแพร่ Attack code บนระบบอินเทอร์เน็ตแล้ว ซึ่งแฮกเกอร์สามารถทำการปรับแต่ง Attack code นี้ เพื่อทำการติดตั้งซอฟต์แวร์ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Firefox โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้

สำหรับช่วงโหว่ความปลอดภัยนี้จะมีผลกระทบบนทุกระบบปฏิบัติการทั้ง Windows, Mac OS และ Linux โดยทาง Mozilla ได้จัดลำดับความสำคัญของการอัพเดทนี้เป็นระดับ High-priority และคาดว่าจะออกอัพเดทภายในสัปดาห์นี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่เว็บไซต์ BUG 485217


Copyright © 2009 All Rights Reserved.

WGA Notifications updated for Windows XP Professional

ไมโครซอฟท์เตรียมอัพเดท Windows Genuine Advantage Notifications สำหรับ Windows XP
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ทีมพัฒนา Genuine Windows ได้โพสต์ในบล็อก Windows Genuine Advantage ว่า ไมโครซอฟท์เตรียมอัพเดท Windows Genuine Advantage (WGA) Notifications สำหรับ Windows XP โดยในเวอร์ชันใหม่นั้นจะได้รับการปรับปรุงความสามารถในการตรวจสอบ Product Key ละเมิดลิขสิทธิ์และความพยายามในการแอกติเวชันวิธีอื่นๆ ให้สูงขึ้น

โดยบทความดังกล่าวให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า การอัพเดท WGA ครั้งนี้ ไมโครซอฟท์ได้จะพุ่งเป้าไปที่ Windows XP Professional ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มีการปลอมมากที่สุด โดยการรวมข้อมูล Product Key ที่ถูกขโมยล่าสุด รวมถึง Product Key ที่มีการใช้งานผิดเงื่อนไขข้อตกลง (License agreement term) เข้าในฐานข้อมูลที่ WGA ใช้ในการตรวจสอบ

สำหรับวิธีการติดตั้งอัพเดท WGA นั้น ในกรณีที่ผู้ใช้ได้ทำการติดตั้ง WGA บนระบบอยู่แล้ว สามารถทำการอัพเดทโดยที่ไม่ต้องทำการติดตั้งใหม่แต่อย่างใด ในกรณีที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้ง WGA สามารถทำการติดตั้งได้แบบแมนนวล

ในด้านการทำงาน WGA ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้ผู้ใช้ทำการติดตั้งได้ง่ายขึ้น และเพื่อให้วินโดวส์ทำการอัพเดท WGA เป็นรีลีสล่าสุดอยู่เสมอ ด้วยการดาวน์โหลดอัพเดทอัตโนมัติโดย Automatic Update (AU) และเมื่อดาวนโหลดแล้วเสร็จ AU จะทำการติดตั้งอัพเดทในการล็อกอินหรือการรีบูตในครั้งต่อไป โดยมันจะแสดงหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์แจ้งให้ผู้ใช้ทำการติดตั้ง ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะทำการติดตั้งอัพเดทหรือไม่ หลังจากติดตั้งแล้วหาก WGA ตรวจพบว่าวินโดวส์ที่ใช้ไม่ถูกลิขสิทธิ์ก็จะแสดงได้อะล็อกบ็อกซ์ดังรูปด้านล่าง

Windows Genuine Advantage Notifications
Windows Genuine Advantage Notifications

• บทสรุป
WGA เวอร์ชันใหม่นี้ สามารถติดตั้งง่ายขึ้น สามารถตรวจสอบวินโดวส์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากฐานข้อมูลของ Product Key ที่ละเมิดลิขสิทธิ์มีมากขึ้น สำหรับการทำงานอื่นๆ ยังคงเหมือนกับเวอร์ชันก่อนหน้าซึ่งออกเมื่อเดือนสิงหาคม 2551

ที่มา
Update to WGA Notifications for Windows XP Pro

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Change MAC Address on Windows XP

วิธีการเปลี่ยนหมายเลข MAC Address ของการ์ดเน็ตเวิร์กบน Windows XP
Mac address เป็นหมายเลขประจำตัวของการ์ดเน็ตเวิร์กแต่ละตัวซึ่งมีการคอนฟิกจากโรงงานในขั้นตอนการผลิต โดย Mac address นั้นจะใช้อ้างอิงในการทำงานใน Datalink Layer ซึ่งเป็นเลเยอร์ที่ 2 ของ OSI Model

โดยปกติแล้วหมายเลข MAC Address จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถใช้โปรแกรมบางตัวช่วย (เช่น SMAC: http://www.klcconsulting.net/smac/) เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงเป็นการชั่วคราวได้ ซึ่งมีประโยชน์ในการใช้ทดสอบโปรแกรมหรือการทำงานบางอย่าง แต่บนระบบปฏิบัติการ Windows XP นั้นเราสามารถเปลี่ยนแปลงหมายเลข Mac Address จากได้เลยโดยไม่ต้องใช้โปรแกรมพิเศษใดๆ ตามขั้นตอนดังนี้

1. คลิก Start คลิก Control Panel คลิก Network Connections แล้วคลิกขวาบนการ์ดเน็ตเวิร์กตัวที่ต้องการเปลี่ยน MAC Address จากนั้นคลิก Properties

รูปที่ 1:

2. ในหน้า Local Area Network Connections Properties ให้คลิก Configure

รูปที่ 2:

3. ในหน้า Properties ของการ์ดเน็ตเวิร์ก (ในที่นี้คือ Marwell Yukon Gigabit Ethernet 10/100/1000Base) ให้คลิกแท็บ Advanced

4. จากนั้นในหัวข้อ Property ให้เลือก Network Address จากนั้นในด้านขวามือค่าดีฟอลท์จะเป็น Not Present ให้เปลี่ยนเป็น Value แล้วป้อนค่า Mac address ที่ต้องการเป็นเลขฐาน 16 จำนวน 12 ตัว เช่น 000EA67F44AF (ไม่ต้องเว้นวรรค) เสร็จแล้วคลิก OK เพื่อจบการทำงาน

รูปที่ 3:

หมายเหตุ: หากคอนฟิกเครื่องคอมพิวเตอร์ให้รับค่าจาก DHCP เชิร์ฟเวอร์ ระบบจะทำการร้องขอหมายเลขไอพีใหม่

ผลการทำงาน
หลังจากทำการเปลี่ยนแปลง MAC Address จะได้ผลการทำงานดังรูปด้านล่าง

รูปที่ 4: Original MAC Address

รูปที่ 5: Changed MAC Address

การเปลี่ยน Mac Address กลับเป็นค่าเดิม
วิธีการเปลี่ยน Mac Address กลับเป็นค่าเดิมทำได้ง่ายๆ โดยให้ดำเนินการตามข้อที่ 1-4 ในขั้นตอนด้านบน แต่ในข้อที่ 4 ให้เลือก Network Address เป็น Not Present เสร็จแล้วคลิก OK

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Wednesday, March 25, 2009

Join Computer to AD Domain from Command Line

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

การเพิ่มคอมพิวเตอร์เข้าโดเมน Windows Server 2008 จากคอมมานด์ไลน์
การเพิ่มเครื่องไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์เข้าเป็นสมาชิกของโดเมนในสภาพแวดล้อมแบบ Windows Server 2008 โดเมน นั้นสามารถที่จะกระทำได้จากเครื่องไคลเอ็นต์เอง (อ่านรายละเอียดได้ที่ Add Windows 7 to AD Domain) อย่างไรก็ตามแอดมินยังสามารถใช้เครื่องมือชื่อ Netdom.exe ทำการเพิ่มไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์เข้าเป็นสมาชิกของโดเมนจากระยะไกลได้ โดย Netdom.exe นั้นเป็นเครื่องมือแบบคอมมานด์ไลน์ และแอดมินสามารถใช้ในการเพิ่มไคลเอ็นต์ได้จากบนเครื่อง Windows Server 2008 ที่เป็น Domain Controller หรือ Member Server ก็ได้

รูปแบบคำสั่ง Netdom.exe:
netdom join machine /Domain:DomainName [/OU:ou path] [/UserD:UserName] [/PasswordD:[password / *] ] [/UserO:UserName] [/PasswordO:[password / *]] [REBoot:Time in seconds] [SecurePasswordPrompt]

พารามิเตอร์:
/ComputerName: ชื่อเครื่องไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์ที่ต้องการเพิ่มเข้าเป็นสมาชิกของโดเมน
/DomainName: ชื่อของโดเมน
/OU: ชื่อโอยูที่ต้องการเพิ่มเครื่องไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์เป็น (อ็อปชัน*)
/UserD: โดเมนแอคเคาท์ที่จะใช้ในการเพิ่มคอมพิวเตอร์เข้าเป็นสมาชิกของโดเมน
/PasswordD: พาสเวิร์ดของโดเมนแอคเคาท์ที่จะใช้ในการเพิ่มคอมพิวเตอร์เข้าเป็นสมาชิกของโดเมน
/UserO: โลคอลแอคเคาท์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะทำการเพิ่มเข้าเป็นสมาชิกของโดเมน
/PasswordO: พาสเวิร์ดของโลคอลแอคเคาท์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะทำการเพิ่มเข้าเป็นสมาชิกของโดเมน
/REBoot: จำนวนเวลาเป็นวินาทีที่ให้รอ ก่อนทำการรีบูตเครื่องไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์หลังจากเพิ่มเข้าเป็นสมาชิกของโดเมนเสร็จแล้ว ค่าดีฟอลท์เป็น 30 วินาที (อ็อปชัน*)
/SecurePasswordPrompt: แสดงป็อปอัพสำหรับป้อนค่า Credential ซึ่งจะใช้ในกรณีล็อกออนด้วยสมาร์ทการ์ด และกำหนดให้ระบบถามรหัสผ่าน หรือ /PasswordD:* หรือ PasswordO:* (อ็อปชัน*)

หมายเหตุ:
* เป็นค่าที่ใส่หรือไม่ก็ได้

ตัวอย่างการใช้ Netdom.exe:
ต้องการเพิ่มไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์รายละเอียดดังนี้
Computer name: dellvista
Domain name: blog.thwab.com
Domain Account: administrator
Local Acount: pcad
Password: ให้ถามพาสเวิร์ดในการทำงาน
Reboot: ใช้ค่าดีฟอลท์ คือ 30 วินาที

คำสั่งที่ใช้เพิ่มไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์จะเป็นดังนี้

netdom join dellvista /Domain:blog.thwab.com /UserD:administrator /PasswordD:* /UserO:administrator /PasswordO:*

หลังจากทำการรันคำสั่งสำเร็จแล้ว เครื่องไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์จะทำการรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติใน 30 วินาที หลังการรีสตาร์ทแล้วเสร็จ ให้ทดลองทำการล็อกออนเข้าเครื่องด้วยโดเมนแอคเคาท์


Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Tuesday, March 24, 2009

Windows 7 Build 7057 รั่วออกสู่อินเทอร์เน็ต

Windows 7 Build 7057 รั่วออกสู่อินเทอร์เน็ต (อีกแล้ว)
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ข่าวการรั่วออกสู่อินเทอร์เน็ตของ Build ต่างๆ ของ Windows 7 ยังคงมีอัพเดทออกมาเป็นระยะๆ ล่าสุดเว็บไซต์ VistaNEWS ได้รายงานว่า Build 7057 รั่วออกสู่อินเทอร์เน็ตอีกแล้ว โดยในรายงานกล่าวว่า Build 7057 นั้น มีการเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้าไม่มากนัก ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงเช่น เปลี่ยน Setup wallpaper, เพิ่มไอคอนบน Start Menu, เพิ่ม Themes และเพิ่ม Wallpaper

นอกจากนี้ Build 7057 ยังได้รับการแก้ไขช่องโหว่ Much-publicized UAC security vulnerability สำหรับท่านใดที่สนใจดู Screenshot ของ Build 7057 (ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดในปัจจุบัน) สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ Windows 7 Build 7057 Screenshots ครับ

ที่มา
VistaNEWS

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

ปัญหาการพิมพ์งานออกเครื่องพิมพ์ในโปรแกรม Word

ปัญหาการพิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์ในโปรแกรม Microsoft Word
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ผมไดรับรายงานปัญหาแปลกๆ เกี่ยวกับโปรแกรม Microsoft Word โดยยูสเซอร์โทรมาแจ้งว่าเมื่อทำการพิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์จากโปรแกรม Microsoft Word ปรากฎว่าตัวอักษรจะไปทับบนรูปตามลักษณะดังรูปที่ 1 ทั้งๆ ที่เมื่อทำการพรีวิวก่อนทำการพิมพ์ก็ไม่พบปัญหาดังกล่าว ลักษณะดังรูปที่ 2 โดยปัญหาที่เกิดนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะบางหน้าเท่านั้น

Print out
รูปที่ 1. เอกสารที่พิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์

Preview
รูปที่ 2. เอกสารเมื่อ Preview

ผมพยายามค้นหาสาเหตุอยู่นาน จึงสังเกตเห็นว่าหน้าที่มีปัญหาจะตั้งค่า Styles and Formatting เป็น Normal (Web)+ Angsana New ดังกรอบสีส้มในรูปที่ 3 ในขณะที่หน้าที่ไม่มีปัญหานั้นตั้งค่า Styles and Formatting เป็น Normal + Angsana New จึงทำการเปลี่ยนหน้าที่มีปัญหาให้เหมือนหน้าปกติ แล้วทดลองพิมพ์หน้าดังกล่าวออกทางเครื่องพิมพ์ ผลปรากฎว่าไม่มีปัญหาตัวอักษรซ้อนทับบนรูป

Styles and Formatting
รูปที่ 3. Styles and Formatting

สรุปได้ว่าปัญหาตัวอักษรซ้อนทับบนรูปนั้นน่าจะเกิดจากการตั้งค่า เป็น Normal (Web)+ Angsana New นั้นเองครับ


Copyright © 2009 All Rights Reserved.

External Hard Disks Buyer's Guide

การเลือกซื้อ External Hard Disk
บทความนี้ผมขอนำเสนอข้อแนะนำในการเลือกซื้อ External Hard Disk หรือ External Hard Drive สำหรับไว้ใช้เก็บข้อมูลต่างๆ โดยจะเน้นอุปกรณ์แบบสำเร็จรูป โดยรายละเอียดที่ต้องพิจารณาในการซื้อ External Hard Disk มีดังนี้

1. งบประมาณ
สำหรับใช้งานส่วนตัวนั้นโดยทั่วไปแล้วงบประมาณขั้นต่ำ 2,500 บาท น่าจะเพียงพอ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานด้วย

2. ขนาดของตัวฮาร์ดดิสก์
ขนาดของตัวฮาร์ดดิสก์นั้น โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 ขนาด คือ
• 3.5 นิ้ว คือขนาดของฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปทั่วไป มีข้อดีที่ราคาจะถูกกว่า แต่จะใช้กำลังไฟสูงกว่า และขนาดที่ใหญ่อาจจะทำให้ไม่สะดวกในการพกพา
• 2.5 นิ้ว คือขนาดของฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ในเครื่องโน้ตบุ๊ก มีข้อดีคือสะดวกในการพกพาเนื่องจากมีขนาดเล็ก แต่ราคาจะแพงกว่าขนาด 3.5 นิ้ว

ข้อแนะนำ: สำหรับการเลือกซื้อนั้นถ้าหากต้องการความสะดวกในการพกพาขอแนะนำให้เลือกขนาด 2.5 นิ้วครับ

3. ขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์
การเลือกขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์นั้นขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ปัจจัยที่ 1 คือ งบประมาณ และปัจจัยที่ 2 คือ ความต้องการใช้งาน ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลในตลาดปัจจุบันพบว่ามีให้เลือกใช้งานตั้งแต่ความจุ 160 GB (ราคา 2,000 บาท นิดๆ) จนถึงความจุ 1.5 TB (ราคา 8,000 บาท นิดๆ)

ข้อแนะนำ: แนะนำให้เลือกความจุสูงสุดเท่าที่ปัจจัยด้านงบประมาณจะอำนวยครับ

4. การเชื่อมต่อ
จากการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับ External Hard Disk พบว่าในตลาดปัจจุบันจะมีการเชื่อมต่อแบบ USB 2.0 แทบทั้งหมด สำหรับการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 นั้นคงต้องรออีกระยะหนึ่ง

ข้อแนะนำ: แนะนำให้เลือกการเชื่อมต่อแบบ USB 2.0 ครับ

5. การรับประกัน
การรับประกันของบริษัทผู้ผลิตเป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรพิจารณา โดยทั่วไปแต่ละยี่ห้อจะรับประกันขั้นต่ำ 3 ปี แต่มีบางยี่ห้อที่รับประกันถึง 5 ปี

ข้อแนะนำ: แนะนำให้เลือกซื้อยี่ห้อที่มีการรับประกันสูงสุดเท่าที่ปัจจัยงบประมาณจะอำนวยครับ

6. ข้อพิจารณาอื่นๆ
External Hard Disk บางยี่ห้ออาจจะมีการแถมซอฟต์แวร์เสริมการใช้งานให้มาด้วย อย่างไรก็ตามอาจจะไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญในการเลือกซื้อ

ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นของเอเซอร์ (Acer) ซึ่งล่าสุดออกผลิตภัณฑ์ Aspire easyStore รุ่น D110 (SATA/7200 RPM) และ P110 (SATA/5400 RPM) ด้วยราคาที่เห็นแล้วยั่วใจมากๆ

• Aspire easyStore D110 มี 3 รุ่น คือ รุ่น 320 GB ราคา 2,250 บาท รุ่น 640 GB ราคา 2,990 บาท และ รุ่น 1 TB ราคา 4,100 บาท โดยมีสเปกคร่าวๆ ดังนี้
- Hi-Speed USB 2.0 and SATA/7200 RPM
- Acer Software Suite
- PowerSave up to 70% of energy
- 3 Years warranty

• Aspire easyStore P110 มี 3 รุ่น คือ รุ่น 160 GB ราคา 2,100 บาท รุ่น 250 GB ราคา 2,350 บาท และรุ่น 500 GB ราคา 4,100 บาท โดยมีสเปกคร่าวๆ ดังนี้
- Ultra slim and lightweight
- Hi-Speed USB 2.0 and SATA/5400 RPM
- Acer Software Suite
- PowerSave up to 50% of energy
- 3 Years warranty

สำหรับยี่ห้ออื่นๆ ที่น่าสนใจ จากการเช็คราคาจาก jib.co.th ตัวอย่างเช่น

• Hitachi (USB 2.0, 5400 RPM, 5 Years warranty)
- รุ่นความจุ 160 GB ราคา 2,020 บาท
- รุ่นความจุ 250 GB ราคา 2,590 บาท

• Seagate (USB 2.0, 5400 RPM, 5 Years warranty)
- รุ่นความจุ 250 GB ราคา 2,790 บาท
- รุ่นความจุ 320 GB ราคา 3,200 บาท
- รุ่นความจุ 500 GB ราคา 4,520 บาท

• Western (USB 2.0, 5400 RPM, 3 Years warranty)
- รุ่นความจุ 250 GB ราคา 2,260 บาท
- รุ่นความจุ 320 GB ราคา 2,620 บาท
- รุ่นความจุ 500 GB ราคา 3,950 บาท

ท่านใดที่กำลังจะซื้ออุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ External Hard Disk ก็ลองใช้แนวทางด้านบนเพื่อประกอบในการพิจารณาเลือกซื้อเพื่อให้ได้ของคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการที่สุด

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

ข่าวลือว่า Windows 7 จะมีเวอร์ชัน RC2

ลือกระฉ่อนเน็ตว่า Windows 7 จะมีเวอร์ชัน Release Candidate 2 (RC2)
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

มีข่าวลือกระฉ่อนอินเทอร์เน็ตว่า ไมโครซอฟท์จะออก Windows 7 เวอร์ชัน Release Candidate จำนวน 2 เวอร์ชัน โดยที่จะออกเวอร์ชัน Release Candidate ในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนเมษายน และจากนั้นจะออกเวอร์ชัน Release Candidate 2 ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม โดยข่าวลือดังกล่าวนี้ มีจุดเริ่มต้นจากเว็บไซต์หนึ่ง (ใช้ชื่อว่า Wzor) ในประเทศรัสเซีย

ทางด้านตัวแทนของไมโครซอฟท์ออกมาปฏิเสธถึงข่าวลือดังกล่าว และยืนยันว่าไมโครซอฟท์ยังคงยืนยันแผนพัฒนาเดิม นั้นคือจะออก Windows 7 เวอร์ชัน Release Candidate เพียงเวอร์ชันเดียวเท่านั้น จากนั้นก็จะออกเวอร์ชัน Final สำหรับส่งให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Release To Manufacturing (RTM)


Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Monday, March 23, 2009

พิมพ์หน้าเว็บจาก Internet Explorer โดยไม่แสดง Header/Footer

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ผมเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเกี่ยวกับการพิมพ์หน้าเว็บออกทางเครื่องพิมพ์จาก Internet Explorer เนื่องจากโดยดีฟอลท์นั้น IE จะมีการพิมพ์รายละเอียดของหน้าเว็บในส่วนหัวของหน้า (Header) และ ส่วนท้ายหน้า (Footer)

สำหรับวิธีแก้ไขปัญหานี้แบบชั่วคราวทำได้โดยการปิดอ็อปชัน headers and footers ก่อนทำการพิมพ์ โดยการคลิกเมนู File คลิก Print คลิก Preview จากนั้นคลิกที่ไอคอน Turn headers and footers on or off แต่ถ้าหากต้องการแก้ไขปัญหาเป็นการถาวรก็ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้

1. คลิก File คลิก Page Setup
2. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Page Setup ภายใต้หัวข้อ Headers และ Footers ให้ทำการลบข้อมูลที่อยู่ในกล่องออก
3. คลิก OK

อีกวิธีคือการเปลี่ยนข้อมูลที่จะแสดงในส่วนหัวของหน้าและส่วนท้ายหน้า ตัวอย่างเช่นใส่ &d หรือ &D สำหรับการแสดงวันที่ &t หรือ &T เพื่อแสดงเวลา และ &p เพื่อแสดงหมายเลขหน้าเวลา

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

How to create a Windows 7 Password Reset Disk

การสร้างและใช้งาน Password Reset Disk บน Windows 7
บทความนี้จะแสดงวิธีการสร้างและการรีเซ็ตพาสเวิร์ดด้วย Password Reset Disk บน Windows 7 โดยก่อนอื่นจะต้องเตรียมอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำหรับใช้เก็บไฟล์รีเซ็ตพาสเวิร์ด โดยอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ต้องมีขนาดความจุมากนักก็ได้เพราะไฟล์มีขนาดประมาณแค่ 2 KB เท่านั้น

การสร้าง Password Reset Disk
การสร้าง Password Reset Disk บน Windows 7 มีขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start คลิก Control Panel จากนั้นคลิก User Accounts and Family Safty แล้วคลิก User Accounts
2. ในหน้าต่าง Make changes to your user account ในแพน Tasks ด้านซ้ายมือของหน้าต่าง คลิกที่ลิงค์ Create a password reset disk

Create a password reset disk
Create a password reset disk

3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Welcome to the Forgotten Password Wizard ให้คลิกปุ่ม Next


Welcome to the Forgotten Password Wizard

4. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Create a Password Reset Disk ให้ใส่แผ่นหรือต่ออุปกรณ์ที่จะใช้เป็น Password Reset Disk จากนั้นในส่วน I want to create a password key disk in the following drive ให้เลือกไดร์ฟที่ต้องการ เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next


Create a Password Reset Disk

5. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Current User Account Password ให้พิมพ์พาสเวิร์ดปัจจุบันในกล่อง Current user account password เสร้จแล้วคลิกปุ่ม Next


Current User Account Password

6. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Creating Password Reset Disk รอจนการทำงานแล้วเสร็จ จากนั้นให้คลิกปุ่ม Next


Creating Password Reset Disk 100% complete

7. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Completing the Forgotten Password Wizard ให้คลิกปุ่ม Finish


Completing the Forgotten Password Wizard

หากทำการเปิดอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำหรับใช้เก็บไฟล์รีเซ็ตพาสเวิร์ดจะมีไฟล์ชื่อ userkey.psw ดังรูป

Userkey.psw
File Userkey.psw

การรีเซ็ตพาสเวิร์ดด้วย Password Reset Disk
วิธีการรีเซ็ตพาสเวิร์ดบน Windows Vista ด้วย Password Reset Disk มีขั้นตอนดังนี้

1. ในหน้าต่าง Logon Welcome Screen ให้คลิกแอคเคาต์ที่ต้องการรีเซ็ตพาสเวิร์ด ในที่นี้คือ Administrator
2. บนหน้าต่างถัดไปจะเป็นหน้าต่างสำหรับใส่พาสเวิร์ดให้กด Enter หรือคลิกที่ปุ่มลูกศรที่อยู่ด้านขวามือของกล่อง Password

Logon Screen
Logon Screen

3. วินโดวส์จะแจ้งข้อผิดพลาดว่า The user name or password is incorrect ให้กด Enter หรือคลิก OK

4. ในหน้าต่างถัดวินโดวส์จะแสดง Password Hint เพื่อช่วยผู้ใช้ในการจำรหัสผ่าน หากยังนึกไม่ออกให้คลิกที่ลิงค์ Reset password...

5. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Welcome to Password Reset Wizard ให้คลิก Next

6. ในหน้า Insert the Password Reset Disk ให้ใส่แผ่นหรือต่ออุปกรณ์ Password Reset Disk จากนั้นในส่วน The password key disk is in the following drive ให้เลือกไดร์ฟของแผ่นหรืออุปกรณ์ Password Reset Disk (ในที่นี้ผมใช้ Multimedia Card) เสร็จแล้วคลิก Next

Insert the Password Reset Disk
Insert the Password Reset Disk

7. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Reset the User Account Password ให้ป้อนพาสเวิร์ดใหม่ในกล่อง Type a new password: และ Type the password again to confirm: สำหรับกล่อง Type a new password hint: ซึ่งเป็นส่วนช่วยจำนั้นจะป้อนหรือไม่ก็ได้ เสร็จแล้วคลิก Next

Reset the User Account Password
Reset the User Account Password

8. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Completing the Password Reset Wizard คลิก Finish

9. ในหน้าต่าง Logon Screen ให้ทำการล็อกออนเข้า Windows 7 โดยใช้พาสเวิร์ดตัวใหม่ที่สร้างในขั้นตอนที่ 6

หมายเหตุ:
ควรเก็บ Password Reset Disk ไว้ในที่ปลอดภัย เนื่องจากถ้าหากตกไปอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบได้

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Sunday, March 22, 2009

Avira AntiVir Personal 9.0

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Avira AntiVir Personal-FREE Antivirus, Version 9.0
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา Avira ได้ออกโปรแกรมป้องกันไวรัสเวอร์ชันใหม่ AntiVir Personal 9.0 รายละเอียดดังนี้

รายละเอียดโปรแกรม
ชื่อโปรแกรม: Avira AntiVir Personal
เวอร์ชัน: 9.0.0.386
ไลเซนส์: Free for Personal
เว็บไซต์ผู้พัฒนา: www.free-av.com
ระบบปฏิบัติการที่รองรับ: Windows Vista 32 Bit หรือ 64, Windows XP Home หรือ Professional (แนะนำให้ติดตั้ง SP2), Windows 2000 (แนะนำให้ติดตั้ง SP4)
การดาวน์โหลด:
Download AntiVir Personal 9.0 (.EXE) (ไฟล์ติดตั้งมีขนาดประมาณ 28.61MB)
Download AntiVir Personal 9.0 (.ZIP) (ไฟล์ติดตั้งมีขนาดประมาณ 31.11MB)
• หรือดาวน์โหลดจาก Download.com

ฟีเจอร์ใหม่ใน AntiVir Personal 9.0
AntiVir Personal 9.0 ได้รับการปรับปรุงอินเทอร์เฟชให้ดีขึ้นและใช้งานง่ายขึ้น และมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ดังนี้
• มี Anti-spyware และ Anti-adware
• ได้ทำการปรับปรุง scan engine ใหม่ให้สามารถสแกนไฟล์ที่ถูกล็อกโดยมัลแวร์ได้
• ได้ทำการปรับปรุงระบบความปลอดภัยของตัวโปรแกรมเอง เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากมัลแวร์
• ได้ทำการปรับปรุง heuristic detection engine ใหม่
• เพิ่มอ็อปชัน one-click removal after scanning ซึ่งไม่ต้องคอยยืนยันการลบมัลแวร์ในขณะทำการสแกนระบบ
• ปรับปรุง User guidance และ Configuration assistant ให้ดีขึ้น
• มีการทำงานเร็วขึ้น 20%

นอกจากนี้ AntiVir Personal 9.0 ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้
• Anti Virus ป้องกันคอมพิวเตอร์จากไวรัส เวิร์ม และโทรจัน
• Anti Dialer ป้องกันคอมพิวเตอร์จากการทำ
• Anti Rootkit ป้องกันคอมพิวเตอร์จาก Rootkit
• Anti Phishing ป้องกันคอมพิวเตอร์จาก Phishing

ความต้องการระบบ
AntiVir Personal 9.0 มีความต้องการระบบดังนี้
- มีซีพียูขั้นต่ำ Pentium ความเร็วอย่างน้อย 266 MHz
- หน่วยความจำขั้นต่ำ 192 MB สำหรับ Windows 2000/XP และ 512 MB สำหรับ Windows Vista
- พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ขั้นต่ำ 130 MB (30 MB สำหรับติดตั้งโปรแกรม และ 100 MB สำหรับใช้เก็บข้อมูลชั่วคราว
- การติดตั้งบน Windows 2000/XP จะต้องใช้สิทธิ์ระดับ Administrator

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Configure Hyper-V Virtual Machine

การคอนฟิก Virtual Machine บน Windows Server 2008 Hyper-V
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ในบทความนี้จะอธิบายถึงการคอนฟิก Virtual Machine บน Windows Server 2008 Hyper-V โดยก่อนที่จะดำเนินการได้นั้น ท่านจะต้องทำการขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

1. การติดตั้งบทบาท Hyper-V อ่านรายละเอียดได้ที่ การติดตั้ง Windows Server 2008 Hyper-V
2. การคอนฟิก Hyper-V อ่านรายละเอียดได้ที่ การคอนฟิก Hyper-V Server
3. การสร้าง Virtual Machine อ่านรายละเอียดได้ที่ การสร้าง Virtual Machine บน Windows Server 2008 Hyper-V

การคอนฟิก Virtual Machine บน Windows Server 2008 Hyper-V
การคอนฟิกเวอร์ชวลแมชีนมีขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start คลิก Administrative Tools แล้วคลิก Hyper-V Manager ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปด้านล่าง

Hyper-V Manager
Hyper-V Manager

หมายเหตุ: สามารถเรียก Hyper-V Manager จากหน้าต่าง Server Manager ได้เช่นกัน

2. ในคอลัมน์ Virtual Machines ของหน้าต่าง Hyper-V Manager ให้คลิกขวา Virtual Machine ที่ต้องการคอนฟิก จากนั้นเลือก Settings


Virtual Machine Settings

3. ในหน้าต่าง Settings for [ชื่อ VM ] จะมีการแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ Hardware และ Management ให้เลือกหัวข้อที่ต้องการ จากนั้นทำการคอนฟิกเวอร์ชวลแมชชีนตามความต้องการ

Hardware
การคอนฟิกฮาร์ดแวร์ของเวอร์ชวลแมชชีนบน Hyper-V เซิร์ฟเวอร์ สามารถทำได้ดังนี้
• Add Hardware
หากต้องการเพิ่มฮาร์ดแวร์ให้คลิกที่หัวข้อ Add Hardware ด้านซ้ายมือ แล้วเลือกฮาร์ดแวร์ที่ต้องการเพิ่มให้กับเวอร์ชวลแมชชีนจากด้านขวามือ จากนั้นคลิก Add

• Bios
การคอนฟิก Num Lock และอ็อปชัน Startup ของ เวอร์ชวลแมชชีน ให้คลิกที่หัวข้อ Bios ด้านซ้ายมือ จากนั้นในด้านขวามือ ให้เลือกเช็คบ็อกซ์หน้า Num Lock หากต้องการให้ Num Lock ทำงาน สำหรับอ็อปชัน Startup ให้เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการแล้วคลิกปุ่มขึ้นหรือลง เสร็จแล้วคลิก OK

• Memory
การคอนฟิกหน่วยความจำให้คลิกที่หัวข้อ Memory ด้านซ้ายมือ จากนั้นในด้านขวามือให้ป้อนค่าที่ต้องการในกล่อง RAM เช่น 1024 โดยมีหน่วยนับจะเป็น MB เสร็จแล้วคลิก OK

• Processor
การคอนฟิกโปรเซสเซอร์ให้คลิกที่หัวข้อ Processor ด้านซ้ายมือ จากนั้นในด้านขวามือให้เลือกจำนวนโปรเซสเซอร์จากดร็อปดาวน์ลิสต์ Number of logical processor จากนั้นคอนฟิกค่าต่างๆ ในส่วน Resource control (แนะนำให้ใช้ค่าดีฟอลท์) เสร็จแล้วคลิก OK

• Hard Drive
การคอนฟิกฮาร์ดไดร์ฟ ในด้านซ้ายมือให้คลิกที่หัวข้อ Hard Drive ซึ่งอยู่ภายใต้ IDE Controller 0 จากนั้นในด้านขวามือให้เลือกหัวข้อที่ต้องการ เช่น หากต้องการสร้างเวอร์ชวลฮาร์ดดิสก์ใหม่ก็ให้คลิก New ในหัวข้อ Virtual hard disk (.vhd) file เป็นต้น เมื่อทำการคอนฟิกค่าต่างๆ เสร็จแล้วคลิก OK

• Network Adapter
การคอนฟิกเน็ตเวิร์กอะแด็ปเตอร์ ให้คลิกที่หัวข้อ Network Adapter ในด้านซ้ายมือ จากนั้นในด้านขวามือให้คลิกเลือกเน็ตเวิร์กอะแด็ปเตอร์จากดร็อปดาวน์ลิสต์ Network หากต้องการกำหนด MAC Address สามารถกำหนดเป็นแบบ Dynamic หรือ Static หากต้องการกำหนด VLAN ID ให้เลือกเช็คบ็อกซ์ Enable Virtual LAN identification จากนั้นป้อนหมายเลข ID ในช่อง VLAN ID เสร็จแล้วคลิก OK

Management
การคอนฟิกด้านการจัดการเวอร์ชวลแมชชีนบน Hyper-V เซิร์ฟเวอร์ สามารถทำได้ดังนี้
• Name
การคอนฟิกชื่อของเวอร์ชวลแมชชีน ให้คลิกที่หัวข้อ Name ในด้านซ้ายมือ จากนั้นในด้านขวามือให้ป้อนชื่อที่ต้องการในกล่องใต้ You can edit name of this virtual machine และสามารถใส่รายละเอียดหรือหมายเหตุในกล่องด้านล่าง เสร็จแล้วคลิก OK

• Integration Services
การคอนฟิกบริการซึ่งเชื่อมโยงกับโฮสต์ ซึ่งมีอ็อปชันให้เลือก 5 บริการด้วยกันตามรายละเอียดด้านล่าง เสร็จแล้วคลิก OK
- Operating System shutdown
- Time synchronization
- Data Exchange
- Heartbeat
- Backup (Volume snapshot)

4. เมื่อทำการคอนฟิกเสร็จแล้วให้คลิก OK

Copyright © 2009 All Rights Reserved.

Saturday, March 21, 2009

Microsoft Enterprise Desktop Virtualization (MED-V)

Microsoft Enterprise Desktop Virtualization (MED-V)
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

อัพเดท: ไมโครซอฟท์ออก MED-V v1
ไมโครซอฟท์ออก MED-V v1 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2552 อ่านรายละเอียดได้ที่ Announcing MDOP 2009

ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Vista หลายท่านคงเคยประสบกับปัญหาความไม่เข้ากันของโปรแกรมกับระบบปฏิบัติการ หรือที่ศัพท์เทคนิคเรียกว่าไม่คอมแพตติเบิล (Incompatible) นั้นคือ ผู้ใช้จะไม่สามารถทำการติดตั้ง หรือทำการรันโปรแกรมบางตัวบน Windows Vista ได้ โดยที่โปรแกรมเหล่านั้นกลับทำงานได้บนวินโดว์รุ่นก่อนหน้า (อย่างเช่น Windows XP,ME และ 98 เป็นต้น) ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้ใช้บางส่วนตัดสินใจไม่อัพเกรดจาก Windows XP ไปใช้ Windows Vista

ไมโครซอฟท์ได้ตระหนักดีถึงปัญหาดังที่กล่าวมา ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ไมโครซอฟท์ได้พัฒนา Microsoft Enterprise Desktop Virtualization หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า MED-V โดยล่าสุดได้ออกเวอร์ชัน 1 รุ่น Beta ให้ผู้ที่สนใจดาวน์โหลดไปทดลองใช้งานแล้ว

MED-V นั้นจะทำงานโดยใช้ความสามารถของ Microsoft Virtual PC ในการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์เสมือน (Virtual Machine) และผู้ใช้สามารถเลือกเวอร์ชันของ Windows บนคอมพิวเตอร์เสมือนนี้ได้ (เช่น Windows XP หรือ Windows 98 เป็นต้น) ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถรัน Windows Vista และวินโดว์เวอร์ชันก่อนหน้า (ซึ่งรันโปรแกรมที่ไม่คอมแพตติเบิลกับ Vista) ได้ในเวลาเดียวกัน

สำหรับกำหนดการออก MED-V รุ่นไฟนอลรีลีสนั้น คาดว่าน่าจะออกภายในไตรมาสที่สองของปี 2552 (2009) นี้ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MED-V สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ Microsoft Enterprise Desktop Virtualization (MED-V) Homepage สำหรับท่านที่ต้่องการทดลองใช้งานรีลีส Beta สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ Download MED-V v1 Beta from Microsoft Connect (ต้องใช้ Live ID ในการล็อกออน)

หมายเหตุ:
MED-V นั้นเป็น 1 ใน 6 เทคโนโลยีที่อยู่ในชุด Microsoft Desktop Optimization Pack (MDOP) 2009 โดยจะมีให้ใช้เฉพาะผู้ใช้ที่ซื้อไลเซนส์แบบ Microsoft Volume Licensing Site (MVLS) ผู้ที่เป็นสมาชิก MSDN และ Technet เท่านั้น

Copyright © 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

How to Shrink and Extend NTFS Volumes in Windows Vista

การแบ่งพาร์ติชันใหม่โดยวิธี Shrink Volume บน Vista
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ปัญหาหนึ่งที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในหมู่ผู้ใช้วินโดวส์ คือ ไม่มีการแบ่งพาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ในขั้นตอนการติดตั้งวินโดวส์ และเมื่อใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง มีความต้องการที่จะสร้างพาร์ติชันสำหรับใช้เก็บข้อมูลหรือใช้ในการติดตั้งระบบปฏิบ้ติการอื่นๆ ในแบบมัลติบูต โดยปัญหาลักษณะนี้หากเกิดกับผ฿ที่ใช้ Windows เวอร์ชันก่อนหน้า Vista ผู้ใช้จะมีทางเลือกในการแก้ไขปัญหานี้ใน 3 วิธีด้วยกัน คือ
1. ทำการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ใหม่ทั้งหมดซึ่งมีข้อดีคือไม่ต้องเสียเงินซื้อซอฟต์แวร์แต่ข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์จะหายไปทั้งหมด
2. ซื้อซอฟต์แวร์จัดการพาร์ติชันแบบ 3-rd ปาร์ตี้ อย่างเช่น Partition Magic มาใช้ในการแบ่งพาร์ติชันซึ่งมีข้อดีคือข้อมูลไม่สูญหายแต่ต้องเสียเงินซื้อซอฟต์แวร์
3. ซื้อฮาร์ดดิสก์ตัวที่ 2 มาติดตั้งเพิ่มเติม ซึ่งมีข้อดีคือข้อมูลไม่สูญหาย ได้พื้นที่ว่างมากขึ้นแต่ต้องเสียเงินซื้อซอฟต์แวร์ แต่วิธีการที่ 3 นี้จะต้องพิจารณาตัวเครื่องด้วย เพราะหากเป็นเครื่องโน๊ตบุ้คอาจจะไม่สามารถใช้วิธีการนี้ได้

แต่สำหรับผู้ใช้ Windows Vista สามารถแก้ปัญหานี้ได้ง่ายๆ โดยการใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อ Shrink Volume โดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. ล็อกออนเข้าวินโดวส์ด้วยแอคเคาท์กลุ่ม administrator
2. คลิก Start จากนั้นคลิกขวาที่ Computer แล้วเลือก Manage
3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ User Account Control ให้คลิก Continue หรือใส่พาสเวิร์ดของ Administrator
4. ในหน้าต่าง Computer Management ให้ดับเบิลคลิกหัวข้อ Storage จากนั้นคลิก Disk Management
5. ในแพนด้านขวามือ ให้คลิกขวาพาร์ติชันที่ต้องการ (ในที่นี้เลือกไดร์ฟ F:) แล้วเลือก Shrink Volume แล้วรอจนวินโดวส์คำนวนพื้นที่ว่างแล้วเสร็จ

Shrink Volume
Shrink Volume

6. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Shrink F: ให้ป้อนขนาดพื้นที่ที่ต้องการลบออกจากพาร์ติชันเดิมในช่อง Enter the amount of space to shrink in MB เสร็จแล้วคลิก Shrink และรอจนวินโดวส์ทำงานแล้วเสร็จ

Shrink Drive
Shrink Drive

7. คลิกขวาพื้นที่ว่างที่ได้จากการดำเนินการในขั้นตอนที่ 6 (ซึ่งจะแสดงขนาดพร้อมกับข้อความว่า "Unallocated") จากนั้นคลิก New Simple Volume

New Simple Volume
New Simple Volume

8. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Welcome to the New Simple Volume Wizard ให้คลิก Next
9. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Specify volume size ถัดไปให้ป้อนขนาดพื้นที่ของโวลุ่มที่ต้องการในช่อง Simple volume size in MB เสร็จแล้วคลิก Next

Specify volume size
Specify volume size

10. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Assign Drive Letter or Path ให้กำหนดอักษรชื่อไดรฟ์ให้กับโวลุ่มตามความต้องการ (ในที่นี้กำหนดเป็น K)เสร็จแล้วคลิก Next

Assign Drive Letter
Assign Drive Letter

11. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Format Partition ให้เลือกไฟล์ซีสเต็มที่ต้องการ จากนั้นป้อนลาเบลให้กับโวลุ่มในช่อง Volume label เสร็จแล้วคลิก Next

Format Partition
Format Partition

12. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Completing the New Simple Volume Wizard ให้คลิก Finish แล้วรอจนการฟอร์แมตแล้วเสร็จ

หลังจากวินโดวส์ทำการฟอร์แมตพาร์ติชันแล้วเสร็จ ผู้ใช้สามารถใช้งานพาร์ติชีนที่สร้างขึ้นใหม่ได้เหมือนกับพาร์ติชันอื่นๆ ให้ทดสอบใช้งานโดยการคลิก Start คลิก Computer ซึ่งจะมีไดร์ฟที่สร้างขึ้นตามขั้นตอนด้านบนแสดงอยู่


Copyright © 2009 All Rights Reserved.

3 เกมส์ใหม่ใน Windows 7

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ใน Windows 7 นั้น จะมีเกมส์ใหม่ 3 เกมส์ให้ได้เล่นกัน ดังนี้ Internet Backgammon, Internet Checkers และ Internet Spades ซึ่งเกมส์ทั้ง 3 นี้ ทางไมโครซอฟท์เพิ่มเข้ามาใน Windows 7 ตามคำเรียกร้องของผู้ใช้ โดยในเวอร์ชันใหม่ของเกมส์ทั้ง 3 นี้ ได้รับการออกแบบใหม่รวมถึงการปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นจากเวอร์ชันก่อนหน้า

Internet Backgammon
Internet Backgammon

Internet Checkers
Internet Checkers

Internet Spades
Internet Spades

สำหรับในด้านการเล่นนั้น ผู้เล่นสามารถเล่นเกมส์ได้ในลักษณะดังนี้
- เล่นแบบโหมดออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตกับผู้เล่นอื่นๆ (ในเกมส์ Internet Spades สามารถมีผู้เล่นสูงสุดได้ 4 ผู้เล่นในเวลาเดียวกัน)
- สามารถเลือกระดับทักษะได้ 3 ระดับ เพื่อให้เหมาะสมกับระดับทักษะของผู้เล่น
- ในกรณีที่ผู้เล่นที่เป็นคู่แข่งขันเลิกเล่น คอมพิวเตอร์จะทำการเข้าเล่นต่อจนเกมส์จบ
- สามารถเลือกฉากหลังและการ์ดได้หลากหลายรูปแบบ

นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถดูสถิติการเล่นเกมส์ย้อนหลังได้เช่นเดิมเหมือนกับที่ทำได้ในเวอร์ชันก่อนหน้า


Copyright © 2009 All Rights Reserved.

How to format USB drive with NTFS on Windows XP

ฟอร์แมต USB Flash Drive เป็นไฟล์ซีสเต็ม NTFS บน Windows XP
เป็นที่ทราบกันดีว่าไฟล์ซีสเต็มแบบ NTFS นั้นมีข้อดีกว่าไฟล์ซีสเต็ม FAT32 หลายอย่าง เช่น สนับสนุนการเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) สนับสนุนการบีบอัดข้อมูล (Data Compression) และมีการทำงานที่เร็วกว่าและปลอดภัยกว่า แต่โดยดีฟอลท์ระบบปฏิบัติการ Windows XP จะไม่สนับสนุนการฟอร์แมตอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB (เช่น Flash drive หรือ External Hard Disk) เป็นไฟล์ซีสเต็มแบบ NTFS  อย่างไรก็ตามผู้ใช้ Windows XP สามารถทำการแก้ไขค่านโยบายระบบเพื่อให้สามารถฟอร์แมตอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB เป็นไฟล์ซีสเต็มแบบ NTFS ได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้

1.ต่ออุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB (ในที่นี้ใช้แฟลชไดรฟ์) เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วคลิก Start จากนั้นคลิกขวาที่ My Computer แล้วเลือก Properties
2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ System Properties ให้คลิกแท็บ Hardware แล้วคลิก Device Manager
3. ในหน้าต่าง Device Manager ให้คลิกเครื่องหมาย + หน้าหัวข้อ Disk drives แล้วคลิกขวาที่แฟลชไดรฟ์ตัวที่ต้องการ (ในที่นี้ชื่อ USB FLASH DRIVE USB device) จากนั้นคลิก Properties


4.ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Properties ของแฟลชไดรฟ์ ให้คลิกแท็บ Policies จากนั้นให้เลือกเป็น Optimize for performance เสร็จแล้วคลิก OK


5. ปิดหน้า Device Manager และ System Properties เพื่อจบการทำงาน

วิธีการฟอร์แมต USB Flash Drive เป็น NTFS
หลังจากแก้ไขโพลิซีระบบเป็น Optimize for performance แล้วจะทำให้ Windows XP สามารถทำการฟอร์แมต USB Flash Drive เป็น NTFS ได้ ตามขั้นตอนดังนี้

1. ในกรณียังไม่ได้ต่ออุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB (ในที่นี้ใช้แฟลชไดรฟ์) เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทำการต่อให้เรียบร้อย จากนั้นคลิก Start คลิก Computer
2. ในหน้าต่าง Explorer ให้คลิกขวาบนแฟลชไดรฟ์ที่ต้องการฟอร์แมตแล้วเลือก Format


3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Format Removable Disk (J:) ในหัวข้อ File system ให้เลือกเป็น NTFS เสร็จแล้วคลิก Start (แนะนำให้เลือกอ็อปชัน Quick Format เพื่อความรวดเร็ว)


4. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ WARNING: Formatting will erase All data on this disk. ให้คลิก OK เพื่อยืนยันกันฟอร์แมต แล้วรอจนการทำงานแล้วเสร็จ


5. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Format Complete ให้คลิก OK จากนั้นในหน้า Format Removable Disk (J:) ให้คลิก Close เพื่อจบการฟอร์แมต


นอกจากนี้ สามารถทำการฟอร์แมตจากคอมมานด์พร็อมท์ (Command prompt) ได้ตามขั้นตอนดังนี้

1. คลิก Start พิมพ์ cmd ในช่อง Open เสร็จแล้วกด Enter
2. ที่คอมมานด์พร็อมท์ ให้พิมพ์คำสั่ง format J: /fs:ntfs เสร็จแล้วกด Enter
3. ป้อนชื่อ (Volume Label) เมื่อระบบพร็อมท์ถาม เสร็จแล้วปิดหน้าต่างคอมมานด์พร็อมท์เพื่อจบการฟอร์แมต


บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
PC Tips
The windows Club

Copyright © 2009 All Rights Reserved.