ไมโครซอฟท์ออกรีลีส R2 ของ Microsoft Desktop Optimization Pack (MDOP) 2011 ซึ่งใน R2 นี้จะมีเครื่องมือที่ได้รับการอัพเดท 2 ตัว คือ Microsoft Asset Inventory Service (AIS) AIS2.0, Microsoft Diagnostics and Recovery Toolset (DaRT) 7.0 และมีเครื่องมือใหม่เพิ่มขึ้น 1 ตัว คือ Microsoft BitLocker Administration and Monitoring (MBAM) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับใช้บริหารและเฝ้าระวังระบบ BitLocker บน Windows 7
Tuesday, August 2, 2011
Hotfix available for Hyper-V Dynamic Memory does not work on a Windows Server 2008 Standard Edition Virtual Machine (VM)
ไมโครซอฟท์ออก Hotfix เพื่อแก้ปัญหา Virtual Machine ที่ติดตั้ง Windows Server 2008 Standard Edition ไม่รองรับ Hyper-V Dynamic Memory
Dynamic Memory คือ คุณสมบัติใหม่ที่สำคัญที่ไมโครซอฟท์บรรจุใน Service Pack 1 (SP1) สำหรับ Windows Server 2008 R2 และ Hyper-V Server 2008 R2 เป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้ Hyper-V สามารถใช้งานหน่วยความจำทางกายภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นไดนามิกมากขึ้น และรองรับการขยายระบบได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการเป็น Windows Server 2008 บางรุ่นไม่สามารถรองรับการทำงานกับ Dynamic Memory
สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 รุ่นที่ติดตั้งเป็นระบบปฏิบัติการเกสต์บนเวอร์ชวลแมชชีนที่ไม่สามารถรองรับการทำงานกับ Dynamic Memory ได้แก่
ไมโครซอฟท์ชี้แจงว่าปัญหานี้มีสาเหตุมาจากระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 ทั้ง 4 รุ่นนี้ไม่รองรับ Enlightenment ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานกับ Hyper-V Dynamic Memory ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดทหมายเลข KB2230887 เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้แล้ว
วิธีการแก้ไข
สำหรับผู้ใช้เวอร์ชวลแมชชีนซึ่งติดตั้งระบบปฏิบัติการเกสต์เป็น Windows Server 2008 รุ่นที่มีปัญหาการทำงานกับ Hyper-V Dynamic Memory สามารถร้องขอดาวน์โหลดอัพเดทได้ที่เว็บไซต์ View and request hotfix (KB2230887) downloads (ต้องใช้อีเมลลงทะเบียน) หลังจากทำการติดตั้งอัพเดทแล้วจะต้องทำการรีสตาร์ทเวอร์ชวลแมชชีนเพื่อให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ได้แนะนำว่า ให้ผู้ใช้ทำการติดตั้งฮ็อตฟิกซ์นี้ เฉพาะบนเวอร์ชวลแมชชีนที่มีปัญหาตามที่อธิบายด้านบนเท่านั้น เนื่องจากฮ็อตฟิกซ์ดังกล่าวนี้ ยังต้องทดสอบการทำงานเพิ่มเติมและจะรวมอยู่ในเซอร์วิสแพ็ค (Service Pack) ที่จะออกในอนาคต
วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.
Dynamic Memory คือ คุณสมบัติใหม่ที่สำคัญที่ไมโครซอฟท์บรรจุใน Service Pack 1 (SP1) สำหรับ Windows Server 2008 R2 และ Hyper-V Server 2008 R2 เป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้ Hyper-V สามารถใช้งานหน่วยความจำทางกายภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นไดนามิกมากขึ้น และรองรับการขยายระบบได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการเป็น Windows Server 2008 บางรุ่นไม่สามารถรองรับการทำงานกับ Dynamic Memory
สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 รุ่นที่ติดตั้งเป็นระบบปฏิบัติการเกสต์บนเวอร์ชวลแมชชีนที่ไม่สามารถรองรับการทำงานกับ Dynamic Memory ได้แก่
- Windows Server 2008 Standard Edition Service Pack 2 (SP2)
- Windows Server 2008 Standard Edition Server Core SP2
- Windows Web Server 2008 SP2
- Windows Web Server 2008 Server Core SP2
ไมโครซอฟท์ชี้แจงว่าปัญหานี้มีสาเหตุมาจากระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 ทั้ง 4 รุ่นนี้ไม่รองรับ Enlightenment ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานกับ Hyper-V Dynamic Memory ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดทหมายเลข KB2230887 เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้แล้ว
วิธีการแก้ไข
สำหรับผู้ใช้เวอร์ชวลแมชชีนซึ่งติดตั้งระบบปฏิบัติการเกสต์เป็น Windows Server 2008 รุ่นที่มีปัญหาการทำงานกับ Hyper-V Dynamic Memory สามารถร้องขอดาวน์โหลดอัพเดทได้ที่เว็บไซต์ View and request hotfix (KB2230887) downloads (ต้องใช้อีเมลลงทะเบียน) หลังจากทำการติดตั้งอัพเดทแล้วจะต้องทำการรีสตาร์ทเวอร์ชวลแมชชีนเพื่อให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ได้แนะนำว่า ให้ผู้ใช้ทำการติดตั้งฮ็อตฟิกซ์นี้ เฉพาะบนเวอร์ชวลแมชชีนที่มีปัญหาตามที่อธิบายด้านบนเท่านั้น เนื่องจากฮ็อตฟิกซ์ดังกล่าวนี้ ยังต้องทดสอบการทำงานเพิ่มเติมและจะรวมอยู่ในเซอร์วิสแพ็ค (Service Pack) ที่จะออกในอนาคต
วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ
- Windows Server 2008 Service Pack 2, when used with:
- Windows Server 2008 Standard
- Windows Web Server 2008
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.
Microsoft extends Hyper-V interoperability, Added support for Red Hat Enterprise Linux 6.0 and CentOS 6.0 Guest OS
Hyper-V สามารถรองรับ Red Hat Enterprise Linux 6.0 และ CentOS 6.0 เป็น Guest OS ได้แล้ว
Gianugo Rabellino ซึ่งเป็น Senior Director ของ Open Source Communities ของไมโครซอฟท์ได้ประกาศในงาน OSCON Conference 2011 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า Hyper-V สามารถรองรับระบบปฏิบัติการ Red Hat Enterprise Linux 6.0 (Santiago) และ CentOS 6.0 เป็นระบบปฏิบัติการเกสต์ (Guest Operating System) ได้แล้ว นั้นคือ ผู้ใช้สามารถทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการดังกล่าวบนเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) บน Hyper-V ได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้สามารถรองรับเฉพาะ Red Hat Enterprise Linux 5.0 และเวอร์ชันเก่ากว่า และ SUSE Linux Enterprise Server 10 และ 11 ได้แล้วก่อนหน้านี้
Gianugo Rabellino ซึ่งเป็น Senior Director ของ Open Source Communities ของไมโครซอฟท์ได้ประกาศในงาน OSCON Conference 2011 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า Hyper-V สามารถรองรับระบบปฏิบัติการ Red Hat Enterprise Linux 6.0 (Santiago) และ CentOS 6.0 เป็นระบบปฏิบัติการเกสต์ (Guest Operating System) ได้แล้ว นั้นคือ ผู้ใช้สามารถทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการดังกล่าวบนเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) บน Hyper-V ได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้สามารถรองรับเฉพาะ Red Hat Enterprise Linux 5.0 และเวอร์ชันเก่ากว่า และ SUSE Linux Enterprise Server 10 และ 11 ได้แล้วก่อนหน้านี้
Monday, August 1, 2011
How to Automate the Disk Cleanup Tool in Windows 7
วิธีตั้งเวลาให้ Windows 7 ทำการลบไฟล์ชั่วคราวอัตโนมัติโดยใช้ Disk Cleanup
ในการใช้งาน Windows และโปรแกรมแอพพลิเคชันต่างๆ โดยเฉพาะโปรแกรมเว็บเบราเซอร์จะทำให้เกิดไฟล์ชั่วคราว (Temporary Files) ขึ้นบนระบบ และเมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานานจำนวนไฟล์เหล่านั้นก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยไฟล์ชั่วคราวจะส่งผลกระทบ 2 ประการคือ ประการแรกคือทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ และประการที่สองคือทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบ Windows ลดลง สำหรับการแก้ไขทำได้โดยการลบไฟล์เหล่านั้นออกจากระบบซึ่งไมโครซอฟท์ได้จัดเตรียมเครื่องมือสำหรับลบไฟล์เหล่านี้คือ โปรแกรม Disk Cleanup ให้มาพร้อมกับ Windows ทุกเวอรชัน
อย่างไรก็ตาม การใช้งานโปรแกรม Disk Cleanup ในแบบแมนนวลนั้นต้องเสียเวลาค่อนข้างมาก วันนี้เลยนำวิธีการตั้งเวลารัน Disk Cleanup เพื่อลบไฟล์ชั่วคราวโดยอัตโนมัติมาฝาก ซึ่งคิดว่าน่าจะช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการลบไฟล์ชั่วคราวออกจากระบบ Windows อันจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของ Windows เพิ่มขึ้น
สำหรับการตั้งเวลาให้ Windows 7 ทำการรัน Disk Cleanup เพื่อลบไฟล์ชั่วคราวโดยอัตโนมัติแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 กำหนดไฟล์ที่ต้องการลบ
ก่อนอื่นต้องทำการคอนฟิก Disk Cleanup ให้ทำการลบประเภทไฟล์ชั่วคราวที่ต้องการตามขั้นตอนดังนี้บ
1. คลิก Start แล้วพิมพ์ cmd ในช่อง Search programs and files จากนั้นคลิกขวาบน cmd แล้วเลือก Run as Administrator คลิก Yes ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ User Account Control
2. ที่คอมมานด์พร็อมท์ให้รันคำสั่ง cleanmgr.exe /sageset:1 จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Disk Cleanup Settings ดังรูปที่ 1 จากนั้นให้เลือกประเภทของไฟล์ที่ต้องการลบ ในที่นี้เลือก Temporary Internet Files และ Recycle Bin เสร็จแล้วคลิก OK
หมายเหตุ: อ่านรายละเอียดการคอนฟิก Disk Cleanup ได้ที่เว็บไซต์ Microsoft Support Center
ขั้นตอนที่ 2 ตั้งเวลารัน Disk Cleanup โดยใช้ Task Scheduler
ทำการสร้างงาน (Basic Task)ใน Task Scheduler เพื่อให้ Disk Cleanup ทำการลบไฟล์ชั่วคราวที่กำหนดในขั้นตอนที่ 1 โดยอัตโนมัติ ตามขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start แล้วพิมพ์ task ในช่อง Search programs and files จากนั้นคลิก Task Scheduler ที่แสดงอยู่ภายใต้หัวข้อ Programs
2. ในคอลัมน์ Actions ของหน้าต่าง Task Scheduler ให้คลิก Create Basic Task ดังรูปที่ 2
3. ในหน้า Create a Basic Task ดังรูปที่ 3 ให้ป้อนชื่อและรายละเอียดของงานในช่อง Name และ Description เสร็จแล้วคลิก Next
4. ในหน้า Task Trigger ดังรูปที่ 4 ให้เลือกรูปแบบการทำงานที่ต้องการจากตัวเลือกที่อยู่ใต้หัวข้อ When do you want the task to start? โดยในที่นี้เลือกเป็น Daily เพื่อให้ Disk Cleanup ทำงานทุกวัน เสร็จแล้วคลิก Next
5. ในหน้า Daily ดังรูปที่ 5 ให้กำหนดวันเริ่มต้นทำงานและเวลาทำงานในช่อง Start และป้อนจำนวนวันที่ต้องการให้ทำงานซ้ำในช่อง Recur every เสร็จแล้วคลิก Next
หมายเหตุ: การตั้งค่าในขั้นตอนนี้จะขึ้นอยู่กับการเลือกในขั้นตอนที่ 4
6. ในหน้า Action ดังรูปที่ 6 ให้เลือกเป็น Start a program เสร็จแล้วคลิก Next
7. ในหน้า Start a Program ในช่อง Program/Script ให้ป้อนเป็น C:\Windows\System32\cleanmgr.exe และในช่อง Add arguments (optional) ให้ป้อนเป็น /sagerun:1 ดังรูปที่ 7 เสร็จแล้วคลิก Next
หมายเหตุ: การตั้งค่าในขั้นตอนนี้จะขึ้นการรันคำสั่งในข้อที่ 2 ของขั้นตอนที่1 ในที่นี้รันคำสั่ง cleanmgr.exe /sageset:1
8. ในหน้า Summary ดังรูปที่ 8 ให้ตรวจสอบความเรียบร้อยของการตั้งค่าต่างๆ หากมีข้อผิดพลาดให้คลิก Back เพื่อกลับไปแก้ไขให้ถูกต้อง เสร็จแล้วให้คลิก Finish เพื่อจบการทำงาน
ผลการทำงาน
หลังจากทำการสร้าง Task ตามขั้นตอนด้านบนเสร็จเรียบร้อยแล้ว Windows จะทำการรัน Disk Cleanup เพื่อทำการลบไฟล์ Temporary Internet Files และ Recycle Bin โดยอัตโนมัติทุกวัน (เครื่องคอมพิวเตอร์เปิดและมีการล็อกออนเข้าเครื่อง) โดยผู้ใช้ไม่ต้องยืนยันการทำงานใดๆ
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• Timeatlas.com
Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.
ในการใช้งาน Windows และโปรแกรมแอพพลิเคชันต่างๆ โดยเฉพาะโปรแกรมเว็บเบราเซอร์จะทำให้เกิดไฟล์ชั่วคราว (Temporary Files) ขึ้นบนระบบ และเมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานานจำนวนไฟล์เหล่านั้นก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยไฟล์ชั่วคราวจะส่งผลกระทบ 2 ประการคือ ประการแรกคือทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ และประการที่สองคือทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบ Windows ลดลง สำหรับการแก้ไขทำได้โดยการลบไฟล์เหล่านั้นออกจากระบบซึ่งไมโครซอฟท์ได้จัดเตรียมเครื่องมือสำหรับลบไฟล์เหล่านี้คือ โปรแกรม Disk Cleanup ให้มาพร้อมกับ Windows ทุกเวอรชัน
อย่างไรก็ตาม การใช้งานโปรแกรม Disk Cleanup ในแบบแมนนวลนั้นต้องเสียเวลาค่อนข้างมาก วันนี้เลยนำวิธีการตั้งเวลารัน Disk Cleanup เพื่อลบไฟล์ชั่วคราวโดยอัตโนมัติมาฝาก ซึ่งคิดว่าน่าจะช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการลบไฟล์ชั่วคราวออกจากระบบ Windows อันจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของ Windows เพิ่มขึ้น
สำหรับการตั้งเวลาให้ Windows 7 ทำการรัน Disk Cleanup เพื่อลบไฟล์ชั่วคราวโดยอัตโนมัติแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 กำหนดไฟล์ที่ต้องการลบ
ก่อนอื่นต้องทำการคอนฟิก Disk Cleanup ให้ทำการลบประเภทไฟล์ชั่วคราวที่ต้องการตามขั้นตอนดังนี้บ
1. คลิก Start แล้วพิมพ์ cmd ในช่อง Search programs and files จากนั้นคลิกขวาบน cmd แล้วเลือก Run as Administrator คลิก Yes ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ User Account Control
2. ที่คอมมานด์พร็อมท์ให้รันคำสั่ง cleanmgr.exe /sageset:1 จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Disk Cleanup Settings ดังรูปที่ 1 จากนั้นให้เลือกประเภทของไฟล์ที่ต้องการลบ ในที่นี้เลือก Temporary Internet Files และ Recycle Bin เสร็จแล้วคลิก OK
หมายเหตุ: อ่านรายละเอียดการคอนฟิก Disk Cleanup ได้ที่เว็บไซต์ Microsoft Support Center
รูปที่ 1
ขั้นตอนที่ 2 ตั้งเวลารัน Disk Cleanup โดยใช้ Task Scheduler
ทำการสร้างงาน (Basic Task)ใน Task Scheduler เพื่อให้ Disk Cleanup ทำการลบไฟล์ชั่วคราวที่กำหนดในขั้นตอนที่ 1 โดยอัตโนมัติ ตามขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start แล้วพิมพ์ task ในช่อง Search programs and files จากนั้นคลิก Task Scheduler ที่แสดงอยู่ภายใต้หัวข้อ Programs
2. ในคอลัมน์ Actions ของหน้าต่าง Task Scheduler ให้คลิก Create Basic Task ดังรูปที่ 2
รูปที่ 2
3. ในหน้า Create a Basic Task ดังรูปที่ 3 ให้ป้อนชื่อและรายละเอียดของงานในช่อง Name และ Description เสร็จแล้วคลิก Next
รูปที่ 3
4. ในหน้า Task Trigger ดังรูปที่ 4 ให้เลือกรูปแบบการทำงานที่ต้องการจากตัวเลือกที่อยู่ใต้หัวข้อ When do you want the task to start? โดยในที่นี้เลือกเป็น Daily เพื่อให้ Disk Cleanup ทำงานทุกวัน เสร็จแล้วคลิก Next
รูปที่ 4
5. ในหน้า Daily ดังรูปที่ 5 ให้กำหนดวันเริ่มต้นทำงานและเวลาทำงานในช่อง Start และป้อนจำนวนวันที่ต้องการให้ทำงานซ้ำในช่อง Recur every เสร็จแล้วคลิก Next
หมายเหตุ: การตั้งค่าในขั้นตอนนี้จะขึ้นอยู่กับการเลือกในขั้นตอนที่ 4
รูปที่ 5
6. ในหน้า Action ดังรูปที่ 6 ให้เลือกเป็น Start a program เสร็จแล้วคลิก Next
รูปที่ 6
7. ในหน้า Start a Program ในช่อง Program/Script ให้ป้อนเป็น C:\Windows\System32\cleanmgr.exe และในช่อง Add arguments (optional) ให้ป้อนเป็น /sagerun:1 ดังรูปที่ 7 เสร็จแล้วคลิก Next
หมายเหตุ: การตั้งค่าในขั้นตอนนี้จะขึ้นการรันคำสั่งในข้อที่ 2 ของขั้นตอนที่1 ในที่นี้รันคำสั่ง cleanmgr.exe /sageset:1
รูปที่ 7
8. ในหน้า Summary ดังรูปที่ 8 ให้ตรวจสอบความเรียบร้อยของการตั้งค่าต่างๆ หากมีข้อผิดพลาดให้คลิก Back เพื่อกลับไปแก้ไขให้ถูกต้อง เสร็จแล้วให้คลิก Finish เพื่อจบการทำงาน
รูปที่ 8
ผลการทำงาน
หลังจากทำการสร้าง Task ตามขั้นตอนด้านบนเสร็จเรียบร้อยแล้ว Windows จะทำการรัน Disk Cleanup เพื่อทำการลบไฟล์ Temporary Internet Files และ Recycle Bin โดยอัตโนมัติทุกวัน (เครื่องคอมพิวเตอร์เปิดและมีการล็อกออนเข้าเครื่อง) โดยผู้ใช้ไม่ต้องยืนยันการทำงานใดๆ
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• Timeatlas.com
Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.
วิธีเปิดใช้งาน Microsoft Office 2010 ด้วย KMS Host
การเปิดใช้งานแบบโวลุ่ม (Volume Activation) ช่วยลดภาระงานของผู้ดูแลระบบในการติดตั้งใช้งาน (Deployment) โปรแกรม Office 2010 บนเครื่องคอมพิวเตอร์ในองค์กรลงได้อย่างมาก เนื่องจากไม่ต้องใช้หมายเลขผลิตภัณฑ์ในการติดตั้งและโปรแกรมจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ (Activate transparently) โดยที่ผู้ดูแลระบบหรือผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการใดๆ