Tuesday, December 12, 2006

How to block the automatic installation of Internet Explorer 7

วิธีการป้องกันไม่ให้ Windows ทำการติดตั้ง Internet Explorer 7 โดยอัตโนมัติ
สำหรับผู้วินโดวส์ที่ไม่ต้องการดาวน์โหลดและติดตั้ง Internet Explorer 7 (IE7) โดยอัตโนมัตินั้น สามารถทำการป้องกันได้โดยใช้โปรแกรม Toolkit to Disable Automatic Delivery of Internet Explorer 7 จากไมโครซอฟท์ โดยโหลดได้จากเว็บไซต์ IE7 Blocker Toolkit Download หลังจากดาวน์โหลดเสร็จให้ทำการรันและดำเนินการตามคำสั่งบนจอภาพจนแล้วเสร็จ

นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันแบบแมนนวลโดยการแก้ไขรีจีสทรีตามขั้นตอนดังนี้

หมายเหตุ: การแก้ไขรีจิสตรีที่ผิดพลาดอาจทำให้ ระบบไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้นเพื่อให้สามารถทำการเรียกคืนรีจิสตรีได้ในกรณีเกิดปัญหา โปรดสำรองรีจิสตรีและเก็บไว้ในที่ปลอดภัยก่อนลงมือแก้ไข

  1. คลิก Start คลิก Run พิมพ์ regedit แล้วกดปุ่ม Enter
  2. ในหน้าต่างโปรแกรม Registry Editor ให้ท่องไปยัง HKEY_LOCAL_MACHINE \ SOFTWARE \ Microsoft \ Internet Explorer \ Setup \ 7.0
  3. คลิกขวาบริเวณพื้นที่ว่างในแพนด้านขวามือ จากนั้นคลิก New คลิก DWORD โดยตั้งชื่อคีย์ที่สร้างว่า DoNotAllowIE70 และใส่ค่าเป็น 1
  4. ปิดหน้าต่างโปรแกรม Registry Editor

Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.

Friday, December 8, 2006

How to uninstall Internet Explorer 7

วิธียกเลิกการติดตั้ง Internet Explorer 7 และกลับไปใช้ Internet Explorer 6
สำหรับท่านที่ทำการติดตั้ง Internet Explorer 7 แล้วไม่ชอบ ต้องการยกเลิกการติดตั้งเพื่อกลับไปใช้งาน Internet Explorer 6 นั้น สามารถทำได้โดยการยกเลิกการติดตั้ง Internet Explorer 7 จากหน้า Add or Remove Programs ในคอนโทรลพาเนลตามขั้นตอนดังนี้

1. คลิก "Start" จากนั้นคลิก "Control Panel"

2. คลิก "Add or Remove Programs"

3. กำหนดให้วินโดวส์แสดง Update ที่ติดตั้งอยู่ โดยการคลิกให้มีเครื่องหมายถูกในเช็คบ็อกซ์หน้า "Show Updates"

4. ทำการเลื่อนหน้าจอลงไปจนกระทั่งเจอ Windows Internet Explorer 7 ให้คลิกเลือก แล้วคลิก "Remove" (ในกรณีที่ติดตั้ง IE7 Beta2 หรือใหม่กว่าจะไม่จำเป็นต้องเลือก "Show Updates")

5. ในหน้าต่าง Windows Internet Explorer 7 Removal Wizard ให้คลิก Next เพื่อทำการยกเลิกการติดตั้ง

6. เมื่อยกเลิกการติดตั้งแล้วเสร็จให้คลิก Finish เพื่อจบการทำงาน ซึ่งระบบจะทำการรีสตาร์ทหนึ่งครั้งเพื่ออัพเดทระบบ


Internet Explorer 7 IE7 Uninstallation

© 2006 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.

How to show Internet Explorer 7 menu bar

วิธีการแสดง Menu bar ใน Internet Explorer 7

สำหรับผู้ใช้ Internet Explorer 7 (IE7) นั้นจะพบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง นั้นคือ โดยดีฟอลท์แล้ว Internet Explorer 7 นั้นจะไม่แสดง Menu Bar เหมือนกับใน Internet Explorer 6 (IE6) หรือเวอร์ชันก่อนหน้าอื่นๆ โดยจะแสดงเฉพาะ Toolbar เพียงอย่างเดียว

สำหรับวิธีการคอนฟิกให้ IE7 แสดง Menu Bar นั้น ทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้

1. เปิดโปรแกรม IE7 โดยการดับเบิลคลิกไอคอนบนเดสก์ท็อป หรือคลิก Start แล้วคลิก Internet Explorer

2. ในหน้าต่างโปรแกรม IE7 ให้ทำการคลิกขวาบริเวณพื้นที่ว่างบนแถบ Toolbar แล้วคลิกเลือก Menu Bar เพื่อให้ IE7 แสดง Menu Bar (มีเครื่องหมายถูกในเช็คบ็อกซ์หน้า Menu Bar)

IE7 Menu Bar

ในกรณีที่ไม่ต้องการให้ IE7 แสดง Menu Bar ก็ทำวิธีกลับกัน คือ คลิกขวาบริเวณพื้นที่ว่างบนแถบ Toolbar แล้วคลิกเลือก Menu Bar ซึ่ง IE7 ก็จะไม่แสดง Menu Bar (ไม่มีเครื่องหมายถูกในเช็คบ็อกซ์หน้า Menu Bar)

© 2006 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.

Sunday, December 3, 2006

Remote Desktop Connection 6.0

แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 8 ธันวาคม 2551

Microsoft Remote Desktop Client 6.0
Remote Desktop Client (RDC) หรือ Terminal Services Client (TSC) นั้น เป็นโปรแกรมสำหรับใช้งานกับ Terminal Service หรือ Remote Desktop โดย Microsoft ได้ออก Remote Desktop Client เวอร์ชันใหม่คือ version 6.0 ซึ่งได้ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นจากเวอร์ชัน 5.x.xxx ก่อนหน้า ตามรายละเอียดด้านล่าง

การติดตั้ง:
Remote Desktop Client 6.0 นั้น สามารถติดตั้งได้บนระบบปฏิบัติการต่างๆ ดังนี้
1.Windows XP Pro Service Pack 2 ทั้ง 32บิต และ 64บิต
2.Windows Server 2003 Service Pack 1 หรือใหม่กว่า ทั้ง 32บิต และ 64บิต (ไม่สามารถติดตั้งบน Windows Server 2003 SP2 RC Build2825 ได้)

ดาวน์โหลด:
สามารถทำการดาวน์โหลด Remote Desktop Client 6.0 ได้จากเว็บไซต์ของ Microsoft ตามระบบปฏิบัติการที่ใช้ ดังนี้
Windows XP Pro SP2 32บิต RDC_v6.0_WXP_SP2_32bit Validation Required*
Windows XP Pro SP2 64บิต RDC_v6.0_WXP_SP2_64bit
Windows Server 2003 SP1 หรือใหม่กว่า 32บิต RDC_v6.0_W2003_SP1_32bit
Windows Server 2003 SP1 หรือใหม่กว่า 64บิต RDC_v6.0_W2003_SP1_64bit

การใช้งาน
การเรียกใช้งาน Remote Desktop Connection (RDC) นั้น สามารถทำได้โดยการคลิกที่ Start คลิก All Programs คลิก Accessories แล้วคลิก Remote Desktop Connection หลังจากเรียกโปรแกรมขึ้นมาจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 1 ซึ่งมีลักษณะอินเทอร์เฟชและอ็อปชันที่แตกต่างไปจากเวอร์ชันก่อน (รูปที่ 2) ค่อนข้างมาก


รูปที่ 1 Remote Desktop Connection 6.0


รูปที่ 2 Remote Desktop Connection 5.x

ข้อแตกต่างระหว่าง RDC เวอร์ชัน 6.0 กับ 5.x
1.General
จะไม่มีให้ใส่ username / password / domain ก่อนทำการ connect

2.Display (เหมือนเดิม)

3.Local Resources
มี options ให้เลือกมากขึ้น รวมทั้ง clipboard , smartcard , plug & play device และในส่วน disk drive สามารกเลือกเฉพาะบาง drive ได้

4.Programs (เหมือนเดิม)

5.Experience เพิ่ม option สองตัว
-Font Smoothing
-Desktop Composition

6.Advanced
-ใน RDC 6.0 เวอร์ชันสำหรับ Windows XP นั้น จะเป็นการเพิ่ม option นี้เข้ามา แต่ Windows server 2003 นั้นมีแล้วในเวอร์ชั่นก่อน V5.x.xxx

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Microsoft Remote Desktop Connection (Terminal Services Client 6.0) KB925876
Working Remotely with Windows XP
การใช้งาน Remote Desktop บน Windows XP
การใช้งาน Windows XP Remote Desktop Web Connection
การใช้งาน Remote Desktop Web Connection Windows XP SP2 (5.1.2600.2180)


Remote Desktop Connection RDC TSC

© 2006 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.

Saturday, December 2, 2006

Microsoft Windows XP

แนะนำ Microsoft Windows XP
Windows XP ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของระบบปฏิบัติการสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ ที่ต้องการประสิทธิภาพ และเสถียรภาพในการทำงาน โดยถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความเชื่อถือได้, มีระบบรักษาความปลอดภัย, มีประสิทธิภาพสูง และใช้งานได้ง่าย ด้วยการปรับเปลี่ยนส่วนติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) ให้ดูทันสมัยและใช้สีสันที่สวยงามและสะอาดตาขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้า

การจัดกลุ่มของไอคอนที่เป็นระเบียบ เพื่อให้ผู้ใช้มือใหม่เข้าใจและสั่งงานได้ง่ายขึ้น โดยมีพื้นฐานการทำงานภายในมาจาก Windows 2000 Professional ทั้งยังมีการพัฒนาในด้านความรวดเร็วและความเสถียรการทำงานให้สูงขึ้น ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดึงประสิทธิภาพจากฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่

Windows XP จึงจัดเป็นระบบปฏิบัติการที่สมบูรณ์แบบ ที่จะนำประโยชน์ของโลกยุคดิจิตอลมาสู่ผู้ใช้ โดยไมโครซอฟท์พัฒนา Windows XP ใน 2 เวอร์ชัน เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ คือ Windows XP Home Edition สำหรับผู้ใช้ในบ้าน และ Windows XP Professional Edition สำหรับผู้ใช้ในองค์กรธุรกิจ

การเลือกใช้ Windows XP
เนื่องจาก Windows XP มีใน 2 รุ่นซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดย Windows XP Professional Edition เหมาะกับลักษณะการใช้งานในธุรกิจ และ Windows XP Home Edition เหมาะกับลักษณะการใช้งานในบ้าน

โดย Windows XP Home Edition นั้น ไม่สามารถใช้ร่วมในโดเมน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ใช้งานในเชิงธุรกิจได้ และมีจำหน่ายในรูปแบบกล่องสำเร็จรูป (Full Package Product) เท่านั้น ไม่มีจำหน่ายในรูปของ Volume Licensing ซึ่งเป็นรูปแบบการจำหน่ายสิทธิ์สำหรับองค์กรธุรกิจ และยังมีราคาต่างกันอีกด้วย

ดังนั้น การเลือกใช้ Windows XP รุ่นที่เหมาะกับลักษณะการใช้ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อระบบปฏิบัติการลง และไม่เป็นการใช้ทรัพยากรของระบบมากเกินความจำเป็นอีกด้วย

Windows XP Home Edition
Windows XP Home Edition ถูกออกแบบขึ้นโดยเน้นการใช้งานภายในบ้านหรือในครอบครัวเป็นหลัก มียูทิลิตีด้านความบันเทิง และรองรับการทำงานกับอุปกรณ์ดิจิตอลครบครัน เช่น เครื่องบันทึกแผ่นซีดี, กล้องดิจิตอล, คอมพิวเตอร์มือถือ หรือสแกนเนอร์

นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานจากผู้ใช้หลายคนบนคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน โดยผู้ใช้แต่ละคนสามารถจัดการกับ เดสก์ท็อป, โปรแกรม, แฟ้มข้อมูล แยกจากกันระหว่างผู้ใช้แต่ละคนได้อย่างอิสระ หรือจัดแบ่งเนื้อที่ในการใช้งานให้กับผู้อื่นที่เข้ามาใช้เครื่อง คอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งตรงกับลักษณะการใช้งานในบ้าน ที่มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวร่วมกันหลายคน

หรือในกรณีที่มีคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง Windows XP Home Edition ก็ยังสนับสนุนการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายภายในบ้านด้วย ทำให้สมาชิกในครอบครัว ใช้ข้อมูล, เครื่องพิมพ์, เครื่องบันทึกแผ่นซีดี รวมไปถึงการใช้อินเตอร์เน็ต หรือเล่นเกมส์ร่วมกันได้

Windows XP Professional Edition
Windows XP Professional Edition เป็นระบบปฏิบัติการที่รองรับการทำงานในระบบเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสามารถในการสื่อสารอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบนเครือข่ายภายในองค์กร หรือการสื่อสารไปทั่วโลกผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

Windows XP Professional Edition นั้นจะมุ่งเน้นไปยังผู้ใช้ในธุรกิจทุกขนาด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการเสถียรภาพของระบบ, ความปลอดภัยของข้อมูล, ใช้ งานได้ง่าย รวมไปถึงความสามารถในการจัดการกับระบบอย่างง่ายๆ และรองรับการขยายระบบในอนาคต ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ นอกจากจะเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับธุรกิจแล้ว ยังช่วยลดการดูแลและบริหารระบบลง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายขององค์กรลดลงอีกด้วย

นอกจากนี้ Windows XP Professional Edition ยังสนับสนุนการเข้ารหัสไฟล์และการป้องกันการบุกรุกผ่านทางอินเตอร์เน็ต, การกู้ระบบ, การป้องกันไฟล์สำคัญของระบบ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลของผู้ใช้และการทำงานของระบบ

ดังนั้น ผู้ใช้ Windows XP Professional Edition จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและเสถียรภาพการทำงาน อีกทั้งยังพรั่งพร้อมด้วยยูทิลิตีพื้นฐานที่ผู้ใช้ต้องการ และสนับสนุนการช่วยเหลือจากระยะไกล เพื่อให้ช่างเทคนิคหรือผู้ดูแลระบบสามารถสื่อสารมายัง PC ของผู้ใช้และแก้ไขปัญหาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ทำให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคไม่ถูกจำกัดด้วยระยะทางอีกต่อไป

เหตุผล 10 ประการที่ควรใช้ Windows XP Professional
มีเหตุผลมากมายประการที่สนับสนุนว่าทำไมจึงควรใช้ Windows XP Professional แต่หากมองถึงประการที่สำคัญๆ สามารถสรุปเหตุผลสำคัญที่สุด 10 ประการ

Windows Messenger
Windows Messenger ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้ใช้อื่นได้ง่ายและโต้ ตอบได้ทันที คุณจะเห็นได้ว่าใครกำลังออนไลน์แล้วเลือกสื่อสารผ่านการส่งข้อความ เสียง หรือวิดีโอ ด้วยประสิทธิภาพยอดเยี่ยมและคุณภาพดีกว่าที่เคย

Remote Desktop
เดสก์ท็อประยะไกล (Remote Desktop) จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเซสชั่นแบบเหมือนจริง และใช้ คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปได้จากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่ใช้ Windows 95 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่า ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและแอพพลิเคชันทั้งหมดได้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสำนักงานก็ตาม

Wireless 802.1x Networking Support
การสนับสนุนเครือข่ายแบบไร้สาย 802.1x จะให้การสนับสนุนการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ บนเครือข่ายที่มีการรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ เช่นเดียวกันกับการพัฒนาประสิทธิภาพเครือข่ายแบบไร้สาย

Remote Assistance
การช่วยเหลือระยะไกล (Remote Assistance) ทำให้ผู้ใช้สามารถอนุญาตให้เพื่อนหรือเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคซึ่งกำลังใช้งานWindows XP ให้สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ได้จากระบบทางไกล เพื่อสาธิตขั้นตอนต่างๆ หรือช่วยแก้ไขปัญหา

Policy-based Desktop Management
การจัดการเดสก์ท็อปตามนโยบาย (Policy-based Desktop Management) ด้วยเทคโนโลยี Intellimirror จะทำให้สามารถใช้นโยบายของกลุ่มและโปรไฟล์ของผู้ใช้แบบโรมมิ่ง ทำให้ผู้ดูแลระบบจัดการเดสก์ท็อปและผู้ใช้ได้สะดวกยิ่งขึ้น

Multilanguage Support
การสนับสนุนการใช้งานหลายภาษา (Multilingual Support) ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้าง อ่าน และแก้ไขเอกสารภาษาต่างๆ ได้โดยสะดวก

Dual View
การแสดงผลแบบสองจอภาพ (Dual View) ทำให้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปแต่ละเครื่องสามารถแสดงผลบน 2 หน้าจอโดยใช้อะแดปเตอร์การแสดงผลเพียงตัวเดียวได้ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้แล็ปทอปทั่วไป

Encrypting File System
ระบบการเข้ารหัสแฟ้ม (Encrypting File System) จะเป็นการป้องกันระดับสูงสุดจากแฮ็คเกอร์และนักขโมยข้อมูล โดยการเข้ารหัสแฟ้มด้วยรหัสที่สร้างแบบสุ่ม

User State Migration Tool
เครื่องมือการย้ายสถานะของผู้ใช้ (User State Migration Tool) สามารถย้ายข้อมูลและการตั้งค่าจาก คอมพิวเตอร์เครื่องเดิมไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ได้ง่ายขึ้น

New Task-based Visual Design
รูปลักษณ์ใหม่แสดงตามงานที่ทำ (New Task-based Visual Design) ทำให้สามารถเข้าถึงงานที่เรียกใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลจากการออกแบบที่เรียบง่าย สะอาดตา รวมถึงคำแนะนำที่แสดงบนหน้าจอด้วย

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Microsoft

© 2006 TWAB. All Rights Reserved.

Friday, December 1, 2006

Windows Media Services on Windows Server 2003

การติดตั้ง Windows Media Services บน Windows Server 2003

การติดตั้ง Windows Media Services บน Windows Server 2003 เพื่อให้บริการเผยแพร่สื่อระบบเครือข่าย และการสร้าง Directory publishing point เพื่อการ stream ทุกไฟล์ในไดเรคตอรี่

หมายเหตุ: ในการทดสอบครั้งนี้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Server 2003 Standard Edition with SP1 (32-bit)

การสร้าง Directory publishing point
การสร้าง Directory publishing point เพื่อการ stream ทุกไฟล์ในไดเรคตอรี่

1. Content type = Select (4) Files (digital medias or playlist in directory

2. Publishing point = (2) On-demand

3. Select directory = Select directory which you want to stream then check
[x] Enable access to directory content using wildcards

4.Content playback = (use default settings)

5. Select = [x] Yes, Enable logging for this publishing point

4.[x] After the wizard finish
Select = (x) Create announcement file (.asx) orweb page (.htm) file

5.On-demand Directory
Select = (x) All files in the directory

6.Save announcement options
Select = Directory which you want to save announcement/web page file

7.Edit announcement metadata = Edit as you want

8.Follow instruction on screen until finish


© 2006 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.

Thursday, November 30, 2006

Installing Internet Explorer 7 Step by step

แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 22 มีนาคม 2552

หมายเหตุ:
ล่าสุดนั้นไมโครซอฟท์ได้ปรับขั้นตอนการติดตั้ง Internet Explorer 7 ใหม่เล็กน้อย โดยตัดขั้นตอนการทำ Validate ออกไป

การติดตั้ง Internet Explorer 7.0
การติดตั้ง Internet Explorer 7.0 นั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน ก่อนอื่นให้ตรวจสอบความพร้อมของระบบก่อน ซึ่ง Internet Explorer 7 เวอร์ชันสำหรับ Windows XP นั้น จะติดตั้งได้เฉพาะระบบที่ติดตั้ง Service Pack 2 แล้วเท่านั้น โดยมีความต้องการระบบขั้นต่ำ ดังรายละเอียดด้านล่าง

Hardware
Internet Explorer 7.0 นั้น มีความต้องการฮาร์ดแวร์ ดังนี้
Computer/Processor
- Computer with a 233MHz processor or higher (Pentium processor recommended)

Memory (For Internet Explorer 7 only)
- Windows XP Service Pack 2 (SP2) - 64 MB
- Windows XP Professional x64 Edition - 128 MB
- Windows Server 2003 Service Pack 1 (SP1) - 64 MB
- Windows Server 2003 Service Pack 1 ia64 - 128 MB

Drive
- CDROM drive (if installation is done from a CD-ROM)

Display
- Super VGA (800 x 600) or higher-resolution monitor with 256 colors

Peripherals
- Modem or Internet connection; Microsoft Mouse, Microsoft IntelliMouse, or compatible pointing device

Operating System
- Windows XP Service Pack 2 (SP2)
- Windows XP Professional x64 Edition
- Windows Server 2003 Service Pack 1 (SP1)

ดาวน์โหลด
สามารถดาวน์โหลด Internet Explorer ได้จากศูนย์บริการดาวน์โหลดของไมโครซอฟท์ ที่ http://www.microsoft.com/windows/downloads/ie/getitnow.mspx

ขั้นตอนการติดตั้ง Internet Explorer 7.0
เมื่อทำการดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็เริ่มทำการติดตั้ง (ในการติดตั้ง Internet Explorer 7 นั้น จะให้ทำการ Validate ระบบ Windows XP ที่ใช้ด้วยว่าถูกลิขสิทธิ์หรือไม่) ตามขั้นตอนดังนี้

1. ในโฟลเดอร์ซึ่งเก็บไฟล์ที่ทำการดาวน์โหลด ให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ IE7-WindowsXP-x86-enu.exe จะได้หน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Welcome to Windows Internet Explorer 7 ดังรูปที่ 1
2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Welcome to Windows Internet Explorer 7 ดังรูปที่ 1 ให้คลิก Next จะได้หน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Please read the license terms ดังรูปที่ 2

Welcome to Windows Internet Explorer 7
รูปที่ 1. Welcome to Windows Internet Explorer 7

3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Please read the license terms ดังรูปที่ 2 ให้คลิก I accept

Please read the license terms
รูปที่ 2. Please read the license terms

4. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์บ็อกซ์ Validate your copy of Windows ดังรูปที่ 3 ให้คลิก Validate

Validate your copy of Windows
รูปที่ 3. Validate your copy of Windows

5. เมื่อทำการ Validate ผ่านเรียบร้อยแล้วระบบจะให้ทำการอัพเดทวินโดวส์ ให้คลิก Next

Update for Internet Explorer and Windows
รูปที่ 4. Update for Internet Explorer and Windows

6. เมื่อทำการอัพเดทแล้วเสร็จ ระบบก็จะทำการติดตั้ง Internet Explorer 7 ดังรูปที่ 5

Installing Windows IE7
รูปที่ 5. Installing Windows Internet Explorer 7

7. เมื่อทำการติดตั้งแล้วเสร็จ ระบบก็จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ให้ทำการรีสตาร์ทเครื่อง ให้คลิก Restart now (Recommended)

IE Installation is complete
รูปที่ 6 Internet Explorer Installation is complete

8. เมื่อคอมพิวเตอร์รีสตาร์ทแล้วเสร็จก็สามารถใช้งาน Internet Explorer 7 ได้ตามปกติ อาจทดลองใช้งานโดยท่องไปยังเว็บไซต์ต่างบนอินเทอร์เน็ต

Internet Explorer 7 IE7 Installation

© 2006 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.

ทดสอบ Windows Server 2003 Service Pack 2 RC1

ทดสอบ Windows Server 2003 Service Pack 2 RC1
ทำการทดสอบ Windows Server 2003 Service Pack 2 RC1 โดยทำการติดตั้ง Windows server 2003 EE แล้วทำการอัพเดทเป็น Service Pack 2 RC1

รายละเอียดเครื่องที่ใช้ในการทดสอบ
เครื่องที่ใช้ในการทดสอบมีรายละเอียดด้าน Hardware ดังนี้
HP Dx6120
Intel 3.0 GHz
RAM 512 DDR2-533
HD 80 GB