Pages - Menu

Pages - Menu

Pages

Tuesday, November 30, 2010

Windows 7 Keyboard Shortcuts You Probably Never Knew

คีย์ลัดของ Windows 7 ที่ท่าน (อาจจะ) ยังไม่เคยทราบมาก่อน

วันนี้ผมรวบรวมคีย์ลัด (Keyboard Shortcuts) ของระบบปฏิบัติการ Windows 7 จำนวน 8 ตัวซึ่งคิดว่าบางตัวนั้นหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนมาฝากครับ

ALT + P
ALT + P เป็นคีย์ลัดสำหรับใช้ในหน้า Windows Explorer เพื่อแอคทีฟแพนพรีวิวของไฟล์ที่ถูกเลือก ไม่ว่าไฟล์ดังกล่าวจะเป็นไฟล์ภาพดิจิตอล (Image) เอกสาร (Document) ไฟล์ดนตรี (Music) หรือไฟล์วิดีโอ (Video) ก็ตาม

Windows + Up และ Windows + Down
Windows + Up เป็นคีย์ลัดสำหรับใช้ในทำการขยายหน้าต่างที่กำลังแอคทีฟให้มีขนาดเต็มจอ (Maximize) ส่วน Windows + Down เป็นคีย์ลัดสำหรับใช้ในทำการย่อหน้าต่างที่กำลังแอคทีฟลงเล็กสุด (Minimize)

Windows + Shift + Up และ Windows + Shift + Down
Windows + Shift + Up เป็นคีย์ลัดสำหรับใช้ในทำการขยายหน้าต่างที่กำลังแอคทีฟให้มีขนาดเต็มความสูงของจอภาพในขณะที่ความกว้างของหน้าต่างยังเท่าเดิม ส่วน Windows + Shift + Downpressing นั้นจะทำให้หน้าต่างที่กำลังแอคทีฟกลับไปมีขนาดเท่าเดิม

Windows + Left และ Windows + Right
Snap เป็นคุณสมบัติของ Aero ที่ช่วยให้การเปรียบเทียบระหว่าง 2 หน้าต่างทำได้ง่ายขึ้น โดยปกติจะผู้ใช้จะทำการลากหน้าต่างไปยังด้านขวาหรือด้านซ้ายของจอภาพเพื่อใช้เปรียบเทียบระหว่าง 2 หน้าต่าง โดย Windows + Left และ Windows + Right เป็นคีย์ลัดสำหรับใช้ทำงานในลักษณะเดียวกันนี้โดยไม่ต้องใช้เม้าส์

Windows + Home
Windows + Home เป็นคีย์ลัดที่ทำหน้าที่เหมือน Aero Shake คือเมื่อทำการกดคีย์ลัดนี้ในครั้งแรกจะเป็นการย่อหน้าต่างที่เปิดอยู่ทั้งหมดลงเล็กสุดยกเว้นหน้าต่างที่กำลังทำงานอยู่ และถ้าทำการการกดคีย์ลัดนี้อีกครั้งก็จะทำการรีสโตร์หน้าต่างทั้งหมดกลับไปเหมือนเดิม

Windows + T
Windows + T เป็นคีย์ลัดสำหรับใช้ทำการสลับระหว่างธัมบ์เนลของ Aero Flip ซึ่งประกอบด้วย Windows +Tab และ Alt + Tab

Windows + Number
Windows + ตัวเลข เป็นคีย์ลัดสำหรับใช้เปิดโปรแกรมที่ถูกปักหมุดอยู่บนทาสก์บาร์ วิธีการทำได้โดยการกดคีย์ Windows ตามด้วยตัวเลขที่สัมพันธ์กับโปรแกรมที่ต้องการซึ่งถูกปักหมุดอยู่บนทาสก์บาร์ ตัวอย่างเช่น กดคีย์ Windows แล้วตามด้วยตัวเลข 1 จะเป็นการเปิดโปรแกรมตัวแรกที่อยู่บนทาสก์บาร์

Windows + Space
Windows + Space เป็นคีย์ลัดสำหรับใช้ Aero Peak ซึ่งจะช่วยให้สามารถมองเห็นไอคอนต่างๆ ที่อยู่บนหน้าเดสก์ท็อปได้

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Windows 7 News

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Monday, November 29, 2010

Chrome OS delay

Chrome OS ออกช้ากว่ากำหนด
สืบเนื่องจากมีรายงานว่ากูเกิล (Google) วางแผนที่จะออกเน็ตบุ๊ก (Netbook) ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Chrome OS ตัวเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2553 นี้ตามรายละเอียดที่ได้นำเสนอในเรื่อง Chrome OS hits Release Candidate (RC) แต่ล่าสุดมีความเป็นไปได้สูงว่า Chrome OS จะไม่สามารถออกได้ทันในปีนี้ (2553) เนื่องจาก Eric Schmidt ซึ่งเป็น CEO ของกูเกิลได้ตอบคำถามนักข่าวในงาน Web 2.0 Summit เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 53 ว่ากูเกิลและผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อื่นๆ จะไม่สามารถออกเน็ตบุ๊กที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Chrome OS ได้ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ Jim Wong ซึ่งเป็นรองประธานอาวุโสของบริษัท Acer ได้เปิดเผยผ่านผู้สื่อข่าวของ Engadget ว่า Google ได้เลื่อนแผนการออก Chrome OS ไปเป็นต้นปี 2554 แต่ยังไม่มีการระบุวันออกที่แน่นอน

ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบวันออก Chrome OS ที่แน่นอน แต่คาดการกันว่ากูเกิลจะทำในลักษณะเดียวกันกับการเปิดตัวเครื่องสมาร์ทโฟน Nexus One (แจกเครื่องให้ผู้เข้าร่วมงานโดยใส่ไว้ในกระเป๋าลงทะเบียน) นั้นคือทำการแจก Netbook (แน่นอนว่าต้องที่ใช้ Chrome OS) ให้พนักงานเป็นของขวัญวันคริสต์มาส และถ้าเป็นดังที่คาดการไว้ก็จะทำให้ทราบล่วงหน้าก่อนการออกอย่างเป็นทางการอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์

สำหรับสาเหตุที่ทำให้การพัฒนา Chrome OS ล่าช้านั้นบางแหล่งข่าวอ้างว่าเกิดจาก Google ต้องการปรับยุทธศาสตร์ซึ่งมีผลมาจากปรากฏการณ์ความนิยมในแท็บเล็ต (Tablet) ที่พุ่งสูงเป็นอย่างมากหลังจาก Apple ออก iPad รวมถึงความนิยมในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ในตลาดสมาร์ทโฟนพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการเปิดตัวของ Galaxy Tab อุปกรณ์แท็บเล็ตของ Samsung (ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ แต่อย่างไรก็ตาม Eric Schmidt ยังยืนยันว่าเป้าหมายของ Chrome OS ยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้คีย์บอร์ดเหมือนเดิม

แนะนำ Chrome OS
กูเกิลได้เปิดเผยโครงการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Google Chrome Operating System หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า Chrome OS เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2552 โดย Chrome OS จะเป็นระบบปฏิบัติการแบบโอเพนซอร์ส (Open Source) ที่พัฒนาตามแนวคิด Lightweight Operating System เพื่อให้การทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรระบบมากเกินความจำเป็น มีเป้าหมายสำหรับใช้บนคอมพิวเตอร์ประเภทเน็ตบุ๊กเป็นหลัก

Chrome OS

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
CNET
eweek

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Friday, November 26, 2010

New zero-day flaw bypasses Windows 7 User Account Control (UAC)

พบช่องโหว่ความปลอดภัยแบบ Zero-day บน Windows สามารถบายพาส User Account Control (UAC) ของ Windows 7 ได้
มีรายงานข่าวว่ามีการค้นพบช่องโหว่ความปลอดภัยตัวใหม่บนระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งสามารถใช้บายพาสระบบ User Account Control (UAC) ได้ โดยช่องโหว่ความปลอดภัยที่ค้นพบในครั้งนี้มีผลกระทบ Windows หลายเวอร์ชัน และที่สำคัญคือเป็นช่องโหว่ความปลอดภัยแบบ Zero-day เนื่องจากยังไม่แพทช์ (Patch) สำหรับใช้แก้ไข อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่มีการออกมาตอบรับหรือปฏิเสธข่าวนี้จากทางไมโครซอฟท์แต่อย่างใด

โดยรายละเอียดเรื่องครั้งนี้ถูกเปิดเผยผ่านทาง Sophos Blog โดย Chester Wisniewski ซึ่งเป็น Senior Security Advisor ของ Sophos ประเทศแคนาดาได้โพสต์บทความเรื่อง New Windows zero-day flaw bypasses UAC ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการค้นพบช่องโหว่ความปลอดภัยบนระบบปฏิบัติการ Windows ที่สามารถใช้ทำการยกระดับสิทธิ์ (Elevate privilege) ของแอพพลิเคชันไปเป็นระดับ System account บน Windows Vista และ Window 7 ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในการบายพาสระบบ User Account Control (UAC) ของ Windows Vista และ Window 7 ได้อีกด้วย

หมายเหตุ: มีการโพสต์โค้ด Proof of Concept (PoC) สำหรับใช้พิสูจน์ช่องโหว่ความปลอดภัยบนเว็บไซต์สอนเขียนโปรแกรมแห่งหนึ่งแต่ได้ถูกลบออกไปในภายหลัง

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดช่องโหว่ความปลอดภัยนี้เกิดจากบั๊ก (Bug) ในไฟล์ win32k.sys ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Windows kernel ส่งผลรีจีสทรี่คีย์ตีความหมายผิดพลาดและอนุญาตให้ผู้โจมตีสามารถปลอมตัว (Impersonate) เป็น System account ซึ่งมีสิทธิ์ในการเข้าถึงทุกองค์ประกอบของระบบ Windows ได้โดยแทบจะไม่มีข้อจำกัด โดยรีจีสทรี่คีย์ที่ทำงานผิดพลาดนี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเต็มรูปแบบ (Full control) ของผู้ใช้ทั่วไป (Non-privileged users)

โดยนอกจากมีผลกระทบกับ Windows Vista และ Windows 7 แล้วช่องโหว่ความปลอดภัยนี้ยังมีผลกระทบกับ Windows XP รวมถึง Windows Server 2008 R2 อีกด้วย อย่างไรก็ตามบั๊กตัวนี้ไม่สามารถใช้เป็นช่องทางการโจมตีจากระยะไกลแบบ Remote code execution (RCE) ได้ แต่จะอนุญาตให้แอคเคาท์ที่ไม่ได้เป็นแอดมินสามารถทำการรันโค้ดได้เทียบเท่าแอดมิน

อนึ่ง โปรแกรมป้องกันไวรัสของ Sophos จะตรวจพบโค้ด Proof of Concept (PoC) สำหรับใช้โจมตีช่องโหว่ความปลอดภัยนี้ในชื่อ Troj/EUDPoC-A สำหรับวิดีโอสาธิตผลกระทบและวิธีการป้องกันสามารถดูได้จากเว็บไซต์ Youtube ที่ New Windows Zero Day Exploit - Nov 2010

วิธีการป้องกันระบบเบื้องต้น
สำหรับการป้องกันระบบไม่ให้ถูกโจมตีนั้นสามารถทำได้ดังนี้
1. ล็อกออนเข้าระบบด้วยแอคเคาท์กลุ่ม Administrator จากนั้นเปิดโรแกรม Regedit แล้วบราวซ์ไปยังรีจีสทรี่คีย์ HKEY_USERS\[SID of each user account]\EUDC
2. คลิกขวาบน EUDC แล้วเลือก Permissions
3. เลือกผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งเพอร์มิสชันและเลือก Advanced
4. เลือก Add จากนั้นพิมพ์ชื่อผู้ใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วคลิก OK
5. คลิกเลือกเช็คบ็อกซ์ Deny ในหัวข้อ Delete และ Create Subkey
6. คลิก OK แล้วปิดโปรแกรม Regedit เพื่อจบการทำงาน


บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Sophos Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Thursday, November 25, 2010

Share Files with a Click Using SendNow on Adobe Reader X

วิธีการแชร์ไฟล์จากในโปรแกรม Adobe Reader X โดยใช้ SendNow

โปรแกรม Adobe Reader X เมเจอร์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดนั้นนอกจากจะมาพร้อมคุณ Sandboxing Security Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันผู้ใช้จากการโจมตีจากแฮกเกอร์และไวรัสแล้ว ยังสามารถทำงานร่วมกับ SendNow ซึ่งเป็นบริการแชร์ไฟล์ของ Adobe ได้อีกด้วย

บทความนี้ ผมจะสาธิตวิธีการแชร์ไฟล์จากในโปรแกรม Adobe Reader X โดยใช้ SendNow ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดโปรแกรม Adobe Reader X จากนั้นทำการไซน์อินเข้า Adobe SendNow สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ Share Large Files with Adobe SendNow


2. จากนั้นคลิกลิงก์ Share Files Using SendNow Online แล้วในคอลัมน์ Send Files ให้คลิกลิงก์ Add File แล้วเลือกไฟล์ที่ต้องแชร์


จากนั้นให้ตรวจสอบว่าเลือกเป็น Use Adobe SendNow Online (ค่าดีฟอลท์) แล้วใส่ที่อยู่อีเมล์ที่ต้องการแชร์ไฟล์ให้ในช่อง To ป้อนชื่อเรื่องในช่อง Subject แล้วป้อนรายละเอียดในช่อง Message เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Send Link


3. เมื่อโปรแกรมทำการส่งอีเมล์แล้วเสร็จจะแสดงข้อความว่า Completed ดังรูปด้านล่าง ให้คลิกเครื่องหมายกากบาทเพือกลับไปยังโปรแกรม Adobe Reader X หรือคลิกลิงก์ View and Track File เพื่อตรวจสอบรายละเอียดการส่งไฟล์


สำหรับในด้านของผู้รับนั้นเมื่อเปิดอีเมล์จะมีลักษณะดังภาพด้านล่าง ซึ่งสามารถดาวน์โหลดไฟล์ที่แชร์ได้โดยการคลิกลิงก์ที่แนบไปกับอีเมล์


บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Adobe Reader X Available for Download

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Microsoft offers Stability and Reliability Updates for Internet Explorer 9 Beta

ไมโครซอฟท์ออกอัปเดทเพื่อปรับปรุงประสิทธิการทำงานและความน่าเชื่อถือของ IE9 Beta

ไมโครซอฟท์ออกอัปเดทสำหรับ Internet Explorer 9 (IE9) Beta จำนวน 2 อัปเดทประกอบด้วยอัปเดทหมายเลข KB2448827 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงประสิทธิการทำงานและความน่าเชื่อถือของ IE9 Beta และอัปเดทหมายเลข KB2452648 เพื่อแก้ปัญหาการส่งฟีดแบ็ค (Send Feedback) ไม่ได้บนระบบปฏิบัติดาร Windows รุ่น 64 บิท

ทั้งนี้ อัปเดททั้ง 2 ตัวรองรับการอัปเดทเฉพาะ Internet Explorer 9 Beta เท่านั้น

อัปเดทหมายเลข KB2448827
ไมโครซอฟท์ออกอัปเดทหมายเลข KB2448827 เพื่อปรับปรุงประสิทธิการทำงานและความน่าเชื่อถือของ IE9 Beta โดยดาวน์โหลดได้ที่ http://support.microsoft.com/kb/2448827

ทั้งนี้ อัปเดทหมายเลข KB2448827 จะรองรับ Internet Explorer 9 Beta บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบ Windows Vista Service Pack 2, Windows Server 2008 Service Pack 2, Windows 7 และ Windows Server 2008 R2

อัปเดทหมายเลข KB2452648
อัปเดทหมายเลข KB2452648 เพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์ดังนี้
• เมื่อมีการติดตั้ง Internet Explorer 9 Beta และ Windows Live Essentials 2011 บนเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ Windows รุ่น 64 บิท
• ผู้ใช้พยายามทำการส่งฟีดแบ็ค ใน Internet Explorer 9 Beta
ในสถานการณ์ด้านบนเครื่องมือ Send Feedback ไม่ทำงานและระบบจะแสดงข้อความผิดพลาดดังนี้

Please install the Windows Live ID Sign-in Assistant

โดยที่ข้อความผิดพลาดนั้นจะมีลิงก์ให้ดาวน์โหลด Windows Live ID Sign-In Assistant แต่เมื่อผู้ใช้พยายามทำการดาวน์โหลดโดยการคลิกลิงก์ดังกล่าวระบบจะแจ้งว่ามีการติดตั้งเวอร์ชันล่าสุดบนระบบแล้ว

สาเหตุของปัญหานี้เกิดจากการ Windows Live ID Sign-in Assistant สำหรับ Windows Live Essentials 2011 นั้นต้องการให้แอพพลิเคชันที่เรียกใช้ต้องอ้างอิงไฟล์ DLLs ที่จำเป็นด้วยพาธเต็ม อย่างไรก็ตาม เครื่องมือสำหรับ Send Feedback ใน Internet Explorer 9 Beta นั้นไม่ได้อ้างอิงไฟล์ DLLs ด้วยพาธเต็ม โดยเครื่องมือสำหรับ Send Feedback รุ่น 32 บิทนั้น พยายามโหลดไฟล์ DLL แบบ 64 บิท ลักษณะกล่าวนี้ทำให้เกิดความล้มเหลวที่ระบบตีความหมายว่าไม่มีการติดตั้ง Windows Live ID Sign-in Assistant บนระบบ

วิธีการแก้ไข
- ทำการติดตั้งอัปเดทหมายเลข KB 2452648 โดยดาวน์โหลดได้ที่ http://support.microsoft.com/kb/2452648
- ทำการถอนการติดตั้ง Windows Live Essentials 2011 จากนั้นทำการติดตั้ง Windows Live Essentials เวอรืชันใหม่ล่าสุด

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
IE Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Wednesday, November 24, 2010

How to Assign Logon/Logoff Scripts via Group Policy

วิธีการคอนฟิกสคริปต์ Logon/Logoff ผ่านทาง Group Policy
บทความนี้จะสาธิตวิธีการคอนฟิกสคริปต์ Logon/Logoff ผ่านทาง Group Policy ซึ่งมีข้อดีคือมีความยืดหยุ่นทำสามารถกำหนดสคริปต์ให้แก่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการได้ง่ายกว่า การปรับแต่งแก้ไขทำได้สะดวกและรวดเร็วกว่าการกำหนดทาง User Properties หรือทางแบทช์ไฟล์ (.bat) นอกจากนี้ยังสามารถใช้กำหนดได้ทั้ง Logon และ Logoff อีกด้วยในขณะที่การกำหนดทาง User Properties หรือทางแบทช์ไฟล์นั้นทำได้เฉพาะการกำหนดสคริปต์ Logon

อนึ่ง บทความนี้ดำเนินการบนระบบ Windows Server 2008 R2 Active Directory Domain Services (ADDS) อย่างไรก็ตามสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งบน Windows Server 2008 ADDS และ Windows Server 2003 ADDS ได้เช่นเดียวกัน

ข้อควรทราบ: ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนด้านล่างจะต้องทำการสร้าง Group Policy ในระบบก่อน

สำหรับขั้นตอนการคอนฟิกสคริปต์ Logon/Logoff ผ่านทาง Group Policy นั้นต้องทำการล็อกออนเข้าโดเมนคอนโทรลเลอร์ด้วยแอคเคาท์กลุ่ม Domain Admins จากนั้นดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start คลิก Administrator Tools แล้วคลิก Group Policy Management
2. ในหน้าต่าง Group Policy Management ให้คลิกเครื่องหมาย + หน้า Group Policy Objects จากนั้นคลิกขวา Group Policy ที่ต้องการแล้วคลิกแท็บ Details ในแพนด้านขวามือ


3. ใช้ Windows Explorer เปิดไปที่ไดเร็กตอรี่ Logon หรือ Logoff (ขึ้นอยู่กับความต้องการ) ดังนี้

C:\Windows\SYSVOL\sysvol\wssa.com\Policies\{Group Policy ที่ได้จากขั้นตอนที่ 2}\User\Scripts\Logon
C:\Windows\SYSVOL\sysvol\wssa.com\Policies\{Group Policy ที่ได้จากขั้นตอนที่ 2}\User\Scripts\Logoff

แล้วให้ทำการสร้างแบทช์ไฟล์ (.bat) ที่ต้องการใช้เป็น Logon หรือ Logoff สคริปต์

4. หลังจากสร้างแบทช์ไฟล์เสร็จเรียบร้อยแล้วให้กลับไปยังหน้าต่าง Group Policy Management จากนั้นให้คลิกขวาบน Group Policy ที่ต้องการแล้วเลือก Edit


5. ในหน้าต่าง Group Policy Management Editor ให้คลิกเครื่องหมาย + หน้า User Configuration แล้วเครื่องหมาย + หน้า Policies แล้วคลิกเครื่องหมาย + หน้า Windows Settings แล้วคลิก Scripts (Logon/Logoff) แล้วในแพนด้านขวามือให้ดับเบิลคลิกสคริปต์ที่ต้องการ


6. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Logoff Properties (หรือ Logon Properties) ให้คลิก Add แล้วในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Add a Script ให้คลิก Browse เลือกแบทช์ไฟล์ (ที่สร้างขึ้นในขั้นตอนที่ 3 ด้านบน) ที่ต้องการเสร็จแล้วคลิก OK แล้วคลิก OK ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Logoff Properties


7. ปิดหน้าต่าง Group Policy Management Editor แล้วปิดหน้าต่าง Group Policy Management เพื่อจบการทำงาน

หลังจากทำการคอนฟิกสคริปต์ตามขั้นด้านบนแล้ว สามารถทดสอบการทำงานได้โดยการล็อกออนด้วยแอคเคาท์ที่เป็นสมาชิกของโอยู (Organization Unit) ที่ Group Policy ที่ทำการแก้ไขลิงก์อยู่บนเครื่องไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์ที่เป็นสมาชิกของโดเมน

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Tuesday, November 23, 2010

Best Open Source in 2010

ผลการประกวด 2010 Open Source Awards

วันนี้มีผลการประกวด 2010 Open Source Awards ที่จัดโดย Packt Publishing ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์หนังสือด้านคอมพิวเตอร์ชื่อดัง สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดประกวดครั้งนี้เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและให้รางวัลแก่โครงการหรือแอพพลิเคชันที่อยู่บนพื้นฐานโอเพนซอร์สต่างๆ การประกวดครั้งนี้แบ่งออกเป็น 6 ประเภท โดยโครงการหรือแอพพลิเคชันที่ชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้รางวัลมูลค่า $2,500 (ประมาณ 75,000 บาท) ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 และอันดับ 2 จะได้รางวัลมูลค่า $1,000 (ประมาณ 30,000 บาท) และ $500 ( ประมาณ 15,000 บาท) ตามลำดับ

หมายเหตุ: ภาพประกอบจาก Packtpub.com

ผลการประกวด 2010 Open Source Awards
รายชื่อโครงการหรือแอพพลิเคชันที่ชนะเลิศในการประกวด 2010 Open Source Awards แต่ละประเภทมีดังนี้

ประเภท Open Source CMS
Open Source CMS เป็นการประกวดโครงการ CMS ที่อยู่บนพื้นฐานโอเพนซอร์สทุกตัว โดยโครงการที่ชนะเลิศได้แก่ CMS Made Simple ซึ่งได้คะแนนเหนือกว่า CMS อื่นๆ ทุกตัว ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ SilverStripe และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ MODx
Winner: CMS Made Simple
1st Runner up: SilverStripe
2nd Runner up: MODx

ประเภท Hall of Fame CMS
Hall of Fame CMS เป็นการประกวดระหว่างโครงการ CMS ที่เคยชนะเลิศใน Open Source CMS ในปีที่ผ่านๆ มาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยโครงการที่ชนะเลิศได้แก่ WordPress ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ Drupal และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ Joomla!
Winner: WordPress
1st Runner up: Drupal
2nd Runner up: Joomla!

หมายเหตุ: Drupal กับ WordPress ได้คะแนนเท่ากันในรอบแรก จึงต้องใช้กรรมการอิสระ (Mark King) ในการตัดสิน

ประเภท Most Promising Open Source Project
Most Promising Open Source Project เป็นการประกวดโครงการที่ใหม่ออกมาไม่เกิน 2 ปีนับถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2553 โดยโครงการที่ชนะเลิศได้แก่ Pimcore ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ TomatoCMS และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ BuddyPress
Winner: Pimcore
1st Runner up: TomatoCMS
2nd Runner up: BuddyPress

ประเภท Open Source E-Commerce Applications
เป็นการประกวดเฉพาะโครงการเว็บแอพพลิเคชัน (Web applications) ที่ใช้ในการซื้อ-ขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต โดยโครงการที่ชนะเลิศได้แก่ PrestaShop ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ OpenCart และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ Tomato Cart
Winner: PrestaShop
1st Runner up: OpenCart
2nd Runner up: Tomato Cart

ประเภท Open Source Graphics Software
เป็นการประกวดเฉพาะโครงการซอฟต์แวร์แอพพลิเคชันด้านกราฟอก (Graphic Application) ซึ่งใช้ในงาน graphic design, multimedia development, specialized image development, general image editing หรือช่วยในเข้าถึงไฟล์กราฟิก โดยโครงการที่ชนะเลิศได้แก่ Blender ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ GIMP และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ Inkscape
Winner: Blender
1st Runner up: GIMP
2nd Runner up: Inkscape

ประเภท Open Source JavaScript Libraries
เป็นการประกวดเฉพาะโครงการประเภทจาวาสคริปต์ไลบรารี่ (JavaScript libraries) ที่เขียนขึ้นจาก JavaScript controls เพื่อช่วยให้การพัฒนาเนื้อหาแบบ RIAs (Rich Internet Applications) ทำได้ง่ายขึ้น visually enhanced applications หรือ smoother server-side JavaScript โดยโครงการที่ชนะเลิศได้แก่ jQuery ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ Mootools และ Raphaël
Winner: jQuery
1st Runner up: Mootools and Raphaël

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
packtpub.com

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Monday, November 22, 2010

Firefox 4.0 Beta 7 New Features

สำรวจคุณสมบัติใหม่ใน Firefox 4.0 Beta 7
ใน Firefox 4.0 Beta 7 ซึ่งเป็นเวอร์ชันเบต้าตัวล่าสุดนั้น นอกจากจะใช้จาวาสคริปต์คอมไพเลอร์ตัวใหม่ที่ชื่อ JägerMonkey just-in-time (JIT) JavaScript ซึ่งส่งผลให้ทำงานได้เร็วขึ้นอย่างเห้นได้ชัดเจนแล้ว ยังมีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่หลายอย่าง โดยผมมีโอกาสได้ทดสอบคุณสมบัติใหม่ (บางตัว) ที่มีใน Firefox 4.0 Beta 7 เลยนำมาประสบการณ์มาฝาก

สำหรับผลการทดสอบด้วย Kraken และ Sunspider JavaScript และ V8 benchmark นั้นสามารถ อ่านได้ที่ Firefox 4.0 Beta 7 adds new JavaScript power and faster graphics ส่วนการดาวน์โหลด Firefox 4.0 Beta 7 สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ Firefox 4.0 Beta 7 Officially Released for Download

หมายเหตุ: บางคุณสมบัติอาจจะมีมาตั้งแต่เวอร์ชันก่อนหน้าแล้วครับ

Paste & Go
Paste & Go เป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้สามารถเปิดหน้าเว็บไซต์โดยทำการก็อปปี้ยูอาร์แอลของเว็บไซต์แล้วคลิกขวาบนแอดเดรสบาร์ (Awesome Bar) แล้วสามารถเลือก Paste & Go 


Paste & Search
Paste & Search เป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้สามารถทำการค้นหาจากช่องค้นหา (Search box) ได้ง่ายขึ้นโดยการก็อปปี้ข้อความที่ต้องการค้นหาจากนั้นคลิกขวาบนแอดเดรสบาร์ (Awesome Bar) แล้วสามารถเลือก Paste & Search


Animated icon
ไอคอนของแท็บจะมีลักษณะเป็นแอนิเมชันตามการโหลดข้อมูลของแท็บดังรูปด้านล่าง


Remember Password
เมื่อทำการป้อนรหัสผ่านต่างๆ Firefox จะแสดงบอลลูนให้จำรหัสผ่าน (Remember Password) ดังรูปด้านล่าง


URL preview
เมื่อเลื่อนเม้าส์ไปเหนือลิงก์ใดๆ Firefox จะแสดงยูอาร์แอลของลิงก์ดังกล่าวในบนแอดเดรสบาร์ดังรูปด้านล่าง


นอกจากนี้ ใน Firefox 4.0 Beta 7 ยังมีการเพิ่ม Add-on Bar ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จาก View> Add-on Bar และ Restart with Add-ons Diabled โดยสามารถเข้าถึงได้จาก Help>Restart with Add-ons Diabled

คุณสมบัติที่หายไป
เป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่อยากให้ Mozilla นำคุณสมบัติต่างๆ ที่ถูกตัดไปใน Firefox 4.0 กลับมาเหมือนใน Firefoc 3.6 เมื่อ Mozilla จะนำไอคอน RSS feed กลับมาในรูปของทูลบาร์ใน Firefox 4.0 Beta 8 ส่วน Progrees bar นั้นสามารถติดตั้งแอด-ออนเพิ่มเติมได้จาก https://addons.mozilla.org/en-US/firefox/collections/spewboy/firefox_4.0_theme_and_features/

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
ASKVG

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Sunday, November 21, 2010

Share Large Files with Adobe SendNow

การแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ด้วย Adobe SendNow

วันนี้มีวิธีการแชร์ไฟล์ผ่านทาง Adobe SendNow ซึ่งเป็นบริการหนึ่งของ Adobe ลักษณะการทำงานนั้นจะทำการเก็บไฟล์ไว้บนเซิร์ฟเวอร์จากนั้นจะทำการส่งอีเมล์ไปยังผู้รับ

จุดเด่นของบริการ Adobe SendNow คือสามารถแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ได้จากโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม ไม่ต้องมี FTP servers ไม่ต้องรอการส่งข้อมูลนานหลายชั่วโมงและมีระบบแจ้งผลการแชร์ไฟล์อีกด้วย  โดย Adobe SendNow นั้นสามารถรองรับการส่งไฟล์ได้ขนาดใหญ่สุดถึง 2GB* สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ และ 1GB* สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการแมคอินทอช โดยที่แบ่งระดับการให้บริการออกเป็น 3 ระดับคือ Free trial ซึ่งเป็นบริการฟรี, Basic plan ต้องเสียค่าบริการ US $9.99 ต่อเดือน หรือ US $ 99.99 ต่อปี และ Plus plan ต้องเสียค่าบริการ US $19.99 ต่อเดือน หรือ US $ 190 ต่อปี (อ่านรายละเอียดได้ที่ https://sendnow.acrobat.com/pricing.html)

หมายเหตุ: ภาพประกอบจาก SendNow.Acrobat.com

คณสมบัติของ Adobe SendNow แบบ Free trial
1. สามารถรองรับไฟล์ที่ขนาดได้สูงสุด 100MB
2. รองรับการดาวน์โหลดไฟล์พร้อมกันได้ 100 การเชื่อมต่อ
3. ให้พื้นที่เก็บข้อมูล 500MB
4. รับส่งไฟล์ได้ครั้งละ 1 ไฟล์
5. ไฟล์ที่เก็บอยู่บนเซิร์ฟเวอร์จะถูกลบภายใน 7 วัน

หมายเหตุ: * เฉพาะผู้ใช้บริการแบบ Basic และ Plus plan เท่านั้น

สำหรับการแชร์ไฟล์ด้วย Adobe SendNow นั้นก่อนอื่นต้องสมัครเพื่อขอใช้บริการที่เว็บไซต์ https://sendnow.acrobat.com โดยต้องใช้อีเมล์ในการสมัคร หลังจากสมัครจะต้องทำการตรวจสอบ (Verify) แอ็คเคาท์โดยการไซน์อินเข้าระบบอีเมล์ที่ใช้ในการสมัครจากนั้นคลิกลิงก์ที่แนบมากับอีเมล์ หลังจากได้แอ็คเคาท์แล้วให้ทำการไซน์อินเข้าระบบโดยการลิงก์คลิกลิงก์ Sign in แล้วป้อน Adobe ID ซึ่งเป็นอีเมล์ที่ใช้ในการสมัครและรหัสผ่านที่กำหนดเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Sign In


หลังจากไซน์อินเข้าระบบแล้วให้คลิกปุ่ม Select file แล้วเลือกไฟล์ที่ต้องการแชร์ จากนั้นใส่ที่อยู่อีเมล์ที่ต้องการแชร์ไฟล์ให้ในช่อง To ป้อนชื่อเรื่องในช่อง Subject แล้วป้อนรายละเอียดในช่อง Message เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Send Now


รอจนระบบทำการอัปโหลดไฟล์และส่งอีเมล์แล้วเสร็จ จากนั้นในหน้า "Your files have been sent" ให้คลิกปุ่ม Close หรือ View Sent Files


ในกรณีที่คลิก View Sent Files จะเป็นการเปิดหน้า Sent Files ซึ่งจะแสดงรายละเอียดไฟล์ต่างๆ ที่ทำการแชร์ผ่านทาง Adobe SendNow ดังภาพด้านล่าง


สำหรับในด้านของผู้รับนั้นเมื่อเปิดอีเมล์จะมีลักษณะดังภาพด้านล่าง ซึ่งสามารถดาวน์โหลดไฟล์ที่แชร์ได้โดยการคลิกลิงก์ที่แนบไปกับอีเมล์


ความเห็นของผู้เขียน
จากที่ได้ทดลองใช้บริการ Adobe SendNow ผู้เขียนเองพอใจในประสิทธิภาพการที่สามารถอัปโหลดไฟล์ได้เร็วโดยเฉพาะเมื่อใช้งานผ่านทางแลน (LAN) ประกอบกับมีระบบแจ้งผลการแชร์ผ่านทางอีเมล์ทำให้ Adobe SendNow เป็นทางเลือกหนึ่งในการแชร์ไฟล์โดยเฉพาะไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากสามารถส่งไฟล์ได้ใหญ่สุดถึง 100MB สำหรับบริการฟรี แต่อย่างไรก็ตามบริการฟรีนั้นมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น มีพื้นที่ให้เพียง 500MB และอนุญาตให้เก็บไฟล์ได้เพียง 7 วัน จึงเหมาะสำหรับการใช้ในการรับ-ส่งไฟล์เท่านั้น (ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของบริการนี้) ไม่สามารถใช้เป็นแหล่งเก็บข้อมูลสำรองได้เหมือนกับของผู้ให้บริการรายอื่นอย่างเช่น Dropbox หรือแม้แต่ SkyDrive

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Saturday, November 20, 2010

VMware Player 3.1.3 Build 324285 Available for Download

VMware ออก VMware Player 3.1.3 Build 324285 เพื่อปรับปรุงการทำงาน
อัปเดทเวอร์ชันใหม่อีกแล้วสำหรับ VMware Player โดยล่าสุดได้ออก VMware Player 3.1.3 Build 324285 เพื่อปรับปรุงการทำงานและแก้ไขปัญหา ( Maintenance release) ต่างๆ ที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้า โดยปัญหาที่ได้รับการแก้ไข เช่น ปัญหาติดตั้งบน Linux kernel เวอร์ชันก่อน 2.6.34 ไม่ได้ และการเกิดข้อผิดพลาดเมื่อทำการสร้างระบบปฏิบัติการเกสต์ (Guest operating) เป็น Novell NetWare, Sun Solaris หรือระบบปฏิบัติการอื่นๆ ใน New Virtual Machine wizard สำหรับการปรับปรุงทั้งหมดสามารถอ่านได้จากหัวข้อ การปรับปรุงใน VMware Player 3.1.3 Build 324285 ด้านล่าง

หมายเหตุ: ใน VMware Player 3.1.3 Build 32428 ไม่มีการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย

VMware Player เป็นโปรแกรมจำลองระบบคอมพิวเตอร์ (Virtualization) ที่สามารถใช้ทำการรันเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ที่สร้างขึ้นจากโปรแกรม VMware Workstation, VMware Server, VMware GSX Server หรือ VMware ESX Server และนับตั้งแต่ VMware Player 3.0 และใหม่กว่า สามารถทำการสร้างเวอร์ชวลแมชชีนได้เองทำให้มีความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น และยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับซอฟต์แวร์ลักษณะเดียวกันจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์รายอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Windows Virtual PC รวมถึง Windows XP Mode ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับใช้จำลองระบบคอมพิวเตอร์บน Windows 7 ของไมโครซอฟท์

VMware Player 3.1.3 ยังสามารถรองรับเวอร์ชวลแมชชีนที่สร้างขึ้นจากโปรแกรมจำลองระบบคอมพิวเตอร์ของไมโครซอฟท์ เช่น Microsoft Virtual PC, Microsoft Virtual Server และดิสก์ในฟอร์แมตของ Symantec LiveState และที่สำคัญรองรับการอิมพอร์ต Windows XP Mode VM ของ Windows 7 ได้อีกด้วย (อ่านวิธีการโดยละเอียดได้ที่ Import Windows XP Mode using VMware Player 3.0) โดยที่ VMware ยังเปิดให้ดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรีเหมือนเดิม (ต้องลงทะเบียนก่อนการดาวน์โหลด)

ดาวน์โหลด VMware Player 3.1.3 Build 324285
VMware Player 3.1.3 Build 324285 ออกในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2553 โดยผู้ใช้ทั่วไปสามารถทำการลงทะเบียนเพื่อดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรีได้ที่เว็บไซต์ Register for Download VMware Player สำหรับคนที่เคยลงทะเบียนไว้แล้วสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ Download VMware Player 3.1.3 Build 324285

VMware Player 3.1.3 Build 32428

สำหรับวิธีการใช้งานสามารถอ่านรายละเอียดได้จาก Using VMware Player 3.0 Step by Step

การปรับปรุงใน VMware Player 3.1.3 Build 324285
ใน VMware Player 3.1.3 Build 324285 มีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการทำงานต่างๆ ดังนี้
- When you install VMware Workstation on an operating system that uses a post-2.6.34 Linux kernel, the vmmon module fails to compile.
- The vmxnet and vsock guest modules fail to compile on operating systems that use post-2.6.32 Linux kernels.
- When you install VMware Tools on an operating system that uses a post-2.6.34 Linux kernel, the vsock.ko module fails to build.
- Unity mode does not work with an Ubuntu 10.10 64-bit guest operating system.
- An unrecoverable error occurs when you select the Novell NetWare, Sun Solaris, or Other guest operating system type in the New Virtual Machine wizard.

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จาก VMware Player 3.1.3 Release Notes

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
VMware Player

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

VMware Workstation 7.1.3 Released

VMware ออก VMware Workstation 7.1.3 เพื่อปรับปรุงการทำงาน
VMware ออก Workstation 7.1.3 ทั้งเวอร์ชันสำหรับ Windows และ Linux ซึ่งเวอร์ชันอัปเดทใหม่ล่าสุดของซอฟต์แวร์ที่ได้รับการยกย่องว่าให้เป็นซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้จำลองระบบคอมพิวเตอร์ (Virtualization) นี้ออกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา

VMware Workstation 7.1.3 มีหมายเลข Build 324285 เป็นเวอร์ชัน Maintenance release เพื่อปรับปรุงการทำงานโดยไม่มีการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย สำหรับปัญหาที่ได้รับการแก้ไขเช่น ปัญหาติดตั้งบน Linux kernel เวอร์ชันก่อน 2.6.34 ไม่ได้ และการเกิดข้อผิดพลาดเมื่อสร้าง guest operating เป็น Novell NetWare, Sun Solaris หรือระบบปฏิบัติการอื่นๆ ใน New Virtual Machine wizard สำหรับการปรับปรุงทั้งหมดสามารถอ่านได้จากหัวข้อ คุณสมบัติใหม่ของ VMware Workstation 7.1.3 ด้านล่าง

ดาวน์โหลด VMware Workstation
VMware Workstation เป็นซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ (ต้องซื้อไลเซนส์) อย่างไรก็ตาม VMware ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจดาวน์โหลดเวอร์ชันทดลองใช้งาน 30 วัน ไปทดทดลองใช้งานได้ฟรี โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ Download VMware Workstation 7.1.3 for Windows

VMware Workstation 7.1.3

คุณสมบัติเด่นใน VMware Workstation 7.x for Windows
สำหรับคุณสมบัติใหม่ใน VMware Workstation 7.x for Windows มีดังนี้
• 2X 3D Graphics Performance:
ประสิทธิภาพของระบบประมวลผลแบบ 3D ได้รับการปรับปรุงให้เพิ่มขึ้นสูงสุด 2 เท่า โดยประสิทธิภาพด้านกราฟิกสำหรับ DirectX 9.0 และการเร่งฮาร์ดแวร์ (Hardware Acceleration) สำหรับ OpenGL 2.1 ในเวอร์ชวลแมชชีนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 และ Windows Vista เพิ่มขึ้นสูงสุด 2 เท่า ทำให้สามารถรันโปรแกรมที่ต้องการพลังการประมวลผลทางกราฟิกสูงอย่างเช่นโปรแกรม AutoCAD 2011 ได้โดยไม่มีปัญหา

• Support for Larger Virtual Machines:
รองรับเวอร์ชวลแมชชีนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยสามารถรองรับเวอร์ชวลโปรเซสเซอร์ (Virtual Processor) ได้สูงถึง 8 ตัว และสามารถรองรับเวอร์ชวลดิสก์ (Virtual Disk) ได้สูงถึง 2 TB ทำให้เวอร์ชวลแมชชีนสามารถรองรับแอพพลิชันขั้นสูงในปัจจุบันได้อย่างไม่มีปัญหา

• Tighter Windows 7 Integration:
สามารถเปิดเวอร์ชวลแอพพลิเคชันได้จากทาสก์บาร์ของ Windows 7 ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนการรันแอพพลิเคชันปกติ และการสลับการทำงานระหว่างเดสก์ท็อปกับแอพพลิเคชันบนเวอร์ชวลแมชชีนเหมือนการสลับการทำงานระหว่างเดสก์ท็อปกับแอพพลิเคชันปกติ นั่นคือ ผู้ใช้สามารถย้ายการทำงานจากเดสก์ท็อปไปยังแอพพลิเคชันบนเวอร์ชวลแมชชีน (หรือกลับกัน) เหมือนกับการย้ายการทำงานจากเดสก์ท็อปไปยังแอพพลิเคชันปกติ (หรือกลับกัน) ได้โดยไม่ต้องกดปุ่มพิเศษใดๆ เพิ่มเติม

• Run More Operating Systems:
รองรับระบบปฏิบัติการ Linux เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งรวมถึง Ubuntu 8.04.4, Ubuntu 10.04, OpenSUSE 11.2, Red Hat Enterprise Linux 5.5, Fedora 12, Debian 5.0.4 และ Mandriva 2009.1

• Open Standards Support:
รองรับระบบมาตรฐานเปิด (Open Standard) ทำให้สามารถนำเข้า/ส่งออก (Import/Export) เวอร์ชวลแมชชีนในฟอร์แมต Open Virtualization Format (OVF 1.0) ได้ และยังสามารถโหลดเวอร์ชวลแมชชีนเข้าสู่ระบบ VMware vSphere ได้โดยตรงอีกด้วย

การปรับปรุงใน VMware Workstation 7.1.3
VMware Workstation 7.1.3 for Windows มีการปรับปรุงดังนี้
- When you install VMware Workstation on an operating system that uses a post-2.6.34 Linux kernel, the vmmon module fails to compile.
- The vmxnet and vsock guest modules fail to compile on operating systems that use post-2.6.32 Linux kernels.
- When you install VMware Tools on an operating system that uses a post-2.6.34 Linux kernel, the vsock.ko module fails to build.
- Unity mode does not work with an Ubuntu 10.10 64-bit guest operating system.
- An unrecoverable error occurs when you select the Novell NetWare, Sun Solaris, or Other guest operating system type in the New Virtual Machine wizard.
- When you run bulkDeploy.exe to deploy a Pocket ACE package into one or more locations, it crashes with the error SSL Wrapper: invoked uninitilized function AES_set_encrypt_key!.

ความต้องการระบบฮาร์ดแวร์
VMware Workstation 7.1.3 Build 282343 for Windows มีความต้องการระบบฮาร์ดแวร์ ดังนี้
• เครื่องคอมพิวเตอร์ตามมาตรฐาน x86-compatible หรือ x86-64-compatible
• ซีพียูที่มีความเร็ว 1.3MHz หรือสูงกว่า
Intel - Celeron, Pentium II, Pentium III, Pentium 4, Pentium M (รวมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Centrino mobile technology), Xeon (รวมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ “Prestonia”), Core และ Core 2 processors
AMD - Athlon, Athlon MP, Athlon XP, Athlon 64, Duron, Opteron, Turion 64 และ Sempron
• รองรับ Multiprocessor systems
• รองรับระบบปฏิบัติการเกสต์เวอร์ชัน 64 บิต นั้นจะรองรับเฉพาะระบบที่ใช้ซีพียูดังนี้
1. AMD Athlon 64 Revision D หรือใหม่กว่า AMD Opteron, AMD Turion 64 และ Sempron
2. Intel Pentium 4 และ Core 2 processors with EM64T และ Intel Virtualization Technology
• หน่วยความจำขั้นตำ 1 GB (แนะนำให้ใช้ 2 GB) และเวอร์ชวลแมชชีนแต่ละตัวจะรองรับหน่วยความจำได้สูงสุด 32GB
• ดิสเพลย์อะแด็ปเตอร์แบบ 16-bit หรือ 32-bit
• สำหรับการใช้งาน Windows 7 Aero Graphic Support มีความต้องการระบบดังนี้
ต้องการซีพียู
- Intel Dual Core 2.2 GHz
- AMD Athlon 4200+
ต้องการโฮสต์ GCPU
- nVidia GeForce 8800GT หรือสูงกว่า
- ATI Radeon HD 2600 หรือสูงกว่า
ต้องการหน่วยความจำ
โฮสต์ต้องมีหน่วยความจำอย่างต่ำ 3GB และเกสต์ต้องมีหน่วยความจำอย่างต่ำ 1GB และ 256MB สำหรับระบบกราฟิก

• ฮาร์ดดิสก์ มีความต้องการดังนี้
- รองรับฮาร์ดดิสก์แบบ IDE และ SCSI
- พื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์อย่างน้อย 200 MB สำหรับการติดตั้งบนระบบปฏิบัติการ Linux และ 1.5 GB สำหรับการติดตั้งบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์
- พื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์อย่างน้อย 1 GB สำหรับการติดตั้งระบบปฏิบัติการเกสต์แต่ละตัว
• ออปติคอลไดร์ฟ CD-ROM/DVD-ROM
- รองรับไดร์ฟแบบ IDE และ SCSI
- รองรับไดร์ฟ CD-ROM และ DVD-ROM drives are supported.
- รองรับไฟล์สก์อิมเมจแบบ ISO
• ไดร์ฟ Floppy

ระบบปฏิบัติการโฮตส์ (Host) และ เกสต์ (Guest) ที่รองรับ
ระบบปฏิบัติการโฮตส์ (Host) คือระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์จริง (Physical) ที่จะใช้ในการติดตั้งซอฟต์แวร์ VMware Workstation และระบบปฏิบัติการเกสต์ (Guest) คือระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนเครื่องเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ที่สร้างขึ้นโดยซอฟต์แวร์ VMware Workstation นั้นสามารถอ่านได้จากคู่มือซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ http://www.vmware.com/support/pubs/ws_pubs.html

หมายเหตุ:
การใช้ระบบปฏิบัติการเกสต์เวอร์ชัน 64 บิต นั้นจะรองรับเฉพาะระบบที่ใช้ซีพียูดังนี้
1. AMD Athlon 64 Revision D หรือใหม่กว่า AMD Opteron, AMD Turion 64 และ Sempron
2. Intel Pentium 4 และ Core 2 processors with EM64T และ Intel Virtualization Technology

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จากเว็บไซต์ VMware Workstation 7.1.3 Release Notes

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Friday, November 19, 2010

Adobe Reader X (10.x.x) Available for Download

ดาวน์โหลด Adobe Reader X (10.x.x) ได้แล้ว

Adobe ออก Adobe Reader X (10.1.3): (10 เม.ย. 55)
อะโดบีออกโปรแกรม Adobe Reader X (10.1.3) เพื่อแก้ปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงซึ่งพบในโปรแกรม Adobe Reader X (10.1.2) และเก่ากว่า, Adobe Acrobat X (10.1.2) เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows และ MAC OS ซึ่งแฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่ความปลอดภัยเหล่านี้เป็นช่องทางในการควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ โปรแกรมที่ได้รับผลกระทบมีดังนี้
  • โปรแกรม Adobe Reader X (10.1.2) และเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows และ MAC OS
  • โปรแกรม Adobe Reader 9.5 และเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows และ MAC OS
  • โปรแกรม Adobe Reader 9.4.6 และเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับ Linux
  • โปรแกรม Adobe Acrobat X (10.1.2) และเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows และ MAC OS
  • โปรแกรม Adobe Acrobat 9.5 และเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows และ MAC OS

Microsoft Office 2010 Service Pack 1 beta released to testers

ไมโครซอฟท์เปิดให้กลุ่มผู้ทดสอบดาวน์โหลด Microsoft Office 2010 Service Pack 1 Beta
ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2553 มีรายงานว่าไมโครซอฟท์เปิดให้กลุ่มผู้ทดสอบ (ที่ได้รับเลือกจากไมโครซอฟท์) ดาวน์โหลด Microsoft Office 2010 Service Pack 1 Beta ผ่านทาง Microsoft Connect ได้แล้ว โดย Office 2010 SP1 Beta ที่ไมโครซอฟท์เปิดให้กลุ่มผู้ทดสอบดาวน์โหลดในครั้งนี้มีหมายเลขเวอร์ชันเป็น 14.0.6011.1000 ทำการคอมไพล์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา 10.29 PM (รุ่น 32 บิท) และน่าจะมีในภาษาต่างๆ 5 ภาษาด้วยกันคือ German, Spanish, French, English และ Japanese

หมายเหตุ:  Office 2010 SP1 Beta ได้รั่วออกอินเทอร์เน็ตแล้ว โดยมีการให้ดาวน์โหลดในเว็บไซต์ที่ให้บริการแชร์ไฟล์และเว็บบิตทอร์เรนต์หลายแห่ง

จากข้อมูลเบื้องต้น Office 2010 SP1 นั้นจะเป็นการรวมแพตช์ (Patch) บั๊ก-ฟิกซ์ (bug-fixes) และอัปเดทต่างๆ ที่ออกหลังจาก Office 2010 RTM โดยที่ไม่มีการเพิ่มคูณสมบัติใหม่ใดๆ โดยเวอร์ชันภาษาอังกฤษรุ่น 32 บิทนั้นไฟล์ชื่อ officesuite2010sp1-kb2222233-x86-fullfile-en-us.exe มีขนาดประมาณ 294 MB ส่วนเวอร์ชันภาษาอังกฤษรุ่น 64 บิทนั้นไฟล์ชื่อ officesuite2010sp1-kb2222233-x64-fullfile-en-us.exe มีขนาดประมาณ 361 MB


ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ได้เปิดเผยว่า Office 2010 เป็นเวอร์ชันที่ขายดีที่สุดเมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า โดยสามารถขายได้มากกว่า 6 ล้านชุดนับตั้งแต่การออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนมิถุนายน 2553

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Thursday, November 18, 2010

Internet Explorer 9 Preview 7 Available for Download

ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Internet Explorer 9 Preview 7

ไมโครซอฟท์เปิดให้นักพัฒนาเว็บไซต์และผู้ที่ผู้สนใจดาวน์โหลด Internet Explorer 9 Preview 7 (IE9 Preview 7) แล้ว สำหรับใครที่สนใจทดสอบการทำงานสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download Internet Explorer 9 (IE9) Preview 7 ทั้งนี้ IE9 Preview 7 จะสามารถติดตั้งได้เฉพาะบน Windows Vista Service Pack 2 (SP2) และ Windows 7 เท่านั้น

หมายเหตุ: หรือสามารถดาวน์โหลด IE9 Preview 7 ได้จากเว็บไซต์ Microsoft Download Center ที่ยูอาร์แอล http://www.microsoft.com/downloads/en/details.aspx?FamilyID=99d0d387-7daa-460d-a943-5a14b3a30d22 (*ยูอาร์แอลนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงหากมีการออกเวอร์ชันใหม่)

มีอะไรใหม่ใน Internet Explorer 9 Preview 7
IE9 Preview 7 มีหมายเลขเวอร์ชันเป็น 1.9.8023.6000 มีการปรับปรุงการทำงานของจาวาสคริปต์เอนจิน (JavaScript Engine) ให้ทำงานกับรูปแบบต่างๆ ของเว็บไซต์ในโลกแห่งความจริงได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเมื่อทำการทดสอบคุณสมบัติใหม่เช่น Shakespeare's Tag Cloud, Galactic หรือ HTML5 Sudoku (เกมส์พัซเซิ่ล) บนเว็บไซต์ IETestDrive.com

IE9 Preview 7 สามารถรองรับ ECMAScript5 ซึ่งเป็นลักษระการทำงานที่มีการใช้งานสคริปต์อย่างหนัก IE9 สามารถแสดงผลข้อความขนาดใหญ่และสร้างแท็กคลาวด์ (Tag cloud) ได้เร็วขึ้น ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่าง ECMAScript5 กับ HTML5 Canvas ทำให้สามารถแก้ปัญหา HTML5 Sudoku (เกมส์พัซเซิ่ล) ได้เร็วกว่าบราวเซอร์ตัวอื่นๆ เมื่อรันบนเว็บไซต์เดียวกัน

สำหรับ Galactic นั้นจะทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างจาวาสคริปต์และการเร่งการทำงานฮาร์ดแวร์ของกราฟิก (Hardware accelerated graphics) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ในการนำเสนอการแสดงผลแบบ 3D ที่สามารถโต้ตอบได้ โดยอัตราเฟรมเรทของ IE9 นั้นดีกว่าบราวเซอร์ตัวอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน

หมายเหตุ: สามารถทดสอบการทำงานของ IE9 Preview 7 ในด้าน Performance, HTML5 Demos, Graphics Demos และ Browser Demos ได้จากเว็บไซต์ IETestDrive.com

ผลการทดสอบ Internet Explorer 9 Preview 7 ด้วย WebKit SunSpider
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้ทำการทดสอบ IE9 Preview 7 ด้วย WebKit SunSpider 0.9.1 ผลปรากฏว่า IE9 Preview 7 สามารถทำเวลาได้เฉลี่ย 216 ms ซึ่งดีกว่า IE8 มากกว่า 17 เท่า โดยผลการทดสอบทั้งหมดมีดังนี้
• IE8 ทำเวลาเฉลี่ย 3746 ms
• Firefox 3.6.12 ทำเวลาเฉลี่ย 753 ms
• Safari 5.0.2 ทำเวลาเฉลี่ย 328 ms
• Firefox 4.0 Pre-Release Beta 7 ทำเวลาเฉลี่ย 277 ms
• Chrome 7.0 ทำเวลาเฉลี่ย 262 ms
• Opera 10.63 ทำเวลาเฉลี่ย 246 ms
• Opera 11 Alpha ทำเวลาเฉลี่ย 242 ms
• Chrome 8.0 Beta ทำเวลาเฉลี่ย 233 ms
• IE9 Platform Preview 7 ทำเวลาเฉลี่ย 216 ms

หมายเหตุ: ค่าเวลาเฉลี่ยน้อยกว่าจะดีกว่า

WebKit SunSpider Test (Credit:Microsoft)

รายละเอียดเพิ่มเติม
IE9 Preview 7 มีความรายละเอียดทางเทคนิคและความต้องการระบบ ดังนี้
Quick Details
File Name: iepreview.msi
Version: 1.9.8023.6000
Date Published: 11/17/2010
Language: English
Download Size: 16.3 MB

System Requirements
• รองรับระบบปฏิบัติการ: Windows 7, Windows Vista SP2
• จะต้องติดตั้ง Windows Internet Explorer 8 และ DirectX 2D ก่อนทำการติดตั้ง Internet Explorer 9 Platform Preview

หมายเหตุ: โปรแกรม IE9 Preview 7 นั้นเป็นเพียงเฟรมของ IE9 ซึ่งนำเสนอความสามารถบางส่วนที่จะมีอยู่ในโปรแกรม IE9 เวอร์ชันเต็ม โดยที่บางคุณสมบัติอาจจะยังพัฒนาไม่สมบูรณ์และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
IE Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Wednesday, November 17, 2010

Adobe fixes 2 holes in Acrobat and Reader 9.4 and earlier

Adobe ออก Acrobat และ Adobe Reader 9.4.1 เพื่อแก้ 2 ปัญหาความปลอดภัยร้ายแรง

สืบเนื่องจากการพบช่องโหว่ความปลอดภัย (Vulnerability) ร้ายแรงระดับวิกฤติ (Critical) ซึ่งมีผลกระทบกับ โปรแกรม Acrobat 9.4 และเก่ากว่าเวอร์ชันสำหรับระบบ Windows และ Macintosh และ Adobe Reader 9.4 และเก่ากว่าเวอร์ชันสำหรับระบบ Windows, Macintosh และ UNIX ตามรายละเอียดในบทความเรื่อง Adobe เตือนให้ระวังแฮกเกอร์โจมตีผ่านทางช่องโหว่ความปลอดภัยของ Acrobat และ Adobe Reader 9.4 และเก่ากว่า ที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้า ล่าสุด (วันที่ 17 พฤศจิกายน 2553 ตามเวลาในประเทศไทย) Adobe ได้ออกโปรแกรม Acrobat 9.4.1 และ Adobe Reader 9.4.1 เพื่อแก้ปัญหาความปลอดภัยดังกล่าวนี้แล้ว

อนึ่ง เนื่องจากปัญหาความปลอดภัยในทั้งสองโปรแกรมที่ได้รับการแก้ไขในครั้งนี้มีความร้ายแรงระดับวิกฤติ และยังมีรายงานว่ามีการโจมตีผู้ใช้บนระบบ Windows ผ่านทางช่องโหว่ความปลอดภัยดังกล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยให้ผู้ใช้โปรแกรม Acrobat 9.4 หรือ Adobe Reader 9.4 และเก่ากว่าทำการอัพเดทในทันทีที่ทำได้

หมายเหตุ: ปัญหาที่พบในครั้งนี้ไม้มีผลกระทบกับ Adobe Reader เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Android

วิธีการอัปเดท Adobe Reader และ Acrobat
วิธีการอัปเดทโปรแกรม Acrobat หรือ Adobe Reader เวอร์ชัน 9.4 และเก่ากว่า เป็นเวอร์ชัน 9.4.1 ทำได้โดยเปิดโปรแกรม Adobe Reader หรือ Adobe Acrobat จากนั้นคลิกที่เมนู Help แล้วคลิก Check for updates จากนั้นดำเนินการตามคำสั่งบนจอภาพจนแล้วเสร็จ

การติดตั้ง Adobe Reader และ Acrobat ใหม่
สำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้ง Acrobat หรือ Adobe Reader ใหม่ สามารถทำการดาวน์โหลดมาทำการติดตั้งด้วยตนเองจากเว็บไซต์ดังต่อไปนี้

Adobe Reader 9.4 for Windows
• สำหรับการติดตั้ง Adobe Reader ใหม่ สามารถดาวน์โหลด Adobe Reader 9.4 ได้จากเว็บไซต์ Adobe Reader Download (ขนาดไฟล์โดยประมาณ 38.41MB) หรือดาวน์โหลดโดยตรงได้จากเว็บไซต์ Download Adobe Reader 9.4 for Windows ทั้งนี้ หลังจากติดตั้งเสร็จแล้วให้ทำการอัปเดทเป็นเวอร์ชัน 9.4.1

Acrobat Standard and Pro for Windows
• ผู้ที่ใช้ Acrobat Standard 9.3.4 หรือ Professional 9.3.4 สามารถอัปเดทเป็นเวอร์ชัน 9.4 โดยดาวน์โหลดอัปเดทได้จากเว็บไซต์ Download Acrobat for Windows หรือดาวน์โหลดโดยตรงจากเว็บไซต์ Download Adobe Acrobat 9.4 Professional and Standard Update (ขนาดไฟล์โดยประมาณ 91.69MB) ทั้งนี้ หลังจากติดตั้งเสร็จแล้วให้ทำการอัปเดทเป็นเวอร์ชัน 9.4.1

สำหรับการอัปเดทด้วยตนเองสามารถดาวน์โหลดตัวอัปเดทเป็นเวอร์ชัน 9.4.1 ได้จากเว็บไซต์ดังนี้
Adobe Reader 9.4.1 for Windows
• สามารถดาวน์โหลด Adobe Reader 9.4.1 ได้จากเว็บไซต์ Download Adobe Reader 9.4.1 for Windows (ขนาดไฟล์โดยประมาณ 3.24MB)

Acrobat Standard and Pro for Windows
• สามารถดาวน์โหลดอัปเดทได้จากเว็บไซต์ Download Acrobat for Windows (ขนาดไฟล์โดยประมาณ 3.25MB)

สำหรับผู้ใช้ Adobe Reader หรือ Acrobat บนระบบปฏิบัติการอื่นๆ ให้อ่านรายละเอียดการดาวน์โหลดอัปเดทจากเว็บไซต์ใน แหล่งข้อมูลอ้างอิง

หมายเหตุ: วิธีการตรวจสอบเวอร์ชันทำได้โดยคลิกเมนู Help แล้วคลิก About Adobe Reader [เวอร์ชัน]

ปัญหาที่ได้รับการแก้ไข
ปัญหาความปลอดภัยที่ได้รับการแก้ไขใน Acrobat 9.4.1 และ Adobe Reader 9.4.1 มีจำนวน 2 ปัญหา ตามหมายเลข CVE ดังนี้
• CVE-2010-3654 Resolve a memory corruption vulnerability that could lead to code execution.
หมายเหตุ: ปัญหานี้ไม่มีผลกระทบกับ Adobe Reader 8.x หรือ Acrobat 8.x

• CVE-2010-4091 Resolve a memory corruption vulnerability that could potentially lead to code execution (Adobe Reader only).
หมายเหตุ: ปัญหานี้ไม่มีผลกระทบกับ Acrobat สำหรับอัปเดทของ Adobe Reader 8.x นั้นจะออกในรีลีสถัดไป

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Adobe

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Tuesday, November 16, 2010

How to remove Microsoft Security Essentials Alert rogue

วิธีการลบโปรแกรมป้องกันไวรัสปลอม Microsoft Security Essentials Alert
Microsoft Security Essentials Alert เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสปลอมที่เลียนแบบ Microsoft Security Essentials (MSE) ซึ่งเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสของไมโครซอฟท์ โดยนอกจากจะใช้ชื่อที่ใกล้เคียงกันอย่างมากแล้ว Microsoft Security Essentials Alert ยังทำการลอกเลียนรายละเอียดต่างๆ รวมถึงระบบอินเทอร์เฟช ทั้งนี้เพื่อให้ดูเหมือนกับ MSE มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ที่ไม่สังเกตอาจเข้าใจผิดว่าเป็น MSE  โดยโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวนี้จะถูกตรวจพบในชื่อ FakePAV

ในกรณีที่ผู้ใช้ทำการติดตั้ง Microsoft Security Essentials Alert (ซึ่งเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสปลอม) ลงเครื่องคอมพิวเตอร์เนื่องจากหลงเชื่อหรือเข้าใจผิด จากนั้นมันจะทำการหลอกให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าคอมพิวเตอร์ติดไวรัสโดยการแจ้งเตือนด้วยข้อความหลอกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ติดโทรจัน Win32/Trojan พร้อมทั้งแนะนำให้ซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มันอ้างว่าสามารถกำจัดโทรจัน Win32/Trojan ได้ โดยโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มันแนะนำให้ซื้อเป็นตัวใดตัวหนึ่งใน 5 ตัว เหล่านี้ Red Cross Antivirus, Peak Protection 2010, Pest Detector 4.1, Major Defense Kit และ AntiSpySafeguard or AntiSpy Safeguard

สำหรับวิธีการลบโปรแกรมป้องกันไวรัสปลอม Microsoft Security Essentials Alert นั้นทำได้โดยใช้เครื่องมือ Malicious Software Removal Tool (MSRT) 3.13 ซึ่งสามารถทำการดาวน์โหลดได้ฟรีจาก Download Malicious software removal tool v3.13 x32 สำหรับเวอร์ชัน 32 บิท และจาก Download Malicious software removal tool v3.13 x64 สำหรับเวอร์ชัน 64 บิท โดย MSRT นั้นสามารถทำงานได้บน Windows 2000, Windows XP, Windows Server 2003, Windows Vista และ Windows 7

ทั้งนี้ ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ออก MSE เวอร์ชันที่ได้รับการอัปเดท Antimalware Engine เป็นเวอร์ชันใหม่คือ 1.1.640x.0 (เวอร์ชันก่อนคือ 1.1.630x.0) ซึ่งการอัปเดทครั้งนี้เป็นไปตามแผนการอัปเดทเทคโนโลยีการป้องกันมัลแวร์ตามปกติ โดยจะมีผลกับโปรแกรม Microsoft Security Essentials (MSE) และ Forefront Client Security (FCS) โดยสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ Download Microsoft Security Essentials

หมายเหตุ: สำหรับผู้ที่ใช้ Microsoft Security Essentials อยู่แล้วโปรแกรมจะทำการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันใหม่โดยอัตโนมัติพร้อมกับการอัปเดทไวรัสเดฟินิชัน

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Monday, November 15, 2010

Windows 7 Service Pack 1 Blocker Tool Kit

Service Pack Blocker Tool Kit เครื่องมือป้องกันไม่ให้ Windows 7 ติดตั้ง Service Pack 1 โดยอัตมัติ
ไมโครซอฟท์ออกเครื่องมือ Service Pack Blocker Tool Kit เพื่อให้องค์กรที่ยังไม่ต้องการติดตั้ง Services Pack 1 (SP1) ในทันทีที่ไมโครซอฟท์ออก SP1 General Availability (GA) ใช้ป้องกันการติดตั้ง SP1 โดยอัตมัติผ่านทาง Windows Update

โดยเครื่องมือ Service Pack Blocker Tool Kit นั้นสามารถทำการบล็อกไม่ให้ Windows Update ของ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 ทำการติดตั้ง SP1 โดยอัตมัติได้เป็นระยะเวลา 12 เดือน นับจากวันที่ไมโครซอฟท์ออก SP1 GA ซึ่งเป็นเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

รายละเอียด
เครื่องมือ Service Pack Blocker Tool Kit จะมี 3 องค์ประกอบ คือ ไฟล์คำสั่งที่สามารถรันได้ (Microsoft-signed executable), ไฟล์สคริปต์ (Script) และไฟล์เทมเเพลต ADM (ADM template) โดยทั้ง 3 องค์ประกอบมีฟังก์ชันหลักเพื่อเซ็ตหรือเคลียร์ค่ารีจีสทรี่ย์คีย์ที่ใช้ในการตรวจสอบและดาวน์โหลด Service Packs ของ Windows Update ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่งที่มีความเหมาะสมกับโครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดการคอมพิวเตอร์ (Computer Management Infrastructure) ขององค์กรมากที่สุด

ไฟล์คำสั่งที่สามารถรันได้
ไฟล์คำสั่งที่สามารถรันได้นั้นจะทำการสร้างรีจีสทรี่ย์คีย์ HKLM\Software\Policies\Microsoft\Windows\WindowsUpdate บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำการรันโปรแกรมเพื่อบล็อคหรือยกเลิกการบล็อคการติดตั้ง Service Packs (ขึ้นอยู่กับลักษณะการรันคำสั่ง) โดยอัตโนมัติผ่านทาง Windows Update โดยมี 2 อ็อปชัน ดังนี้
1. ทำการรันไฟล์คำสั่งด้วยอ็อปชัน /B จะเป็นการสร้างค่ารีจีสทรี่ "DoNotAllowSP" พร้อมกับกำหนดค่าเป็น 1 เพื่อบล็อคการติดตั้ง Service Packs โดยอัตโนมัติผ่านทาง Windows Update
2. ทำการรันไฟล์คำสั่งด้วยอ็อปชัน /U ถ้ามีค่ารีจีสทรี่ "DoNotAllowSP" อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะทำการลบออก ในกรณีที่ไม่มีค่ารีจีสทรี่จะไม่มีการกระทำใดๆ

สคริปต์
สคริปต์นั้นจะทำงานแบบเดียวกันกับไฟล์คำสั่งที่สามารถรันได้แต่ผู้ใช้สามารถทำการเพื่อบล็อคหรือยกเลิกการบล็อค Service Pack ในแบบรีโมทผ่านทางระบบเครือข่ายได้

หมายเหตุ: ทั้งไฟล์คำสั่งที่สามารถรันได้และสคริปต์นั้นได้ทดสอบการทำงานแบบคอมมานด์ไลน์เท่านั้น และไม่สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือจัดการระบบหรือกลไกการทำงานแบบรีโมทอื่นๆ ได้

ไฟล์เทมเเพลต ADM
ไฟล์เทมเเพลต ADM เป็นไฟล์สำหรับผู้ดูแลระบบใช้นำเข้าสู่การตั้งค่านโยบายกลุ่ม (Group Policy) เพื่อบล็อคหรือยกเลิกการบล็อค Service Packs ในสภาพแวดล้อมแบบนโยบายกลุ่ม (ต้องมี Active Directory หรือ AD) โดยผู้ดูแลระบบสามารถใช้นโยบายกลุ่มเพื่อควบคุมทั้งระบบได้จากจุดศูนย์กลาง

ข้อควรทราบ: เครื่องมือ Service Pack Blocker Tool Kit นั้นสามารถใช้ป้องกันได้เฉพาะการติดตั้ง Service Pack ผ่านทาง Windows Update เท่านั้น โดยที่ไม่สามารถป้องกันการติดตั้ง Service Pack จากซีดี ดีวีดี หรือจากแพ็กเกจการติดตั้งแบบสแตนด์อะโลนอื่นๆ ได้

ดาวน์โหลด Service Pack Blocker Tool Kit
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดเครื่องมือตัวนี้ได้ที่ Service Pack Blocker Tool Kit

ความต้องการระบบ
Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

How to create a new Group Policy Object in Windows Server 2008 R2 Active Directory

วิธีการสร้าง Group Policy Object (GPO) ใน Windows Server 2008 R2 Active Directory
วันนี้มีวิธีการสร้าง Group Policy Object (GPO) สำหรับใช้ในการบริการจัดการ Windows Server 2008 R2 Active Directory (AD) มาฝากครับ

แนะนำ Group Policy Object (GPO)
Group Policy Object (GPO) คือ ชุดของอ็อปเจ็กต์ (Object) ต่างๆ ที่สามารถใช้เพื่อกำหนดนโยบายเพื่อใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์และผู้ใช้ ในสภาพแวดล้อมแบบ AD นั้น GPO จะถูกเก็บอยู่ฐานข้อมูลขอล AD และสามารถนำไปบังคับใช้กับแม่ข่ายคอมพิวเตอร์ ลูกข่ายคอมพิวเตอร์ และผู้ใช้ที่อยู่ในไซต์ (Site), โดเมน (Domain) และออร์แกไนเซชันยูนิต (Organizational Unit หรือ OU)

สำหรับ Policy คือ นโยบายที่กำหนดโดยผู้ดูแลระบบ (Administrator) เพื่อใช้ควบคุมการทำงานของแม่ข่ายคอมพิวเตอร์ ลูกข่ายคอมพิวเตอร์ และผู้ใช้ ส่วน Group Policy คือ กลุ่มของนโยบายต่างๆ ที่ใช้เพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์และผู้ใช้

หมายเหตุ: บทความนี้ดำเนินการบนระบบ Windows Server 2008 R2 Active Directory Domain Services (ADDS) อย่างไรก็ตามสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งบน Windows Server 2008 ADDS และ Windows Server 2003 ADDS ได้เช่นเดียวกัน

1. คลิก Start คลิก Administrator Tools แล้วคลิก Group Policy Management
2. ในหน้าต่าง Group Policy Management ให้คลิกเครื่องหมาย + หน้า Forest แล้วคลิกเครื่องหมาย + หน้า Domains จากนั้นให้คลิกขวาบน OU ที่ต้องการแล้วเลือก Create a GPO in this domain, and Link it here


3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ New GPO ให้ใส่ชื่อในช่องใต้ Name ส่วนในช่อง Source Start GPO เสร็จแล้วคลิก OK

ผลการทำงาน
GPO ที่ทำการสร้างขึ้นใหม่นั้นจะเป็นเพียงกรอบนโยบายว่างโดยที่ยังไม่มีบังคับหรือการกำหนดค่าใดๆ และจะถูกเก็บอยู่ในโฟลเดอร์ Group Policy Objects ดังนั้นก่อนนำไปใช้งานจะต้องการกำหนดค่านโยบายที่ต้องการก่อน โดยการคลิกขวา Group Policy ที่ต้องการแล้วเลือก Edit จากนั้นเลือกกำหนดค่าตามความต้องการ


Tips:
ในการแก้ไขค่า GPO การเปลี่ยนแปลงใดๆ จะถูกบันทึกค่า (Save) โดยอัตโนมัติทันทีที่ทำการปิดสแนป-อิน (Snap-in) ดังนั้นให้ตรวจสอบการตั้งค่าต่างๆ ให้ถูกต้องก่อนปิดสแนป-อิน สำหรับวิธีการอัปเดทนโยบายในฝั่งเครื่องไคลเอ็นต์นั้น สามารถรันคำสั่ง gpupdate /force ที่คอมมานด์พร็อมท์

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Saturday, November 13, 2010

Download Microsoft Security Essentials 2.0.522.0 Beta

ไมโครซอฟท์เปิดให้ทดสอบ Microsoft Security Essentials 2.0.522.0 Beta
อัพเดท : 20 ธ.ค. 53 - ไมโครซอฟท์ออก Microsoft Security Essentials (MSE) 2.0 RTM ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์แล้ว อ่านรายละเอียด

ไมโครซอฟท์ได้อัปเดทโปรแกรม Microsoft Security Essentials (MSE) Beta เป็นเวอร์ชัน 2.0.522.0 พร้อมกับเปิดให้ผู้ที่สนใจดาวน์โหลดได้แล้ว โดย MSE นั้นเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสและแอนตี้สปายแวร์ของไมโครซอฟท์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ Windows ของแท้ (Genuine) ได้ใช้งานได้ฟรี ในเวอร์ชันเบต้าตัวใหม่นี้มีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ที่สำคัญจำนวน 2 ตัว ได้แก่
• การตรวจสอบไวรัสตามพฤติกรรมของไฟล์ (Behavior based file detection.)
• อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถจำกัดการใช้ซ๊พียูในการสแกนไวรัสได้ (Allows users to limit CPU usage while scanning.)

ทั้งนี้ คุณสมบัติใหม่ทั้ง 2 ตัวจะไม่ทำงานโดยดีฟอลท์นั้นคือผู้ใช้จะต้องทำการเปิดใช้งานผ่านทาง MSE Settings ด้วยตนเอง

สำหรับใครที่สนใจสามารถดาวน์โหลด MSE 2.0.522.0 Beta ผ่านทางเว็บไซต์ Microsoft Connect

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์มีแผนที่จะทำการอัปเกรด Antimalware Engine ของ MSE 1.0.2498.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสถียรตัวปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน 1.1.640X.0 (ในขณะที่เวอร์ชันปัจจุบันคือ 1.1.630X.0) ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2553 ที่จะถึงนี้ ซึ่งการอัปเดทครั้งนี้เป็นไปตามแผนการอัปเดทเทคโนโลยีการป้องกันมัลแวร์ตามปกติและจะมีผลกับโปรแกรม Microsoft Security Essentials (MSE) และ Forefront Client Security (FCS)

สำหรับการดาวน์โหลด MSE 1.0.2498.0 คลิกที่นี้

หมายเหตุ: ในการติดตั้ง MSE 2.0.522.0 Beta นั้นจะมีการตรวจสอบว่า Windows ที่ใช้เป็นของแท้ (Genuine) หรือไม่ ในกรณีที่ไม่ใช่ Windows ของแท้ MSE 2.0.522.0 Beta จะทำการทำการรีเซ็ต Windows เป็นเวอร์ชันทดลองใช้ (30-day timebomb) ซึ่งทำให้ต้องทำการแอคติเวตภายใน 30 วัน

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Friday, November 12, 2010

How to extend Microsoft Office 2010 activation grace period

การขยายเวลาแอคติเวต Microsoft Office 2010 เวอร์ชันทดลองใช้
สำหรับโปรแกรม Microsoft Office 2010 Trial ที่ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลดไปทดลองใช้งานนั้นจะสามารถใช้ได้เพียง 30 วันนับจากวันที่ทำการติดตั้ง แต่เราสามารถทำการขยายเวลาทดลองใช้งานออกไปได้โดยใช้คำสั่ง ospprearm.exe ซึ่งมีให้มาพร้อมชุดติดตั้ง โดยคำสั่งนี้จะเก็บอยู่ที่ %installdir%\%Program Files%\Common Files\Microsoft Shared\OfficeSoftwareProtectionPlatform เมื่อ %installdir% เป็นไดรฟ์ที่โปรแกรม Office 2010 ติดตั้งอยู่ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นไดรฟ์ "C:" โดยที่วิธีการนี้จะขยายเวลาทดลองใช้งานได้ครั้งละ 30 วัน และสามารถทำได้ 5 ครั้งนั้นคือจะทำให้ทดลองใช้งาน Office 2010 ได้นานถึง 180 วัน

หมายเหตุ: การสาธิตนี้ใช้โปรแกรม Microsoft Office Home and Business 2010 (Trial) ซึ่งติดตั้งบน Windows 7 Ultimate Edition

สำหรับวิธีการขยายเวลา Office 2010 นั้น ขั้นตอนแรกให้คลิก Start แล้วพิมพ์ cmd ในช่อง Search programs and files จากนั้นคลิกขวาบน cmd ที่แสดงในรายการภายใต้หัวข้อ Programs แล้วคลิก "Run as administrator" ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ User Account Control (UAC) ให้คลิก Continue


2. ในหน้าต่างคอมมานด์พร็อมท์ให้เปลี่ยนการทำงานไปยังไดเรกตอรี่ที่โปรแกรม Office 2010 ติดตั้งอยู่  แล้วทำการรันคำสั่ง ospprearm.exe ซึ่งหลังจากการทำงานแล้วเสร็จ โปรแกรมต่างๆ ใน  Office 2010 ก็จะถูกขยายเวลาออกไปเป็นเวลา 30 วัน


ผลที่ได้จากการรันคำสั่ง ospprearm.exe
ภาพด้านล่างจะเป็นผลโดยภาพที่ได้เมื่อทำการเปิดโปรแกรม Microsoft Word 2010 ที่หมดอายุทดลองใช้งานแล้ว


หลังจากทำการรันคำสั่ง ospprearm.exe เมื่อทำการเปิด Microsoft Word 2010 ก็จะได้ภาพลักษณะด้านล่างซึ่งจะสามารถใช้งานได้ต่อไปอีก 30 วัน


บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
TechSpot

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Firefox 4.0 Beta 7 adds new JavaScript power and faster graphics

Firefox 4.0 Beta 7 เร็วกว่า Firefox 3.6.12 ถึง 3-5 เท่า
ใน Firefox 4.0 Beta 7 ซึ่งเป็นเวอร์ชันเบต้าตัวล่าสุดของ Firefx 4.0 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการเพิ่มจาวาสคริปต์คอมไพเลอร์ตัวใหม่ที่ชื่อ JägerMonkey just-in-time (JIT) JavaScript ซึ่งมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงส่งผลให้การทำงานของโปรแกรมโดยรวมเร็วขึ้นมาก

โดยจาวาสคริปต์เอนจินเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อความสำเร็จของโปรแกรมเว็บบราวเซอร์สมัยใหม่ ซึ่งใน Firefox 4.0 Beta 7 นั้นจาวาสคริปต์ได้รับการปรับปรุงให้ทำงานร่วมกับ Hardware Acceleration ได้ดีขึ้น ทำให้สามารถดึงพลังประมวลผลจากกราฟิกการ์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้มากขึ้น (ทั้งนี้กราฟิกการ์ดต้องรองรับด้วย) ส่งผลให้การแสดงผลหน้าเว็บเร็วขึ้น ทั้งนี้ Firefox 4.0 Beta 7 สามารถทำงานร่วมกับ Hardware Acceleration บน Windows XP ได้ดีกว่าเว็บบราวเซอร์ตัวอื่นๆ รวมถึงการทำงานบน Mac OS X นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการประมวลผลแบบ 3D โดยไม่ต้องใช้ปลั๊ก-อินเพิ่มเติมอีกด้วย

สำหรับคอมไพเลอร์ JägerMonkey JIT JavaScript ใน Firefox 4.0 Beta 7 นั้นสามารถทำงานร่วมกับจาวาสคริปต์เอนจิน SpiderMonkey ได้เป็นอย่างดี ทำให้ความเร็วในการเปิดโปรแกรม ความเร็วการโหลดหน้าเว็บ และการใช้งานเว็บที่มีการประมวลผลจาวาสคริปต์หนักๆ เช่น การรันแอพและการเล่นเกม เพิ่มขึ้นจนสามารถรู้สึกได้ ซึ่งจากผลการทดสอบด้วย Kraken และ Sunspider JavaScript นั้น Firefox 4.0 Beta 7 สามารถทำงานได้เร็วกว่า Firefox 3.6.12 ถึง 3 เท่าในทั้ง 2 การทดสอบ ส่วนผลการทดสอบ V8 benchmark นั้น Firefox 4.0 Beta 7 สามารถทำงานได้เร็วกว่า Firefox 3.6.12 ถึง 5 เท่าด้วยกัน

ผลการทดสอบ Kraken (ค่าต่ำกว่า-ดีกว่า)
Firefox 4.0 Beta 7 = 7,686
Firefox 3.6.12 = 26,849

ผลการทดสอบ Sunspider JavaScript (ค่าต่ำกว่า-ดีกว่า)
Firefox 4.0 Beta 7 = 290
Firefox 3.6.12 = 853

การทดสอบ V8 benchmark (ค่าสูงกว่า-ดีกว่า)
Firefox 4.0 Beta 7 = 2,830
Firefox 3.6.12 = 540

(Credit: Mozilla, Inc.)

อนึ่ง David Mandelin ซึ่งเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer) ของ Mozilla กล่าวว่าใน Firefox 4.0 Final ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์นั้นจะมีความเร็วในการทำงานเพิ่มจากเวอร์ชัน Beta 7 อีกเล็กน้อย

Firefox 4.0 Beta 7

สำหรับรายละเอียดการดาวน์โหลด Firefox 4.0 Beta 7 สามารถอ่านได้จาก Mozilla เปิดให้ดาวน์โหลด Firefox 4.0 Beta 7 แล้ว

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Mozilla Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Thursday, November 11, 2010

How to enable full-session HTTPS for Hotmail

วิธีการใช้งาน Hotmail ในแบบ HTTPS encryption
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้เปิดให้ผู้ใช้ Hotmail ใช้งานแบบ HTTPS encryption ซึ่งจะเป็นการเข้ารหัสทราฟิกทั้งหมดที่รับ-ส่งระหว่าง Hotmail กับเว็บบราวเซอร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ด้วยโปรโตคอล Secure Sockets Layer หรือ SSL ได้แล้ว ซึ่งการเข้ารหัสทราฟิกนี้จะช่วยยกระดับความปลอดภัยและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้

สำหรับวิธีการใช้งาน Hotmail แบบ HTTPS encryption นั้นทำได้ 2 แบบด้วยกัน คือ แบบชั่วคราวและแบบถาวร โดยการใช้งาน HTTPS encryption แบบชั่วคราวทำได้โดยการไซน์อินเข้าที่เว็บไซต์ https://hotmail.com ส่วนวิธีการเปิดใช้งาน HTTPS encryption แบบถาวรทำได้โดยทำการไซน์อินเข้า Hotmail.com ตามปกติจากนั้นดำเนินการตามวิธีการใดวิธีการหนึ่งดังนี้

• วิธีที่ 1 - ในหน้า Windows Live Home ให้คลิกเม้าส์บนชื่อแอคเคาท์แล้วเลือก Account


จากนั้นในหน้า Account Overview ให้คลิก Connect with HTTPs ซึ่งอยู่ในหัวข้อ Other options


• วิธีที่ 2 - เปิดไปที่เว็บไซต์ https://account.live.com/ManageSSL

เมื่อทำวิธีการที่ 1 หรือ 2 แล้วในหน้า Connect with HTTPs ให้เลือกอ็อปชัน Use HTTPS automatically (please see the note above) เสร็จแล้วคลิก Save


หลังจากทำการตั้งค่าตามวิธีการที่อธิบายด้านบนเสร็จเรียบร้อย จะทำให้การรับส่งข้อมูลบนเว็บไซต์ Hotmail ถูกเข้ารหัสด้วยโปรโตคอล SSL ตลอดเวลา ทำให้ผู้ใช้มีความปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Windows Team Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Firefox 4.0 Beta 7 Officially Released for Download

Mozilla เปิดให้ดาวน์โหลด Firefox 4.0 Beta 7 แล้ว
หลังจากล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมเกือบ 2 เดือนในที่สุด Mozilla ก็เปิดให้ดาวน์โหลด Firefox 4.0 Beta 7 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2553 (ตรงกับวันที่ 11 พ.ย. 53 ตามเวลาในประเทศไทย) โดยในเวอร์ชัน Beta 7 นี้ได้รับการปรับปรุงการงานหลายอย่างด้วยกัน เช่น ใช้จาวาสคริปต์เอนจินตัวใหม่ที่ชื่อ JägerMonkey และ WebGL จะทำงานโดยดีฟอลท์บน Windows และ Mac OS เป็นต้น ท่านใดสนใจทดลองใช้งานสามารถดาวน์โหลดได้ตามรายละเอียดด้านล่างครับ

นอกจากนี้ Mozilla ยังมีกำหนดการออก Firefox 4.0 Beta 8 และ Firefox 4.0 Beta 9 ในวันที่ 12 และ 26 พฤศจิกายน 2553 30 พฤศจิกายน 2553 และ 16 ธันวาคม 2553 ตามลำดับ ส่วน Firefox 4.0 RC1 นั้นมีกำหนดออกในเดือนมกราคม 2554 ในขณะที่การออกเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์ (Final) ของ Firefox 4.0 นั้นยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนแต่คาดกันว่าจะออกได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2554

การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 4.0 Beta 7
สามารถดาวน์โหลด Mozilla Firefox 4.0 Beta 7 ได้จากเว็บไซต์ Firefox 4.0 Beta 7 หรือ คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด Firefox 4.0 Beta 7 for Windows (Win32) โดยไฟล์มีขนาดประมาณ 8MB

Firefox 4.0 Beta 7

การปรับปรุงใหม่ใน Mozilla Firefox 4.0 Beta 7
ใน Mozilla Firefox 4.0 Beta 7 มีการปรับปรุงในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
- Uses JägerMonkey, a new, faster JavaScript engine
- WebGL is enabled by default on Windows and Mac OS X. WebGL support requires an OpenGL-capable graphics card. Support for other graphics cards on Windows (specifically Intel GPUs) and Linux will be coming in a future beta
- Certain rendering operations are now hardware-accelerated using Direct3D 9 on Windows XP, Direct3D 10 on Windows Vista and 7, and OpenGL on Mac OS X
- Improved web typography using OpenType with support for ligatures, kerning and font variants
- HTML5 Forms API makes web based forms easier to implement and validate

แนะนำ Firefox 4.0
Mozilla Firefox 4.0 นั้นมีการทำงานอยู่บนพื้นฐาน Gecko 2.0 Web platform ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง และระบบกราฟิกยูสเซอร์อินเทอร์เฟช (Graphical User Interface) นั้นได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด รายละเอียดดังนี้
• New Tab Location
โดยตำแหน่งของแท็บจะถูกย้ายไปอยู่ด้านบนช่องแอดเดรสบาร์ (Awesome Bar)
• Switch to Tab
สามารถทำการสลับระหว่างแต่ละแท็บได้ง่ายๆ ด้วยจากช่องแอดเดรสบาร์ (Awesome Bar)
• Firefox Button
เมนูทุกรายการจะอยู่ภายในปุ่มเดียวเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงและสะดวกในการใช้งาน
• App Tabs
สามารถแยกเว็บไซต์ที่ใช้งานเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์อีเมล ออกจากแท็บอื่นๆ และตั้งให้เป็นโฮม (Home) เพื่อให้โหลดเว็บไซต์พร้อมกับการเปิด Firefox

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่อีกหลายตัว อย่างเช่น New Add-Ons Manager, WebM and HD Video, Protecting Your Privacy, Retained layers และ XPCOM เป็นต้น

ความต้องการระบบ
Mozilla Firefox 4.0 สามารถทำงานได้บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันต่างๆ ดังนี้
• Windows 2000
• Windows XP (32 บิต และ 64 บิต)
• Windows Server 2003
• Windows Vista (32 บิต และ 64 บิต)
• Windows 7 (32 บิต และ 64 บิต)
• ฮาร์ดแวร์
- Pentium 233 MHz (Recommended: Pentium 500 MHz or greater)
- 64 MB RAM (Recommended: 128 MB RAM or greater)
- 52 MB hard drive space

หมายเหตุ: เนื่องจาก Mozilla Firefox 4.0 Beta 7 ยังไม่ใช่เวอร์ชันที่เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ทดสอบเท่านั้น

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Mozilla Firefox 4.0 Beta 7 Release Notes

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Wednesday, November 10, 2010

Microsoft Patch Tuesday November 2010 - Fixed 11 holes in Office and Unified Access Gateway

ไมโครซอฟท์ออกแพตช์ประจำเดือนพฤศจิกายนจำนวน 3 ตัว เพื่อแก้ 11 ช่องโหว่ความปลอดภัยใน Microsoft Office และ Unified Access Gateway

หลังจากต้องเจองานหนักในการอัปเดทระบบติดกันถึงสามเดือน ในเดือนนี้ถือว่าเป็นงานค่อนข้างเบาของแอดมินที่ต้องรับผิดชอบการอัปเดทระบบ Windows เมื่อไมโครซอฟท์ออกแพตช์ (Patch) ของเดือนพฤศจิกายนเพียง 3 ตัว เพื่อแก้ 11 ปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัยในชุดซอฟต์แวร์ Microsoft Office และ Unified Access Gateway (UAG) โดยที่มีแพตช์ที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤติ (Critical) จำนวน 1 ตัว และแพตช์ที่เหลืออีก 2 ตัวที่มีความร้ายแรงระดับสูง (Important) ตามรายละเอียดด้านล่าง

Executive Summariess
วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2553 (ตรงกับวันพุธที่ 10 พฤศจิกายน 2553 ตามเวลาในประเทศไทย) ไมโครซอฟท์ได้ออก "Microsoft Security Update for November 2010" หรือที่เรียกกันในเหล่าแอดมินว่า "Patch Tuesday" จำนวน 3 ตัว เป็นแพตช์ของระบบ Microsoft Office และ Unified Access Gateway (UAG) รายละเอียดดังต่อไปนี้
• เป็นแพตช์สำหรับแก้ช่องโหว่ความปลอดภัยของระบบ Microsoft Office จำนวน 2 ตัว โดยมีแพตช์ที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤติจำนวน 1 ตัว และมีแพตช์ที่มีความร้ายแรงระดับสูงจำนวน 1 ตัว
• เป็นแพตช์สำหรับแก้ช่องโหว่ความปลอดภัยของระบบ Unified Access Gateway (UAG) จำนวน 1 ตัว เป็นแพตช์ที่มีความร้ายแรงระดับสูง

แพตช์สำหรับแก้ปัญหาความปลอดภัยที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤติ (Critical)
แพตช์สำหรับแก้ปัญหาความปลอดภัยที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤติมีจำนวน 1 ตัว เป็นแพตช์สำหรับแก้ช่องโหว่ความปลอดภัยของ Microsoft Office มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
MS10-087 - Vulnerabilities in Microsoft Office Could Allow Remote Code Execution (2423930)
Update Link: http://www.microsoft.com/technet/security/Bulletin/MS10-087.mspx
Impact: Remote Code Execution
Affected Software:
- Microsoft Office XP Service Pack 3
- Microsoft Office 2003 Service Pack 3
- Microsoft Office 2007 Service Pack 2
- Microsoft Office 2010 (32-bit editions)
- Microsoft Office 2010 (64-bit editions)
- Microsoft Office for Mac 2011

แพตช์สำหรับแก้ปัญหาความปลอดภัยที่มีความร้ายแรงสูง (Important)
แพตช์สำหรับแก้ปัญหาความปลอดภัยที่มีความร้ายแรงสูงมีจำนวน 2 ตัว เป็นแพตช์สำหรับแก้ช่องโหว่ความปลอดภัยของ Microsoft Office และ Unified Access Gateway (UAG) อย่างละ 1 ตัว รายละเอียดดังนี้
MS10-088 - Vulnerabilities in Microsoft PowerPoint Could Allow Remote Code Execution (2293386)
Update Link: http://www.microsoft.com/technet/security/Bulletin/MS10-088.mspx
Impact: Remote Code Execution
Affected Software:
- Microsoft PowerPoint 2002 Service Pack 3
- Microsoft PowerPoint 2003 Service Pack 3
- Microsoft PowerPoint Viewer Service Pack 2

MS10-089 - Vulnerabilities in Forefront Unified Access Gateway (UAG) Could Allow Elevation of Privilege (2316074)
Update Link: http://www.microsoft.com/technet/security/Bulletin/MS10-089.mspx
Impact: Elevation of Privilege
Affected Software:
- Forefront Unified Access Gateway 2010
- Forefront Unified Access Gateway 2010 Update 1
- Forefront Unified Access Gateway 2010 Update 2

การออกอัพเดทและการอัพเดทระบบ
ผู้ที่ใช้วินโดวส์และซอฟต์แวร์เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบสามารถทำการอัปเดทได้จากเว็บไซต์ Microsoft Update ผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือทำการอัพเดทผ่านทางเซิร์ฟเวอร์ WSUS สำหรับผู้ใช้แบบองค์กรที่มีการติดตั้งระบบ Windows Server Update Services ได้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2553 เป็นต้นไป

Deployment Priority (Credit: Microsoft)

ความเห็นของผู้เขียน
ถึงแม้ว่าในเดือนนี้จะไม่มีแพตช์ของ Windows หรือ Internet Explorer ให้ต้องทำการติดตั้ง แต่แพตช์สำหรับโปรแกรม Microsoft Office นั้นก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะ MS10-087 ซึ่งแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤติ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยขอให้ท่านที่เป็นแอดมินทั้งหลายทำการอัปเดทแพตซ์ให้เรียบร้อยนะครับ

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Technet Blog
Microsoft Security Center
Microsoft Security Bulletin Summary for November 2010

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.