วิธีการกู้คืนระบบ Windows XP ที่เกิดจากรีจีสทรีเสียหาย
สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP นั้น หากรีจีสทรีเกิดความเสียหาย (Corrupt) จะทำให้ไม่สามารถทำการคอมพิวเตอร์เข้าระบบปฏิบัติการ Windows XP ได้ โดยอาจจะได้รับข้อความแสดงความผิดพลาดข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
Windows XP could not start because the following file is missing or corrupt: \WINDOWS\SYSTEM32\CONFIG\SYSTEM
Windows XP could not start because the following file is missing or corrupt: \WINDOWS\SYSTEM32\CONFIG\SOFTWARE
Stop: c0000218 {Registry File Failure} The registry cannot load the hive (file): \SystemRoot\System32\Config\SOFTWARE or its log or alternate
System error: Lsass.exe
When trying to update a password the return status indicates that the value provided as the current password is not correct.
บทความนี้จะอธิบายถึงวธีการกู้คืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ที่เกิดจากการเสียหายของรีจีสทรี โดยใช้ Recovery Console และ System Restore อย่างไรก็ตามหลังจากกู้คืนระบบเสร็จการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังการสร้าง Restore Point จะหายไปด้วย โดยการกู้คืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP นั้น ทางไมโครซอฟต์แนะนำให้ใช้ ASR backup เป็นวิธีการแรก
หมายเหตุ: ท่านสามารถทำการดาวน์โหลด Guide Help ได้ที่เว็บไซต์ http://support.microsoft.com/?scid=aw;en-us;307545&eula=1
ข้อควรทราบ: วิธีการที่อธิบายในบทความนี้ไม่สามารถใช้กับระบบคอมพิวพเตอร์ที่ติดตั้ง Windows XP แบบ OEM ได้
ขั้นตอนการกู้คืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ที่เกิดจากการเสียหายของรีจีสทรี
ส่วนที่ 1
ส่วนที่ 1 จะเป็นการสตาร์ท Recovery Console สร้างโฟลเดอร์ชั่าวคราว ทำการสำรองไฟล์รีจีสทรีไปเก็บยังตำแหน่งใหม่ ทำการลบไฟล์รีจีสทรี จากนั้นทำการก็อปปี้ไฟล์รีจีสทรีที่เก็บอยู่ในตำแหน่งโฟลเดอร์รีแพร์ไปยังโฟลเดอร์ System32\Config
หมายเหตุ: การดำเนินการในส่วนที่ 1 นี้ จะเป็นการก็อปปี้ไฟล์รีจีสทรีเริ่มต้นซึ่งสร้างขึ้นในระหว่างการติดตั้ง Windows XP แต่การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดหลังจากนั้น จะไม่ถูกเรียกคืน
ขั้นตอนการดำเนินการ ส่วนที่ 1:
1. ใส่แผ่น Windows XP สตาร์ทอัพดิสก์ในไดร์ฟ floppy disk หรือใส่แผ่นซีดีติดตั้ง Windows XP ในไดร์ฟ CD-ROM จากนั้นทำการีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ โดยต้องคอนฟิกให้คอมพิวเตอร์บูทจากไดรฟ์ floppy disk หรือ CD-ROM ในลำดับที่เหมาะสม สำหรับการบูทด้วย CD-ROM นั้นจะต้องเลือกเมนูุในระหว่างการบูทด้วย
2. เมื่อปรากฎหน้า "Welcome to Setup" ให้กดปุ่ม R เพื่อเปิดหน้า Recovery Console
3. ในกรณีที่คอมพิวเตอร์เป็นแบบ Dual-boot หรือ Multiple-boot ให้เลือกการติดตั้งที่ท่านต้องการจาก Recovery Console
4. จากนั้นใส่รหัสผ่านของ Administrator หรือกด Enter ในกรณีที่ Administrator ไม่มีรหัสผ่าน
5. ที่คอมมานด์พร้อมท์ของ Recovery Console ให้คำสั่งตามด้านล่างที่ละบรรทัดตามด้วย Enter
md tmp
copy c:\windows\system32\config\system c:\windows\tmp\system.bak
copy c:\windows\system32\config\software c:\windows\tmp\software.bak
copy c:\windows\system32\config\sam c:\windows\tmp\sam.bak
copy c:\windows\system32\config\security c:\windows\tmp\security.bak
copy c:\windows\system32\config\default c:\windows\tmp\default.bak
delete c:\windows\system32\config\system
delete c:\windows\system32\config\software
delete c:\windows\system32\config\sam
delete c:\windows\system32\config\security
delete c:\windows\system32\config\default
copy c:\windows\repair\system c:\windows\system32\config\system
copy c:\windows\repair\software c:\windows\system32\config\software
copy c:\windows\repair\sam c:\windows\system32\config\sam
copy c:\windows\repair\security c:\windows\system32\config\security
copy c:\windows\repair\default c:\windows\system32\config\default
6. เสร็จแล้วพิมพ์ exit เพื่อออกจาก Recovery Console ซึ่งคอมพิวเตอร์จะรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ
หมายเหตุ: วิธีการด้านบนเป็นขั้นตอนสำหรับการติดตั้ง Windows XP ในโฟลเดอร์ C:\Windows หากทำการติดตั้ง Windows XP ในโฟลเดอร์อื่นก็ให้เปลี่ยนเป็นโฟลเดอร์ที่ติดตั้งจริง
ส่วนที่ 2
ในส่วนที่ 2 นั้น จะเป็นการก็อปปี้ไฟล์รีจีสทรีที่แบ็คอัพไว้โดย System Restore ซึ่งโดยดีฟอลท์โฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์แบ็คอัพจะถูกซ่อนไว้ ดังนั้นก่อนดำเนินการจะต้องยกเลิกการซ่อนโฟลเดอร์ก่อน โดยการดำเนินการต่างๆ ในวิธีการนี้ จะต้องทำการล็อกออนด้วยแอคเคาท์ administrator หรือแอคเคาท์ที่เป็นสมาชิกกลุ่ม administrator สำหรับ Windows XP Home Edition นั้น ให้ล็อกออนด้วยแอคเคาท์ที่เป็นสมาชิกกลุ่ม administrator
ในกรณีต้องการล็อกออนด้วยแอคเคาท์ administrator บน Windows XP Home Edition จะต้องทำการสตาร์ทคอมพิวเตอร์เข้า Safe Mode ก่อนตามขั้นตอนดังนี้
การเข้า Safe Mode สำหรับ Windows XP Home Edition
1. คลิก Start คลิก Shut Down (หรือคลิก Turn Off Computer) จากนั้นคลิก Restart แล้วคลิก OK (หรือ Restart)
2. กดฟังชันก์คีย์ F8 (สำหรับคอมพิวเตอร์ที่เป็นแบบ Dual-boot หรือ Multi-Boot ให้กดฟังชันก์คีย์ F8 เมื่อเห็นเมนู Startup)
3. ใช้คีย์ลูกศรเลือกอ็อปชันของ Safe mode ที่เหมาะสม เสร็จแล้วกด Enter
4. สำหรับคอมพิวเตอร์ที่เป็นแบบ Dual-boot หรือ Multi-Boot ใช้คีย์ลูกศรเลือกการติดตั้งที่ต้องการ เสร็จแล้วกด Enter
การยกเลิกการซ่อนโฟลเดอร์
1. เปิด Windows Explorer โดยการคลิก Start คลิก My Computer
2. บนเมนู Tools คลิก Folder options
3. คลิกแทบ View
4. ภายใต้หัวข้อ Hidden files and folders ให้คลิกเลือก Show hidden files and folders และคลิกเคลียร์เช็คบ็อกซ์ Hide protected operating system files (Recommended)
5. คลิก Yes บนไดอะล็อกบ็อกซ์เพื่อยืนยัน
6. ดับเบิคคลิกที่ไดร์ฟซึ่ง Windows XP ติดตั้งอยู่
7. เปิดโฟลเดอร์ System Volume Information โดยในโฟลเดอร์จะบรรจุโฟลเดอร์ _restore {GUID} 1 โฟลเดอร์หรือมากกว่านั้น ตัวอย่างเช่น "_restore{87BD3667-3246-476B-923F-F86E30B3E7F8}"
หมายเหตุ: ในกรณีที่ได้รับข้อความแสดงความผิดพลาด ดังนี้
C:\System Volume Information is not accessible. Access is denied ให้อ่านวิธีการกำหนดเพอร์มิสชันเพื่อให้สามารเข้าถึงโฟลเดอร์ System Volume Information ได้ที่เวบไซต์ System Volume Information folder
8. เปิดโฟลเดอร์ที่ไม่ได้ถูกสร้างในเวลาปัจจุบัน โดยต้องคลิก Details บนเมนู View เพื่อดูเวลาที่โฟลเดอร์ถูกสร้างขึ้น โดยชื่อของโฟลเดอร์จะขึ้นต้นด้วย "RPx" และอาจมีอยู่หลายโฟลเดอร์ด้วยกัน
9. เปิดโฟลเดอร์ใดโฟลเดอร์หนึ่งที่อยู่ภายใน ตัวอย่างเช่น C:\System Volume Information\_restore{D86480E3-73EF-47BC-A0EB-A81BE6EE3ED8}\RP1\Snapshot
10. จากโฟลเดอร์สแนปช็อต ให้ทำการก็อปปี้ไฟล์ต่างๆ ไปยังโฟลเดอร์ C:\Windows\Tmp ดังนี้
• _REGISTRY_USER_.DEFAULT
• _REGISTRY_MACHINE_SECURITY
• _REGISTRY_MACHINE_SOFTWARE
• _REGISTRY_MACHINE_SYSTEM
• _REGISTRY_MACHINE_SAM
11. เปลี่ยนชื่อไฟล์ในโฟลเดอร์ C:\Windows\Tmp ดังนี้
• Rename _REGISTRY_USER_.DEFAULT เป็น DEFAULT
• Rename _REGISTRY_MACHINE_SECURITY เป็น SECURITY
• Rename _REGISTRY_MACHINE_SOFTWARE เป็น SOFTWARE
• Rename _REGISTRY_MACHINE_SYSTEM เป็น SYSTEM
• Rename _REGISTRY_MACHINE_SAM เป็น SAM
ส่วนที่ 3
ในส่วนที่ 3 จะเป็นการลบไฟล์รีจีสทรีของระบบจากนั้น ทำการก็อปปี้ไฟล์รีจีสทรีของ System Restore ไปยังโฟลเดอร์ C:\Windows\System32\Config
1. ใส่แผ่น Windows XP สตาร์ทอัพดิสก์ในไดร์ฟ floppy disk หรือใส่แผ่นซีดีติดตั้ง Windows XP ในไดร์ฟ CD-ROM จากนั้นทำการีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ โดยต้องคอนฟิกให้คอมพิวเตอร์บูทจากไดร์ฟ floppy disk หรือ CD-ROM ในลำดับที่เหมาะสม สำหรับการบูทด้วย CD-ROM นั้นจะต้องเลือกเมนูในระหว่างการบูทด้วย
2. เมื่อปรากฎหน้า "Welcome to Setup" ให้กดปุ่ม R เพื่อเปิดหน้า Recovery Console
3. ที่คอมมานด์พร้อมท์ ให้คำสั่งตามด้านล่างที่ละบรรทัดตามด้วย Enter
del c:\windows\system32\config\sam
del c:\windows\system32\config\security
del c:\windows\system32\config\software
del c:\windows\system32\config\default
del c:\windows\system32\config\system
copy c:\windows\tmp\software c:\windows\system32\config\software
copy c:\windows\tmp\system c:\windows\system32\config\system
copy c:\windows\tmp\sam c:\windows\system32\config\sam
copy c:\windows\tmp\security c:\windows\system32\config\security
copy c:\windows\tmp\default c:\windows\system32\config\default
4. เสร็จแล้วพิมพ์ exit เพื่อออกจาก Recovery Console ซึ่งคอมพิวเตอร์จะรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ
ส่วนที่ 4
1. คลิก Start จากนั้นคลิก All Programs
2. คลิก Accessories จากนั้นคลิก System Tools
3. คลิก System Restore แล้วคลิก Restore to a previous RestorePoint
วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ
• Microsoft Windows XP Home Edition
• Microsoft Windows XP Professional
• Microsoft Windows XP Tablet PC Edition
• Microsoft Windows XP Media Center Edition
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• การใช้งาน Windows XP Recovery Console
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• KB307545
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
1 Comment:
เยี่ยมไปเลยครับ
Post a Comment