Tuesday, January 15, 2008

Introducing Windows Server 2003

แนะนำระบบปฏิบัติการ Windows Server 2003
เอนทรี่นี้จะเป็นการแนะนำรายละเอียดเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Windows Server 2003 ครับ

ระบบปฏิบัติการสําหรับเครือข่าย (Network Operating System หรือ NOS)
ระบบปฏิบัติการครือข่าย หรือ Network Operating System คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับ การสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายและการใช้ทรัพยากรต่างๆ บนเครือข่าย เช่น เครืองพิมพ์, ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น

สำหรับ Windows Server 2003 เป็นระบบปฏิบัติการสําหรับเครือข่าย (NOS) ที่พัฒนาโดยบริบัทไมโครซอฟท์ โดยออกแบบและพัฒนาความสามารถต่าง ๆ มาจากระบบปฏิบัติการ Windows 2000 Server และยังเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เข้าไปอีกหลายอย่างด้วยกัน

Windows Server 2003 Edition
Windows Server 2003 นั้นมีเอดิชันหลักๆ จำนวน 5 เอดิชัน โดยแต่ละเอดิชันยังแยกออกตามสถาปัตยกรรมของการประมวลผลที่รองรับได้ ซึ่งมี 3 แบบ คือ เอดิชันสำหรับใช้ในระบบสถาปัตยกรรมการประมวลผลแบบ 32 บิต (x86) เอดิชันสำหรับใช้ในระบบสถาปัตยกรรมการประมวลผลแบบ 64 บิต (x64) และเอดิชันสำหรับใช้ในระบบสถาปัตยกรรมการประมวลผลแบบ Intel Itanium (IA64)

1. Standard Edition
Standard Edition เป็นเอดิชันมาตรฐานสําหรับการใช้งานทั่วไป เหมาะกับองค์กรธุรกิจทุกขนาด และมีทั้งเอดิชันสําหรับระบบสถาปัตยกรรมแบบ 32 บิต (x86) และระบบสถาปัตยกรรมแบบ 64 บิต (x64) โดยรองรับหน่วยความจำได้สูงสุด 4 GB และ โปรเซสเซอร์ได้สูงสุด 4 ตัว สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานต่างๆ ได้หลายอย่าง เช่น Active Directory, VPN/Remote Access Server และ เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Internet Information Services 6.0)

2. Enterprise Edition
Enterprise Edition มีความสามารถ (Feature) ต่างๆ ครอบคลุม Standard Edition และมีความสามารถต่างๆ เพิ่มขึ้น คือสามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงสุด 32 GB, โปรเซสเซอร์ได้สูงสุด 8 ตัว, และรองรับการทำคลัสเตอร์ได้ 8 โหนด (Node) Enterprise Edition นั้นเหมาะสําหรับงานที่ต้องการความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพสูง และมีทั้งเอดิชันสําหรับระบบสถาปัตยกรรมแบบ 32 บิต และระบบสถาปัตยกรรมแบบ 64 บิต

3. Datacenter Edition
Datacenter Edition มีความสามารถ (Feature) ต่างๆ ครอบคลุม Enterprise Edition แต่จะตัดความสามารถในการทำ Internet Connection Firewall (ICF) และ Internet Connection Sharing ออกไป สำหรับความสามารถต่างๆ เพิ่มขึ้น คือ ในเอดิชัน 32 บิต สามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงสุด 64 GB และ โปรเซสเซอร์ได้สูงสุด 32 ตัว และในเอดิชัน 64 บิต สามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงสุด 512 GB และ โปรเซสเซอร์ได้สูงสุด 64 ตัว

Datacenter Edition นั้นเหมาะสําหรับใช้งานเป็นศูนย์ข้อมูล (Data center) ที่ต้องการกำลังในการประมวลผลสูงๆ หรืองานที่มีความสําคัญมากๆ หรือระบบที่ต้องทํางานได้ตลอดเวลา (24x7) เป็นต้น

4. Web Edition
Web Edition เป็นเอดิชันเหมาะสําหรับงานให้บริการทางด้านเว็บ (Web service) โดยออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการรัน Internet Information Service 6.0 และสามารรองรับกับเทคโนโลยี XML, ASP.NET และ .NET Framework ซึ่ง Web Edition นั้น สามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงสุด 2 GB และ โปรเซสเซอร์ 2 ตัว

5. Small Business Server 2003 หรือ SBS2003
Small Business Server 2003 เป็นเอดิชันที่พัฒนาให้เหมาะกับการใช้งานและง่ายต่อการนำไปใช้งาน ในธุรกิจขนาดเล็กที่จำนวนผู้ใช้ไม่เกิน 100 คน โดยจะรวมโปรแกรมต่างๆ สำหรับการให้บริการแชร์อินเตอร์เน็ตและรักษาความปลอดภัย ให้บริการอีเมล และให้บริการฐานข้อมูล SBS 2003 แบ่งออกเป็น 2 เอดิชันย่อย คือ

- Standard Edition ซึ่งจะมีโปรแกรม Windows SharePoint Services, Exchange Server 2003, Shared Fax Service
- Premium Edition ซึ่งจะมีโปรแกรม Windows SharePoint Services, Exchange Server 2003, Office Outlook 2003, Fax Service, Shared Fax Service, Internet Security and Acceleration (ISA) Server, SQL Server 2000 และ FrontPage 2003

Windows Server 2003 Release 2 (R2)
Release 2 นั้นออกเมื่อปลายปี 2547 (2005) เป็นเอดิชันย่อย (Minor edition) ของระบบปฏิบัติการในตระกูลวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ ( Windows Server Operating System) โดย R2 นั้นเป็นการพัฒนาต่อจาก Windows Server 2003 บนรากฐานของเซอร์วิสแพ็ค 1 (Service Pack 1) ให้มีเสถียรภาพและความปลอดภัยสูงขึ้น การบริหารจัดการทำได้ง่ายขึ้น, การเชื่อมต่อ, การควบคุม ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเมื่อทำการติดตั้ง Windows Server 2003 Release 2 นั้นจะทำการติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค 1 ด้วย R2 นั้นได้ทำการปรับปรุงในด้านต่างๆ ดังนี้

Server Manageability
R2 จะมาพร้อมกับ MMC3.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของ Microsoft Management Conole ซึ่งช่วยให้ผู้ดูและระบบ (Administrator) สามารถบริหารจัดการระบบได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังมีชุดเครื่องมือบริหารระบบ (Administration tools pack) สำหรับใช้จัดการเฉพาะ R2 คือ เครื่องมือจัดการเครื่องพิมพ์ (Print Management), เครื่องมือจัดการทรัพยากรไฟล์เซิร์ฟเวอร์ (File Server Resource Manager), เครื่องมือจัดการ DFS (DFS Replication),เครื่องมือจัดการการใช้งานร่วมกับยูนิกซ์ ( Identity Management for UNIX), เครื่องมือจัดการไฟล์เซิร์ฟเวอร์ (File Server Management)

Features for Active Directory
R2 จะมาพร้อมกับ Active Directory Application Mode (ADAM) และ Active Directory Federation Services ซึ่งทำหน้าที่ให้บริการการตรวจสอบตัวตนแบบ single user sign-on to (SSO)

Disk and File Management Features
R2 นั้นจะพัฒนาการจัดการดิสก์และไฟล์ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของดิสก์โควต้า (Disk Quota) ซึ่งจะกำหนดเป็นแบบโวลุ่มหรือโฟลเดอร์ (per folder or volume) แทนการกำหนดแบบต่อยูสเซอร์ (per user) และการคิดโควต้าที่ใช้ไปนั้นจะคิกจากการใช้งานจริง (Actual disk space) แทนการคิดจากขนาดของไฟล์ (Logical file size) สำหรับการแจ้งเตือน (Warning) นั้นสามารถแจ้งเตือนผ่านทางอีเมล รายงาน หรือล็อกเหตุการณ์ได้ จากเดิมที่การแจ้งเตือนทำได้แบบล็อกเหตุการณ์เพียงอย่างเดียว

Printer and Protocol Support
R2 นั้นจะอัพเดท Print Management Print Management ใหม่ โดยสามารถที่จะดูรายละเอียดต่างๆ ของเครื่องพิมพ์ได้แบบ นาที-ต่อ-นาที เช่น สถานะของคิว (Queue status), ชื่อของเครื่องพิมพ์ (Printer name), ชื่อไดรฟ์เวอร์ (Driver name), ชื่อเซิร์ฟเวอร์ (Server name) เป็นต้น

Microsoft .NET Framework
R2 นั้นจะมาพร้อมกับ .Net Franework 2.0 ซึ่งรองรับการให้บริการเทคโนโลยีเว็บเซอร์วิสแบบต่างๆ เช่น ASP.NET, WS-I BP 1.1 และ SOAP 1.2

Internet and E-Mail Services and Features
R2 นั้นจะมาพร้อมกับบริการ Windows SharePoint Services 2.0 ซึ่งเป็นเว็บเซอร์วิสด้านการแชร์เอกสาร และสามารถทำงานร่วมกันกับอ็อฟฟิช 2003

UNIX Interoperability
R2 นั้นจะปรับปรุงการใช้งานร่วมกับระบบยูนิกซ์ได้ง่ายขึ้น เช่นการซิงโครไนซ์รหัสผ่านทำได้ง่ายขึ้นเป็นต้น

การประยุกต์ใช้งาน Windows Server 2003
Windows Server 2003 สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานต่างๆ ได้หลายอย่าง ตัวอย่างเช่น
1. ไฟล์และพรินต์เซิร์ฟเวอร์ (File and print server)
2. เว็บเซิร์ฟเวอร์และเว็บเซอร์วิส (Web server and Web application services)
3. เมลเซิร์ฟเวอร์ (Mail server)
4. เทอร์มินอลเซิร์ฟเวอร์ (Terminal server)
5. ให่บริการใช้งานจากระยะไกลและเครือข่ายเสมือนส่วนบุคคล (Remote access and VPN server)
6. ไดเรคตอรีเซิร์ฟเวอร์ (Directory services)
7. โดเมนเนมซิสเต็ม (Domain Name System )
8. บริการแจกจ่ายหมายเลขไอพีอัตโนมัติ (Dynamic Host Configuration Protocol)
9. บริการวินโดวส์อินเตอร์เน็ตเนม (Windows Internet Naming Service)
10. สตรีมมิ่งมัลติมีเดียเซิร์ฟเวอร์ (Streaming media server)

ประโยชน์ที่จะได้จากการใช้งาน Windows Server 2003
กการใช้งาน Windows Server 2003 นั้นผู้ใช้จะได้รับประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
1. Dependable
Windows Server 2003 เป็นระบบที่ไว้วางใจได้ โดยมีพิ้นฐานจากส่วนประกอบดังนี้
- Reliable
Windows Server 2003 ถูกพัฒนาให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น มีดาวน์ไทม์ (Downtime) ลดลงโดยในเอดิชัน Enterprise และ Datacenter ยังสนับสนุนการทํา Cluster ได้สูงถึง 8 โหนด และรองรับ Network load balancing (NLB) ซึ่งช่วยให้การแบ่งภาระการทำงานของแต่ละโหนดเท่าๆ กัน
- Scalable
Windows Server 2003 ถูกออกแบบให้สามารถขยายระบบได้ง่ายขึ้น สามารถใช้งานได้ทั้งสถาปัตยกรรมแบบ 32 บิต (x86) และ 64 บิต (x64, ia64) สามารถใช้งานได้ทั้งแบบตัวประมวลผลเดี่ยว (Single CPU) และหลายตัวประมวลผล (Multi CPU) ซึ่งในเอดิชัน Enterprise สามารถรองรับได้สูงสุดถึง 8 ตัว ในขณะที่เอดิชัน Datacenter สามารถรองรับการใช้งานได้สูงสุด 64 ตัว การรองรับหน่วยความจำ (RAM)สามารถรองรับได้สูงสุดถึง 2 เทราไบต ในรุ่น 64 บิต ในขณะที่การทำงานต่างๆ เช่น แอ็คทีฟไดเร็คตอรี (Active Directory), เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server), เทอร์มินอลเซิร์ฟเวอร์ (Terminal Server) ก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย
- Security
Windows Server 2003 ถูกออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น โดยใช้ The common language runtime ซึ่งช่วยลดจำนวนข้อผิดพลาดในการพัฒนาโปรแกรม ซึ่งเป็นผลให้มีช่วงโหว่ด้านความปลอดภัย (Vulnerability) ลดลง และยังช่วยในการตัวตรวจการทำงานของระบบเพื่อให้ระบบทำงานอย่างเหมาะสม นอกจากนี่ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Internet Information Services 6.0 (IIS 6.0) ซึ่งเป็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างมากในระบบวินโดวส์ 2000 โดยบนวินโดวส์ 2003 นั้นจะไม่ทำการติดตั้ง IIS 6.0 พร้อมกับระบบปฏิบัติการ นั้นคือหากต้องการใช้งานผู้ใช้ต้องทำการติดตั้งดวยตนเอง

2. Productive
- File and print services
Windows Server 2003 ได้ปรับปรุงการจัดการการให้บริการไฟล์และการพิมพ์ให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงขึ้น สะดวกในการใช้งาน และมีความคุ้มค่าสูงสุด (TCO)
- Active Directory
Windows Server 2003 ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการขยายระบบของการให้บริการแอ็คทีฟไดเร็คตอรี (Active Directory) ซึ่งทำหน้าเป็นศูนย์กลางในการเก็บข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดของระบบให้ดียิ่งขึ้น ทำให้จัดการ การค้นหา และการจัดลำดับชั้นของข้อมูลต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น
- Manageable
ในด้านการบริหารจัดการนั้น ทั้ง Active Directory และ Group Policy Management ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น และยังสนับสนุน Remote Installation Service(RIS) ซึ่งจะช่วยให้การติดตั้ง ซอฟต์แวร์ ต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น
- Storage management
Windows Server 2003 ได้ปรับปรุงการจัดการ และการบำรุงรักษาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล การสำรองข้อมูล การเรียกคืนข้อมูล และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย (Storage area network) ทำได้ง่ายขึ้น
- Terminal Services
Windows Server 2003 ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถของการบริการเทอร์มินอลเซิร์ฟเวอร์ให้ดียิ่งขึ้น และมีความปลอดภัยมากขึ้น

3. Connected
- XML Web Services
Windows Server 2003 จะรองรับการให้บริการ XML เว็บเซอร์วิส โดยจะใช้งานร่วมกันกับ IIS 6.0
- Networking and communications
Windows Server 2003 ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถด้านโครงสร้างพื้นฐานของระบบเครือข่าย (Network Infrastructures) ให้มีความหลากหลาย (Versatility), สามารถจัดการได้ (manageability), และไว้วางใจได้ (dependability) เพื่อให้ความมันใจว่าการติดต่อสื่อสารกันระหว่าง หุ้นส่วน คู่ค้า ลูกค้า หรือพนักงานเองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

- Windows Media Services
Windows Server 2003 จะรวมบริการสตรีมมิ่งมีเดีย (Streaming media services) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเวอร์ชันถัดไปของเทคโนโลยีไมโครซอฟต์วินโดวส์มีเดีย และยังรวมถึง วินโดวส์มีเดียเพลเยอร์ วินโดวส์มีเดียเอ็นโค้ดเดอ และวินโดวส์มีเดียเดฟเวล็อปเมนต์

4. Best Economics
Windows Server 2003 นั้นมีความคุ้มค่าอย่างยิ่ง เนื่องจากมีทั้งบริการที่จำเป็นสำหรับการใช้งานขั้นพื้นฐาน และที่บริการเพิ่มเติมที่สามารถรองรับให้เลือกใช้งานหลากหลาย และยังได้ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Infrastructures) ขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ การติดตั้งใช้งาน การบริหารจัดการในด้านต่างๆ สามารถทำได้ง่าย และสามารถรองรับการใช้งานได้ตั้งแต่ระดับเล็กที่มีผู้ใช้ไม่กี่สิบคน มีเครื่องตอมพิวเตอร์ไม่กี่สิบเครื่อง จนถึงระดับเอ็นเตอร์ไพรส์ที่มีผู้ใช้เป็นหมื่นคน มีเครื่องตอมพิวเตอร์เป็นหมื่นเครื่อง มีสาขาเป็นร้อยสาขา

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Windows Server 2003

© 2008 TWA Blog. All Rights Reserved

0 Comment: