ปัญหาการเขียนข้อมูลลงแผ่น DVD บน Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 พร้อมวิธีการแก้ไข
ผู้ใช้ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 จะประสบกับปัญหาในการเขียนข้อมูลลงแผ่น DVD ซึ่งมีสาเหตุมาจากความผิดพลาดของไฟล์ Udfs.sys ซึ่งเป็นไฟล์ไดรเวอร์ของระบบ Universal Disk Format (UDF) โดยปัจจุบันไมโครซอฟท์ได้ออกฮอทฟิกซ์ (Hotfix) เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวนี้แล้ว
สำหรับปัญหาการเขียนข้อมูลลงแผ่น DVD ที่เกิดนั้นจะมี 3 กรณีดังนี้
• กรณีที่ 1
เมื่อทำการแบ็คอัพไฟล์ขนาดใหญ่ลงแผ่น DVD-RW โดยใช้โปรแกรม Windows Backup ใน Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 การทำงานจะล้มเหลว โดยระบบจะแสดงข้อความผิดพลาด ดังนี้
Logical Block Address Out of Range (SCSI_ADSENSE_ILLEGAL_BLOCK).
นอกจากนี้ ฟังก์ชันการนำแผ่นออก (Eject) จะไม่ทำงาน นั้นคือจะไม่สามารถทำการนำแผ่นออกตามขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start แล้ว Computer
2. คลิกขวาที่ไดรฟ์ DVD-RW จากนั้นคลิก Eject
• กรณีที่ 2
เมื่อทำการฟอร์แมตแผ่น DVD+/-RW ในฟอร์แมต UDF ซึ่งเป็นแบบเดียวกับการฟอร์แมต USB flash drive แล้วทำการเขียนไฟล์ข้อมูลลง DVD+/-RW หลังจากเขียนเสร็จเรียบร้อยทำการนำแผ่นออก ต่อจากนั้นทำการใส่แผ่นดังกล่าวเข้าไดรฟ์อีกครั้งเพื่อทำการเขียนไฟล์ข้อมูลลงเพิ่มเติม แต่จะไม่สามารถทำการเขียนข้อมูลลงแผ่น DVD+/-RW ได้ โดยวินโดวส์จะแสดงข้อความผิดพลาด ดังนี้
An unexpected error is keeping you from copying the file. If you continue to receive this error, you can use the error code to search for help with this problem.
Error 0x8007045D: The request could not be performed because of an I/O device error.
• กรณีที่ 3
เมื่อทำการฟอร์แมต DVD+/-R ในฟอร์แมต UDF ซึ่งเป็นแบบเดียวกับการฟอร์แมต USB flash drive จากนั้นเมื่อทำการเขียนไฟล์ข้อมูลลง DVD+/-R การเขียนข้อมูลลงแผ่นจะทำงานช้ามาก ตัวอย่างเช่น บนวินโดวส์วิสต้านั้นจะใช้เวลาประมาณ 20 วินาทีในการเขียนไฟล์ข้อมูลขนาด 100 MB ลงแผ่น DVD+/-R แต่บน Windows 7 จะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเขียนไฟล์ข้อมูลขนาดเดียวกัน
หลังจากทำการดีดแผ่น DVD+/-RW ออก จากนั้นทำการใส่เข้าไดรฟ์ใหม่ DVD+/-RW จะไม่สามารถทำการเขียนไฟล์ลงแผ่น DVD+/-RW ได้ โดยวินโดวส์จะแสดงข้อความผิดพลาด ดังนี้
วิธีการแก้ปัญหา
ไมโครซอฟท์ได้ออกฮ็อตฟิกซ์ (Hotfix) เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวนี้แล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ View and request hotfix downloads โดยหลังจากทำการติดตั้งฮ็อตฟิกซ์เสร็จแล้ว ให้ทำการรีสตาร์ทระบบเพื่อ ให้การเปลี่ยนแปลงมีผล
วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ
วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ Windows เวอร์ชันต่างๆ ดังนี้
• Windows 7 Starter
• Windows 7 Enterprise
• Windows 7 Home Basic
• Windows 7 Home Premium
• Windows 7 Professional
• Windows 7 Ultimate
• Windows Web Server 2008 R2
• Windows Server 2008 R2 Datacenter
• Windows Server 2008 R2 Enterprise
• Windows Server 2008 R2 Standard
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• KB975617
© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.
0 Comment:
Post a Comment