Wednesday, September 30, 2009

การติดตั้ง Microsoft Security Essentials

บทความนี้จะแสดงวิธีการติดตั้ง Microsoft Security Essentials (MSE) บน Windows 7 Professional (RTM) Build 7600 32-bit สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ดาวน์โหลดโปรแกรม Microsoft Security Essentials สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ Download Free: Microsoft Security Essentials

การติดตั้ง Microsoft Security Essentials นั้นง่ายและตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม ก่อนที่โปรแกรมจะทำการติดตั้ง จะมีการตรวจสอบวินโดวส์ (Validate) ที่ใช้ว่ามีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ โดยการติดตั้งมีขั้นตอนดังนี้

1. ในโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ติดตั้ง Microsoft Security Essentials ให้ดับเบิลคลิกไฟล์ mssefullinstall-x86fre-en-us-vista-win7.exe จากนั้นในหน้าไดอะล็อกซ์ UAC ให้คลิก Yes เพื่อเริ่มทำการติดตั้ง


2. ในหน้า Welcome to the Microsoft Security Essentials 1.0 Installation Wizard ให้คลิก Next เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป


3. ในหน้า Microsoft Security Essentials License Agreement ให้คลิก I accept เพื่อยอมรับข้อตกลง


4. ในหน้า Validate your copy of Microsoft Windows ให้คลิก Validate เพื่อทำการตรวจสอบวินโดวส์ (Validate) ที่ใช้ว่ามีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ แล้วรอจนการตรวจสอบวินโดวส์แล้วเสร็จ


5. ในหน้า Ready to install Microsoft Security Essentials ให้คลิก Install เพื่อเริ่มการติดตั้ง แล้วรอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ


6.  ในหน้า Completing the Microsoft Security Essentials Installation Wizard หากไม่ต้องการให้โปรแกรมทำการสแกนคอมพิวเตอร์หลังการติดตั้ง ให้เคลียร์เช็คบ็อกซ์ Scan my computer for potential threats after getting the latest updates. เสร็จแล้วคลิก Finish เพื่อจบการติดตั้


หลังจากคลิก Finish โปรแกรม Microsoft Security Essentials จะทำการอัพเดท Virus & spyware definitions ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลายนาที หลังจากทำการอัพเดทเสร็จแล้วจะได้หน้าต่างโปรแกรม Microsoft Security Essentials ดังรูปด้านล่าง


หมายเลขเวอร์ชันของ Microsoft Security Essentials
สำหรับหมายเลขเวอร์ชันของโปรแกรม Microsoft Security Essentials เวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์คือ 1.0.1611.0 ดังรูปด้านล่าง


© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

Microsoft Security Essentials โปรแกรม Antivirus and Antispyware ฟรีจากไมโครซอฟท์

เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วสำหรับโปรแกรม Microsoft Security Essentials หรือ MSE ซึ่งเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสและแอนตี้สปายแวร์แบบฟรีแวร์ (Freeware) ของไมโครซอฟท์

Tuesday, September 29, 2009

วิธีสร้างชุดติดตั้ง Windows 7 USB Flash Drive ด้วย WinToFlash

ก่อนหน้านี้ผมได้แนะนะวิธีสร้างชุดติดตั้ง Windows 7 แบบยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ไปแล้ว 3 วิธี ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป อย่างเช่น การสร้างชุดติดตั้ง Windows 7 USB Flash Drive ด้วย USB/DVD download tool จะรองรับเฉพาะไฟล์ ISO เท่านั้น, ส่วน การสร้างชุดติดตั้ง Windows 7 USB Flash Drive ด้วย UltraISO ที่ต้องใช้โปรแกรมเขียนแผ่นดีวีดีในการทำงาน ในขณะที่ การสร้างชุดติดตั้ง Windows 7 จาก USB Flash Drive ด้วย Diskpart เป็นวิธีการแบบบรรทัดคำสั่งที่ค่อนข้างยากและซับซ้อนจึงไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป

Monday, September 28, 2009

How to format USB drive with NTFS on Windows 7

การฟอร์แมตอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB ในไฟล์ซีสเต็มแบบ NTFS บน Windows 7
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ไฟล์ซีสเต็มแบบ NTFS นั้น มีข้อดีกว่าไฟล์ซีสเต็ม FAT32 หลายอย่าง เช่น รองรับการเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) รองรับการบีบอัดข้อมูล (Data Compression) และมีการทำงานที่เร็วกว่าและปลอดภัยกว่า

ใน Windows เวอร์ชันก่อนหน้าอย่าง XP หรือ Vista จะไม่สามารถทำการฟอร์แมตอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB (เช่น Flash drive หรือ External Hard Disk) เป็นไฟล์ซีสเต็มแบบ NTFS ได้โดยตรง แต่ใน Windows 7 สามารถทำการฟอร์แมตอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB ในไฟล์ซีสเต็มแบบ NTFS ได้ง่าย ตามขั้นตอนดังนี้

1. ต่ออุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB (ในที่นี้ใช้แฟลชไดรฟ์) เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นคลิก Start คลิก Computer
2. ในหน้าต่าง Explorer ให้คลิกขวาบนแฟลชไดรฟ์แล้วเลือก Format



3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Format Removable Disk (J:) ในหัวข้อ File system ให้เลือกเป็น NTFS เสร็จแล้วคลิก Start (แนะนำให้เลือกอ็อปชัน Quick Format เพื่อความรวดเร็ว)



4. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ WARNING: Formatting will erase All data on this disk. ให้คลิก OK เพื่อยืนยันกันฟอร์แมต แล้วรอจนการทำงานแล้วเสร็จ



5. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Format Complete ให้คลิก OK จากนั้นในหน้า Format Removable Disk (J:) ให้คลิก Close เพื่อจบการฟอร์แมต



การใช้ประโยชน์อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB ที่ฟอร์แมตแบบ NTFS
หลังจากฟอร์แมตอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB เป็นไฟล์ซีสเต็ม NTFS แล้ว สามารถใช้ประโยชน์จาก NTFS Permission ในการกำหนดการเข้าถึงข้อมูลได้ตามความต้องการ เช่นเหมือนกับการกำหนดเพอร์มิสชันบนฮาร์ดดิสก์ที่ฟอร์แมตเป็นไฟล์ซีสเต็ม NTFS

โดยการกำหนด NTFS Permission บนอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB ที่ฟอร์แมตเป็นไฟล์ซีสเต็ม NTFS มีขั้นตอนดังนี้

1. กรณียังไม่ได้ต่อแฟลชไดรฟ์เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ต่อให้เรียบร้อย จากนั้นคลิก Start คลิก Computer
2. ในหน้าต่าง Explorer ให้คลิกขวาบนโฟลเดอร์ที่ต้องการแล้วเลือก Properties



3. ในหน้า Properties ของโฟลเดอร์ ให้คลิกแท็บ Security จากนั้นคลิกปุ่ม Edit



4. ในหน้า Permission ของโฟลเดอร์ ให้เพิ่ม User ที่ต้องการ (เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้ลบ Everyone ออก) เสร็จแล้วคลิก OK



5. ในหน้า Properties ของโฟลเดอร์คลิก OK เพื่อจบการกำหนดเพอร์มิสชัน

หลังจากทำการกำหนดเพอร์มิสชันเสร็จแล้ว เมื่อมำการเอ็กพลอเรอร์แฟลชไดรฟ์บน Windows 7 ไอคอนโฟลเดอร์จะมีสัญลักษณ์รูปแม่กุญแจดังรูปด้านล่าง



จากตัวอย่างด้านบนนี้ เมื่อทำการลบเพอร์มิสชันของ Everyone ออกจากโฟลเดอร์ จะทำให้มีเฉพาะผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของโฟลเดอร์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูล

สำหรับการนำแฟลชไดรฟ์ที่ฟอร์แมตเป็น NTFS ไปใช้บนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ในกรณีที่ทำการลบเพอร์มิสชันของ Everyone ออกจากโฟลเดอร์ จะทำให้ผู้ใช้ทุกคนรวมถึงเจ้าของโฟลเดอร์จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้

หมายเหตุ: รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NTFS Permission อ่านได้จากบมความเรื่อง Shared Permission vs NTFS Permission สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Rights และ Permissions สามารถอ่านได้จากบมความเรื่อง Rights vs Permissions

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

No Windows 7 on Custom PCs Before October 22

Windows 7
ไม่มีเครื่องพีซีใหม่ที่มาพร้อม Windows 7 ก่อนวันที่ 22 ตุลาคม
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

สำหรับท่านที่ติดตามความเคลื่อนไหวของ Windows 7 คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไมโครซอฟท์จะวางจำหน่าย Windows 7 ในวันที่ 22 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทำการวางจำหน่ายเครื่องพีซีใหม่ที่ติดตั้ง Windows 7

แต่เนื่องจากไมโครซอฟท์ได้เคยประกาศไว้ว่า บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจะได้รับต้นฉบับของ Windows 7 ไม่ช้ากว่าวันที่ 13 ตุลาคม จึงทำให้เกิดข่าวลือว่า จะมีผู้ผลิตแบบ System builder บางรายจะทำการจำหน่ายเครื่องพีซีใหม่พร้อมกับ Windows 7 ก่อนวันที่ 22 ตุลาคม

อย่างไรก็ตาม มีรายงานในเว็บไซต์ ZDNet (http://blogs.zdnet.com/microsoft/?p=4079) ว่า Windows 7 OEM Preinstallation Kit (OPK) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ต้องใช้ในการติดตั้ง Windows 7 ยังพัฒนาไม่เสร็จ จึงไม่น่าที่จะเป็นไปได้ที่บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สามารถวางจำหน่ายเครื่องพีซีใหม่พร้อมกับ Windows 7 ก่อนวันที่ 22 ตุลาคม

หากดูรายละเอียดกำหนดการส่งมอบ Windows 7 ซึ่งไมโครซอฟท์จะเริ่มเปิดให้ Authorized Replicators ส่งมอบ Windows 7 ให้แก่ Microsoft OEM Authorized Distributors ในวันที่ 12 ตุลาคม และต้องผ่านกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ  หลายขั้นตอนกว่าจะสามารถส่งมอบให้กับ System Builder  ในขณะที่ OEM รายใหญ่อย่าง HP, Del l จะได้รับ Windows 7 จากไมโครซอฟท์โดยตรง

ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ผลิตแบบ System Builder จะสามารวางจำหน่ายเครื่องพีซีใหม่พร้อมกับ Windows 7 ก่อนวันที่ 22 ตุลาคม

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
NEWS Softpedia

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.
Share/Save/Bookmark

Sunday, September 27, 2009

Moving to Windows 7

สิ่งที่ต้องทราบก่อนทำการย้ายไปใช้ Windows 7
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึง 1 เดือนแล้ว ที่ไมโครซอฟท์จะออก Windows 7 สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ในระหว่างนี้ชาว IT คงได้ทำการทดสอบและเตรียมความพร้อมสำหรับ Windows 7 กันบ้างแล้ว โดยไมโครซอฟท์ได้ให้คำแนะนำถึงวิธีการอัพเกรดเป็น Windows 7 ดังนี้

สำหรับผู้ที่ใช้ Windows Vista:
สำหรับผู้ที่ใช้ Windows Vista สามารถทำการอัพเกรดเป็น Windows 7 ในรุ่น (Edition) ที่เทียบเท่าหรือสูงกว่าได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น สามารถอัพเกรดจาก Windows Vista รุ่น Home Basic และ Home Premium สามารถอัพเกรดเป็น Windows 7 Home Premium หรือ Ultimate สำหรับรายละเอียดทั้งหมดอ่านได้ที่ Windows 7 Upgrade Chart

วิธีการอัพเกรดทำได้โดยการใส่แผ่นดีวีดีติดตั้ง Windows 7 รุ่นที่เหมาะสมกับ Windows Vistaจากนั้นรัน Setup แล้วในหน้าต่าง Which type of installation do you want? ให้เลือกเป็น “Upgrade”


Upgrade or Custom (Advanced)

โดยกระบวนการอัพเกรดนั้นจะเร็วกว่าและง่ายกว่าการติดตั้้งแบบ "Clean Installation" โดยไฟล์ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ การตั้งค่าระบบต่างๆ และโปรแกรมต่างๆ ที่อยู่บนระบบ Windows Vista จะถูกย้ายมาอยู่บนระบบใหม่โดยอัตโนมัติ

สำหรับผู้ที่ใช้ Windows XP:
สำหรับผู้ที่ใช้ Windows XP ที่ต้องการอัพเกรดไปเป็น Windows 7 จะไม่สามารถทำการอัพเกรดโดยตรงเหมือนกับ Windows Vista ได้

ขั้นตอนแรกจะต้องทำการประเมินระบบฮาร์ดแวร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ว่าสามารถรองรับกับ Windows 7 ได้หรือไม่ โดยใช้ Windows 7 Upgrade Advisor Beta

ในกรณีที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถรองรับกับ Windows 7 ได้ ให้ทำการบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยแผ่นดีวีดีติดตั้ง Windows 7 จากนั้นในหน้าต่าง Which type of installation do you want? ให้เลือกเป็น Custom (Advanced) ตามรูปด้านบน

โดยกระบวนการอัพเกรดนั้นใช้เวลานานกว่าและยุ่งยากกว่าการ "Upgrade" Windows Vista ไปเป็น Windows 7 ผู้ใช้จะต้องทำการสำรองข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เก็บไว้ในสื่อเก็บข้อมูลภายนอกเอง และหลังจากติดตั้งเสร็จจะต้องทำการติดตั้งโปรแกรมรวมถึงทำการตั้งค่าต่างๆ ใหม่ (จะต้องพิจารณาเรื่องไลเซนส์ของแต่ละโปรแกรม) จากนั้นจึงทำการย้ายข้อมูลจากที่เก็บไว้ในสื่อเก็บข้อมูลภายนอกลงระบบใหม่เอง

สำหรับวิธีการอัพเกรด Windows XP ไปเป็น Windows 7 มีวิธีการคล้ายกับการติดคั้ง Window 7 ใหม่ สามารถดูรายละเอียดได้ที่การติดตั้ง Windows 7 Home Premium Installation หรือดูได้จากเว็บไซต์ Springboard Series

สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการอัพเกรดเป็น Windows 7:
สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการอัพเกรดเป็น Windows 7 ก่อนที่จะถึงวันวางจำหน่าย Windows 7 ในวันที่ 22 ตุลาคม 2552 สามารถสั่งซื้อ Windows 7 ล่วงหน้าได้จาก Microsoft Online Store หรือจากตัวแทนจำหน่ายของไมโครซอฟท์

สำหรับนักเรียนนักศึกษา (เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา) สามารถสั่งซื้อ Windows 7 ได้ในราคาพิเศษเพียง $29.99 เท่านั้น (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,020 บาท) ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://www.win741.com/

นอกจากนี้ สำหรับผู้ใช้ที่มีคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง สามารถสั่งซื้อ Windows 7 Family Pack ซึ่งสามารถใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้จำนวน 3 เครื่อง ในราคาพิเศษเพียง $149.99 เท่านั้น (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,100 บาท)

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Moving to Windows 7

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

วิธีสร้างชุดติดตั้ง Windows 7 จาก USB Flash Drive โดยใช้ Diskpart

ผมเคยแนะนำวิธีการสร้างชุดติดตั้ง Windows 7 USB Flash Drive ในความเรื่อง Create Bootable Windows 7 USB Flash Drive โดยเป็นวิธีการที่ต้องใช้โปรแกรมเขียนข้อมูลลงแผ่นดีวีดีอย่างเช่น Nero หรือ UltraISO ช่วยในการทำงาน ซึ่งอาจจะไม่สะดวกสำหรับท่านที่ไม่มีโปรแกรมดังกล่าว

Saturday, September 26, 2009

วิธีสร้างชุดติดตั้ง Windows 7 USB Flash Drive ด้วย UltraISO

ในการติดตั้ง Windows 7 โดยทั่วไปแล้วเราจะทำการติดตั้งโดยใช้แผ่น Setup DVD แต่ปัจจุบันยูเอสบีแฟลชไดรฟ์มีราคาถูกลงเป็นอย่างมากในขณะที่มีความจุมากพอสำหรับการใช้เก็บไฟล์ติดตั้งของ Window 7 ได้อย่างสบายๆ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับนำมาใช้ทำชุดติดตั้ง Windows 7 เพราะนอกจากจะมีขนาดเล็กทำให้พกพาได้สะดวกแล้วยังช่วยเพิ่มความเร็วในการติดตั้งอีกด้วย

Friday, September 25, 2009

Configure Time and Date Settings in Windows 7

การตั้งค่าเวลาและวันที่ใน Windows 7
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

กรณีที่ Windows 7 มีปัญหาเวลา (Time) และวันที่ (Date) ของ Windows 7 นั้นไม่ตรงกับเวลาและวันที่ที่ถูกต้อง ผู้ใช้ซึ่งมีสิทธิ์ระดับ Administrator สามารถทำการตั้งค่าเวลาและวันที่ใหม่ให้ถูกต้องตามขั้นตอนดังนี้

1. ดำเนินการข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
1.1 คลิก Start คลิก Control Panel ในหน้าต่าง Control Panel ให้คลิกหัวข้อ Clock, Language, and Region จากนั้นในหน้า lock, Language, and Region ให้คลิก Set the time and date
1.2 คลิก Start พิมพ์ timedate.cpl แล้วกด Enter
1.3 คลิกที่นาฬิกา (Clock) บน System tray แล้วคลิก Change date and time settings



2. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Date and Time ให้คลิกปุ่ม Change date and time



3. จากนั้นในไดอะล็อกบ็อกซ์ Date and Time Settings ให้ทำการตั้งเวลาและวันที่ให้ถูกต้อง เสร็จแล้วคลิกปุ่ม OK



หมายเหตุ: กรณีที่ตั้งค่าเป็น UAC เป็นระดับสูงสุด คือ Always notify เมื่อทำการเปลี่ยนวันที่ (Date) และเวลา (Time) วินโดวส์จะแสดง UAC ดังรูปด้านล่าง หากต้องการดำเนินการต่อให้คลิก Yes



4. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Date and Time คลิกปุ่ม OK เพื่อจบการทำงาน

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

Configure Time and Date Settings in Windows Server 2008

การตั้งค่าเวลาและวันที่ใน Windows Server 2008
บทความโดย: Windows Administrator Blog

กรณีที่เกิดปัญหาเวลา (Time) และวันที่ (Date) ของ Windows Server 2008 นั้นไม่ตรงกับเวลาจริง แอดมิน (Administrator) สามารถทำการตั้งค่าเวลาและวันที่ให้ถูกต้องตามขั้นตอนดังนี้

1. ดำเนินการข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
1.1 คลิก Start คลิก Control Panel ในหน้าต่าง Control Panel ให้คลิกที่ไอคอน Date and Time
1.2 คลิก Start พิมพ์ timedate.cpl แล้วกด Enter
1.3 คลิกที่นาฬิกา (Clock) บน System tray แล้วคลิก Change date and time settings


2. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Date and Time ให้คลิกปุ่ม Change date and time


3. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Date and Time Settings จากนั้นทำการตั้งเวลาและวันที่ให้ถูกต้อง เสร็จแล้วคลิกปุ่ม OK


4. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Date and Time คลิกปุ่ม OK เพื่อจบการทำงาน

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

Thursday, September 24, 2009

First Update for Windows 7 Resolves Application Compatibility Issues

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดท (KB974332) ตัวแรกสำหรับ Windows 7 เพื่อแก้ปัญหาคอมแพตติเบิล
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 52 ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดทหมายเลข KB974332 เพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการคอมแพตติเบิลของโปรแกรมบางตัว ซึ่งไม่สามารถทำงานบน Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 ได้

โดยอัพเดทหมายเลข KB974332 นี้นับเป็นอัพเดทตัวแรกสำหรับWindows 7 RTM สำหรับรายชื่อโปรแกรมที่ได้รับการแก้ปัญหาเรื่องคอมแพตติเบิล มีดังนี้

• Alcohol 52%: Update enables Windows 7 compatible Alcohol 52% versions to work
• Altiris and Symantec Virtual Software up to version 6.1.499.x: Upgrade Block to avoid errors during Windows upgrade
• ZoomText version 9.18: Driver hard Block to prevent an error
• Dell Printer Driver (Models-V105, V305 and V505) : Upgrade Block to avoid setup failure
• Trend Micro Internet Security 2007: Upgrade Block to avoid error during Windows upgrade
• Trend Micro Internet Security 2008: Upgrade Block to avoid error during Windows upgrade
• Trend Micro Internet Security 2009: Upgrade Block to avoid error during Windows upgrade
• YiDongFeiXin version 2.2.x and version 3.5.x: Enables application to work
• PGP Desktop up to version 9.x: Soft Block to warn about possible issue after Windows upgrade
• Trend Micro VirusBuster 2008: Upgrade Block to avoid errors
• Windows Live Photo Gallery: Update Windows Live Photo Gallery to avoid file association issue with Windows Media Player OCX

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้ประกาศว่า จะมีการออกอัพเดทเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการคอมแพตติเบิลกับ Windows 7 ของอีกหลายโปรแกรมในเดือนหน้า

การติดตั้งอัพเดท
สำหรับผู้ที่ใช้ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 สามารถทำการติดตั้งอัพเดทหมายเลข KB974332 ได้จากจากเว็บไซต์ Microsoft Windows Update ผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรืออัพเดทผ่านทาง Windows Server Update Services (WSUS) สำหรับผู้ใช้ในองค์กรที่มีการใช้ระบบ WSUS หรือดาวน์โหลดอัพเดทมาติดตั้งเองจากเว็บไซต์ Windows 7 and Windows Server 2008 R2 Application Compatibility Update

Windows 7 Application Compatibility Update(WSUS 2.0.0.2620)

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

Wednesday, September 23, 2009

Change user account password in Windows 7

การเปลี่ยนรหัสผ่านของยูสเซอร์แอคเคาท์ใน Windows 7 โดยใช้ Control Panel
การใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows 7 นั้น ในบางครั้งผู้ดูแลระบบอาจต้องทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน (Password) ให้กับผู้ใช้เนื่องจากผู้ใช้ลืมรหัสผ่านเดิมหรือเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยบทความนี้จะแสดงวิธีการเปลี่ยนรหัสผ่านของผู้ใช้ใน Windows 7 โดยใช้ Control Panel ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

การเปลี่ยนรหัสผ่านให้กับผู้ใช้ใน Windows 7 โดยใช้ Control Panel
การกำหนดรหัสผ่านให้กับผู้ใช้ใน Windows 7 โดยใช้ Control Panel มีขั้นตอนดังนี้

หมายเหตุ:
1. การดำเนินการในที่นี้ เป็นการดำเนินการบน Windows 7 (RTM) Ultimate Edition
2. อ่านรายละเอียดการสร้างยูสเซอร์แอคเคาท์และการกำหนดรหัสผ่านละเอียดที่ การสร้าง User Account ใน Windows 7

1. ล็อกออนด้วยแอคเคาท์ในกลุ่ม Administrators คลิก Start แล้วคลิก Control Panel
2. ในหน้าต่าง Control Panel ในหัวข้อ User Accounts and Family Safety ให้คลิกที่ลิงก์ Add or remove user account

รูปที่ 1

3. ในหน้าต่าง Manage Accounts ให้คลิกบนยูสเซอร์แอคเคาท์ที่ต้องการรีเซ็ตรหัสผ่าน (ในที่นี้คือ user1)

รูปที่ 2

4. ในหน้าต่าง Change an Account ให้คลิกลิงก์หัวข้อที่ต้องการ ในที่นี่เลือกหัวข้อ "Change the password" เพื่อเปลี่ยนหัสผ่านให้กับผู้ใช้

รูปที่ 3

5. ในหน้าต่าง Change Password ให้ทำการป้อน "รหัสผ่าน" ตัวใหม่ 2 ครั้งในกล่อง "New password" และ "Confirm new password" แล้วป้อนข้อมูลช่วยจำในกล่อง "Type a password hint" เสร็จแล้วให้คลิก Change password แล้วปิดหน้าต่าง Manage Account เพื่อจบการเปลียนรหัสผ่าน

รูปที่ 4

การลบรหัสผ่านผู้ใช้ใน Windows 7
รหัสผ่านเป็นระบบความปลอดภัยที่สำคัญที่ช่วยป้องกันการลักลอบเข้าใช้เครื่องโดยไม่ได้รับอนุญาตและยังสามารถป้องกันมัลแวร์ไม่ให้ทำงานโดยอัตโนมัติได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามในบางกรณีผู้ดูแลระบบอาจต้องทำการลบรหัสผ่านให้ผู้ใช้่ (คือการไม่กำหนดรหัสผ่าน) เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งสามารถทำได้โดยดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1-4 ด้านบน แต่ในหน้าต่าง Change an Account ดังรูปที่ 3 ให้คลิกลิงก์หัวข้อ "Remove the password" จากนั้นในหน้าต่าง Remove Password ดังรูปที่ 5 ให้คลิกปุ่ม "Remove Password" เพื่อลบรหัสผ่าน เสร็จแล้วปิดหน้าต่าง Manage Account เพื่อจบการลบรหัสผ่าน

ข้อควรระวัง:  ผู้ใช้กลุ่ม Administrators อย่าใช้งานโดยไม่กำหนดรหัสผ่านโดยเด็ดขาด

รูปที่ 5

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

Tuesday, September 22, 2009

Microsoft will end support for Windows XP SP2 in July 2010

ไมโครซอฟท์กำลังจะหยุดซัพพอร์ท Windows XP SP2
วันนี้มีกำหนดการหยุดให้การชัพพอร์ท Windows XP ของไมโครซอฟท์มาฝากครับ โดยไมโครซอฟท์ได้ประกาศอบ่างเป็นทางการแล้วว่าจะให้บริการซัพพอร์ตทางเทคนิคระบบ Windows XP Service Pack 2 (SP2) ไปจนถึงวันที่ 13 กรกฏาคม 2553 ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 11 เดือน เท่านั้น

โดยไมโครซอฟท์ได้แนะนำผู้ที่ยังใช้ Windows XP Service Pack 2 (SP2) ให้ทำการอัพเดทเป็น Windows XP Service Pack 3 (SP3) หรืออัพเกรดเป็น Windows 7 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ตัวล่าสุด

Products Released

ในส่วนของ Windows XP SP3 นั้น ไมโครซอฟท์จะยังให้บริการซัพพอร์ตทางเทคนิคไปจนถึงเดือนเมษายน 2557 สำหรับการดาวน์โหลด Windows XP SP3 สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ Download Windows XP SP3 ISO Image และสามารถอ่านรายละเอียดวิธีการติดตั้งได้ที่เว็บไซต์ Installing Windows XP SP3

วิธีการตรวจสอบเวอร์ชันของ Windows XP
สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่า Windows XP ที่กำลังใช้งานเป็นเวอร์ชันอะไร สามารถตรวจสอบไ้ด้โดยการ คลิก Start คลิกขวาที่ My Computer แล้วเลือก Properties หากในหน้า System Properties มีลักษณะดังรูปด้านล่างแสดงว่า Windows XP Service Pack 2

Windows XP Service Pack 2

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Download: Windows 7 Enterprise 90-day Trial

บทความโดย: Windows Administrator Blog

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

How to create a new user account in Windows 7

การสร้างผู้ใช้ใหม่ใน Windows 7
หลังจากทำการติดตั้ง Windows 7 เสร็จ โดยดีฟอลท์แล้วจะมีผู้ใช้ (User Account) จำนวน 2 คน คือ Administrator (ซึ่งถูกดิสเอเบิลไว้ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย) และผู้ใช้ที่สร้างขึ้นในขั้นตอนการติดตั้ง (เป็นผู้ใช้ในกลุ่ม Administrators ของเครื่องคอมพิวเตอร์) อย่างไรก็ตาม อาจมีความจำเป็นต้องสร้างผู้ใช้ (หรือบางครั้งเรียกว่า "แอคเคาท์") เพิ่มสำหรับใช้ในการทำงานทั่วไป ซึ่งบทความนี้จะแสดงวิธีการสร้างผู้ใช้เพิ่มโดยใช้ Control Panel

หมายเหตุ:
ถึงแม้ว่า User Account Control หรือ UAC จะช่วยป้องกันระบบได้ระดับหนึ่ง แต่ผมขอแนะนำให้ใช้ผู้ใช้แบบ Standard user ในการใช้งานประจำวัน แทนการใช้งานผู้ใช้ในกลุ่ม Administrators เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงกว่า

การสร้างผู้ใช้เพิ่มโดยใช้ Control Panel
การสร้างผู้ใช้เพิ่มใน Windows 7 โดยใช้ Control Panel มีขั้นตอนดังนี้

หมายเหตุ:
การดำเนินการในที่นี้ เป็นการดำเนินการบน Windows 7 (RTM) Ultimate Edition ล็อกออนด้วยผู้ใช้ในกลุ่ม Administrators

1. คลิก Start คลิก Control Panel
2. ในหน้าต่าง Control Panel ในหัวข้อ User Accounts and Family Safety ให้คลิกที่ลิงก์ Add or remove user account


3. ในหน้าต่าง Manage Accounts ให้คลิกลิงก์ Create a new account


4. ในหน้าต่าง Create New Account ให้คลิก Proceed ให้ป้อนชื่อผู้ใช้ที่ต้องการในกล่องใต้ This name will appear on the Welcome screen ant on the Start menu

สำหรับประเภทผู้ใช้นั้นโดยดีฟอลท์จะเป็น Standard user (เป็นผู้ใช้ผู้ใช้ธรรมดา) แต่ถ้าหากต้องการสร้างเป็นแอดมินให้เลือก Administrator (ในข้อนี้แนะนำให้สร้างเป็น Standard user ครับ) เสร็จแล้วคลิก Create Account


5. ในหน้าต่าง Manage Accounts หากไม่ต้องการปรับแต่งผู้ใช้ให้ข้ามไปยังขั้นตอนที่ 7 หากต้องการปรับแต่งผู้ใช้ให้ดับเบิลคลิกบนผู้ใช้ที่สร้างในขั้นตอนที่ 4 (ในที่นี้คือ user1)

หมายเหตุ:
เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้กำหนดรหัสผ่านให้กับผู้ใช้ที่สร้างในขั้นตอนที่ 4


6. ในหน้าต่าง Change an Account ให้คลิกลิงก์หัวข้อที่ต้องการ
  • Change the account name เพื่อเปลี่ยนชื่อผู้ใช้
  • Create a password ตั้งรหัสผ่านให้กับผู้ใช้ (แนะนำให้ดำเนินการ)
  • Change the picture เปลี่ยนภาพไอคอนของผู้ใช้
  • Change the account type เปลี่ยนประเภทของผู้ใช้ระหว่าง Standard user กับ Administrator
  • Delete the account ลบผู้ใช้


ตัวอย่าง: การกำหนดรหัสผ่านให้กับผู้ใช้
ในหน้าต่าง Change an Accounts ให้คลิกลิงก์หัวข้อ "Create a password" จากนั้นในหน้าต่าง Create Password ให้ทำการป้อน "รหัสผ่าน" 2 ครั้งในกล่อง "New password" และ "Confirm new password" แล้วป้อนข้อมูลช่วยจำในกล่อง "Type a password hint" เสร็จแล้วให้คลิก Create password


7. ปิดหน้าต่าง Manage Account เพื่อจบการสร้างผู้ใช้

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

สำรวจฟีเจอร์ User Account Control ของ Windows 7 RTM

User Account Control (UAC) เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้มัลแวร์ (Malware) ทำการแก้ไขระบบโดยอัตโนมัติ โดย UAC จะทำการแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อมีโปรแกรมพยายามทำการแก้ไขระบบ โดยผู้ใช้จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะอนุญาตการแก้ไขดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งใน Windows 7 ไมโครซอฟท์ได้ทำการปรับปรุงการทำงานของฟีเจอร์ UAC ให้ดีขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้น และสร้างความรำคาญน้อยกว่า UAC ใน Windows Vista

วิธีสร้างชุดติดตั้ง Windows 7 จาก USB Flash Drive โดยใช้ USB/DVD download tool

การติดตั้ง Windows 7 โดยทั่วไปนั้นจะใช้แผ่น Setup DVD แต่เนื่องจากปัจจุบันยูเอสบีแฟลชไดรฟ์มีราคาถูกลงเป็นอย่างมากและมีความจุเพียงพอสำหรับการใช้เก็บไฟล์ติดตั้งของ Window 7 ได้ ดังนั้นยูเอสบีแฟลชไดรฟ์จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้ทำชุดติดตั้ง Windows 7 เพราะนอกจากมีขนาดเล็กทำให้พกพาได้สะดวกแล้วยังทำการติดตั้งได้เร็วกว่าการใช้ติดตั้งด้วยแผ่น Setup DVD อีกด้วย

Monday, September 21, 2009

Windows 7 RTM Action Center

สำรวจคุณสมบัติ Action Center ของ Windows 7 RTM
Action Center เป็นศูนย์รวมด้านระบบรักษาความปลอดภัยและการบำรุงรักษาระบบของ Windows 7 ทำหน้าที่มอนิเตอร์การทำงานขององค์ประกอบต่างๆ และแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเพื่อตรวจพบปัญหา Action Center นั้นพัฒนาต่อเนื่องมาจาก Security Center ใน Windows Vista ซึ่งพัฒนามาจาก Security Center ของ Windows XP อีกต่อหนึ่ง

ในขณะที่ Security Center ใน Windows Vista และ Windows XP นั้น จะมุ่งไปเฉพาะด้านระบบรักษาความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว แต่ใน Windows 7 นั้น ไมโครซอฟท์ได้ปรับปรุงการทำงาน Security Center ให้ครอบคลุมด้านทั้งด้านระบบรักษาความปลอดภัยและด้านการบำรุงรักษาระบบ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น Action Center เพื่อให้สะท้อนกับการทำงานแบบใหม่

Action Center ใน Windows 7 ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบด้วยกัน คือ ด้าน Security และ ด้าน Maintenance

ด้าน Security
ด้าน Security จะประกอบด้วย 7 หัวข้อ ดังนี้
• Firewall
Action Center จะทำหน้าที่ตรวจสอบสถานะการทำงานของโปรแกรม Firewall ซึ่งอาจจะเป็น Windows Firewall หรือโปรแกรมแบบเธิร์ดปาร์ตี้ก็ได้

• Windows Update
Action Center จะทำหน้าที่ตรวจสอบสถานะการทำงานของ Windows Update

• Virus protection
Action Center จะทำหน้าที่ตรวจสอบสถานะการทำงานของโปรแกรมป้องกันไวรัส

• Spyware and unwanted software protection
Action Center จะทำหน้าที่ตรวจสอบสถานะการทำงานของโปรแกรมป้องกันสปายแวร์และมัลแวร์อื่นๆ Windows 7 นั้นจะติดตั้งโปรแกรม Windows Defender ให้โดยดีฟอลท์

• Internet Security Settings
Action Center ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบสถานะการทำงานของ Internet Explorer

• User Account Control (UAC)
Action Center ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบสถานะการทำงานของ User Account Control

• Network access protection (NAP)
Action Center ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบสถานะการทำงานของ Network access protection

ด้าน Maintenance
ด้าน Maintenance จะประกอบด้วย 4 หัวข้อ ดังนี้

• Check for solutions to problem reports
เป็นการช่วยเหลือผู้ใช้ในการรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นให้ทางไมโครซอฟท์ทราบเพื่อหาสาเหตุของปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหา

• Windows Backup
เป็นการช่วยเหลือผู้ใช้ในการสำรองข้อมูลต่างๆ

• Check for updates
เป็นการช่วยเหลือผู้ใช้ในการอัพเดทวินโดวส์

• Troubleshooting: System Maintenance
เป็นการช่วยเหลือผู้ใช้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ

การใช้งาน Action Center ใน Windows 7
วิธีการใช้งาน Action Center ใน Windows 7 มีขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start คลิก Control Panel คลิก System and Security
2. ในหน้าต่าง System and Security คลิก Action Center ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 1 และ 2 ซึ่งผู้ใช้สามารถทำการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ดังนี้

- แก้ไขปัญหา Spyware and unwanted software protection โดยการคลิกปุ่ม Update now เพื่อทำการอัพเดทโปรแกรมป้องกันสปายแวร์
- แก้ไขปัญหา Virus protection โดยการคลิกปุ่ม Find a program online เพื่อค้นหาโปรแกรมป้องกันไวรัสจากอินเทอร์เน็ต
- แก้ไขปัญหา Windows Update โดยการคลิกปุ่ม Change Settings แล้วทำการตั้งค่าการอัพเดท

รูปที่ 1 Windows 7 Action Center: Security

- ในหัวข้อ Check for solutions to problem reports สามารถคลิกปุ่ม Check for solutions เพื่อดูรายละเอียดและวิธีการแก้ไข
- ในหัวข้อ Set up backup สามารถคลิกปุ่ม Set up backup เพื่อทำการแบ็คอัพระบบ

รูปที่ 2 Windows 7 Action Center: Maintenance

3. หากต้องการแสดงรายละเอียดของแต่ละองค์ประกอบ ให้คลิกที่ Security หรือ Maintenance หรือบนไอคอนรูปลูกศรลง ซึ่งวินโดวส์จะแสดงรายละเอียดของ Security หรือ Maintenance ดังรูปที่ 3 และ 4 ตามลำดับ

รูปที่ 3 Windows 7 Action Center: Security

รูปที่ 4 Windows 7 Action Center: Maintenance

4. เมื่อ Action Center ตรวจพบปัญหา มันก็จะทำการแสดงสัญญลักษณ์ (รูปธงพร้อมเครื่องหมายกากบาท) บนทาสก์บาร์เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและทำการแก้ไข ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกที่สัญลักษณ์ดังกล่าวเพื่อดูข้อมูลความผิดพลาด สำหรับวิธีการแก้ไขทำได้โดยการคลิกที่ลิงก์ของแต่ละปัญหาเพื่อดูรายละเอียดวิธีการแก้ไขปัญหา

รูปที่ 5 Windows 7 Action Center: Alert

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Windows Vista Security Center

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

Sunday, September 20, 2009

Intel Core i5 Processor

Intel เปิดตัวซีพียู Intel Core i5
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Intel ได้เปิดตัวซีพียู Intel Core i5 รุ่น i5-750 เป็นโปรเซสเซอร์แบบ 4 คอร์ตัวใหม่ มีโค้ดเนมว่า Lynnfield ผลิตบนสถาปัตยกรรม 45-nanometer เป็นซีพียูที่มีทั้งประสิทธิภาพการทำงานและความชาญฉลาดในการประมวลผล ซึ่งจะจัดสรรพลังในการประมวลผลโดยอัตโนมัติเมื่อจำเป็นต้องใช้

Intel Core i5 ทำให้การทำงานแบบมัลติทาสก์ได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงที่กว่า เหมาะสำหรับใช้งานในการสร้างสรรค์วิดีโอ HD, เรียบเรียงเพลงดิจิตอล, ตัดต่อแก้ไขภาพถ่าย และเล่นเกม นอกจากนี้ Intel ยังมีแผนออกซีพียูรุ่น i3 (2 Core) และ i9 (6 Core)


Intel Core i5 (รูปจาก www.intel.com)


Intel Core i5 (รูปจาก www.intel.com)

สำหรับจุดเด่นของซีพียู Intel Core i5 มีหลายด้านด้วยกัน ดังนี้
ด้านประสิทธิภาพ
• ขีดสุดแห่งความเร็วสำหรับ แอพพลิเคชั่นที่ต้องการพลังประมวลผลสูงด้วย Intel Turbo Boost Technology ซึ่งช่วยเร่งประสิทธิภาพในการทำงานให้เหมาะสมกับงานของคุณ
• ทำงานมัลติทาสก์ได้รวดเร็ว แม้ในขณะทำงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง2
• การทำงานที่รวดเร็วลดการสะดุดในการทำงานให้น้อยลง

ด้านดิจิตอลมีเดีย
• ปลดปล่อยประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ดิจิตอลมีเดียด้วยประสิทธิภาพในการทำงานที่รวดเร็วสำหรับการเข้ารหัสวิดีโอและการตัดต่อแก้ไขภาพถ่าย

ด้านการเล่นเกม
• เล่นเกมได้อย่างราบรื่นก้าวล้ำคู่แข่งที่เชื่องช้าจากการใช้พีซีเครื่องเก่า

ฟีเจอร์เด่นใน Intel Core i5
• Intel Turbo Boost technology
• Intel Virtualization technology±
• Enhanced Intel SpeedStep technology
• Execute Disable Bit
• Intel 64-architecture

Intel Core i5 Desktop
Intel Core i5 มีเพียง 1 รุ่น ดังนี้
i7-750 จำนวนคอร์ 4 คอร์ ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.66 GHz มีแคช L3 (Smart Cache) 8 MB


Essentials Information


Memory and Package Specifications


Advanced Technology

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• www.intel.com
• http://www.intel.com/th_TH/consumer/learn/Desktop/corei5-detail.htm?
• http://en.wikipedia.org/wiki/Intel_Core_i5

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.