Pages - Menu

Pages - Menu

Pages

Sunday, October 31, 2010

Windows 7 Application Compatibility List for IT Professionals (October 26, 2010)

รายชื่อแอพพลิเคชันที่ผ่านการทดสอบการทำงานบน Windows 7 (อัปเดท 26 ต.ค. 53)
ไมโครซอฟท์ออก "Windows 7 Application Compatibility List for IT Professionals" เวอร์ชันอัพเดทใหม่ล่าสุด พร้อมเปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยไฟล์ Windows 7 Application Compatibility List นั้นจะอยู่ในฟอร์แมตไมโครซอฟท์เอ็กเซล (.xls) มีขนาดประมาณ 3.1 MB ซึ่งจะบรรจุข้อมูลรายชื่อโปรแกรมแอพพลิเคชันต่างๆ ที่ได้ผ่านการทดสอบจากไมโครซอฟท์แล้วว่า สามารถรองรับการทำงานบน Windows 7 ได้อย่างไม่มีปัญหา

สำหรับวัตถุประสงค์ในการออก Windows 7 Application Compatibility List ก็เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ทางด้านไอทีใช้เป็นข้อมูลประกอบในการเลือกซื้อโปรแกรมแอพพลิเคชัน โดยการตรวจสอบจากรายชื่อผู้เผยแพร่ซอฟต์แวร์ (Software Publisher) หรือจากโลโก้ Windows 7 Logo ซึ่งจะปรากฏอยู่บนบรรจุภัณฑ์ของโปรแกรมนั้นๆ


อนึ่ง นอกจากแสดงรายชื่อโปรแกรมแอพพลิเคชันที่สามารถรองรับการทำงานบน Windows 7 ได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว ลิตส์ดังกล่าวนี้ยังแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานะของโปรแกรมแอพพลิเคชันดังนี้ Compatible, Free Update Required, Paid Update Required, Future Compatibility และ Not Compatible

โดย Windows 7 Application Compatibility List เวอร์ชันอัปเดท 26 ต.ค. 53 นี้ มีโปรแกรมแอพพลิเคชันที่เข้ารับทำการทดสอบจากไมโครซอฟท์จำนวนทั้งหมด 19,551 โปรแกรม รายละเอียดดังนี้
• Compatible 12,296 โปรแกรม
• Compatible - Windows 7 Logo 6,122 โปรแกรม
• Free update required 60 โปรแกรม
• Paid update required 194 โปรแกรม
• Future compatibility 181 โปรแกรม
• Not compatible 581 โปรแกรม
• No Information available 117 โปรแกรม

อย่างไรก็ตาม จำนวนโปรแกรมแอพพลิเคชันที่ 19,551 โปรแกรมนั้น ยังห่างไกลจากที่ไมโครซอฟท์ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะมีโปรแกรมแอพพลิเคชันที่จะสามารถทำงานร่วมกับ Windows 7 อย่างไม่มีปัญหาไม่น้อยกว่า 800,000 โปรแกรม

การดาวน์โหลด
สำหรับใครที่สนใจสามารถการดาวน์โหลดไฟล์ลิตส์ดังกล่าวนี้ได้ที่เว็บไซต์ Windows 7 Application Compatibility List for IT Professionals

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Saturday, October 30, 2010

Adobe Releases Security Advisory for Adobe Reader and Acrobat 9.4 and Flash Player 10.1.85.3

Adobe เตือนให้ระวังการโจมตีผ่านช่องโหว่ความปลอดภัยของ Adobe Reader และ Acrobat 9.4 และ Flash Player 10.1.85.3

วันที่ 29 ตุลาคม 2553 (ตามเวลาในประเทศไทย) ที่ผ่านมา Adobe ได้ประกาศ Security Advisory for Adobe Reader and Acrobat เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้โปรแกรม Adobe Reader และ Acrobat 9.4 ทราบว่ามีการค้นพบช่องโหว่ความปลอดภัย (Vulnerability) ร้ายแรงระดับวิกฤติในไฟล์ authplay.dll ซึ่งทำหน้าที่เรนเดอร์เนื้อหาที่เป็น Flash ในเอกสาร PDF และมีช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงระดับวิกฤติในโปรแกรม Flash Player พร้อมทั้งเตือนผู้ใช้โปรแกรม Adobe Reader และ Acrobat ให้ระวังการโจมตีจากมัลแวร์และแฮกเกอร์ เนื่องจากปัจจุบัน Adobe ได้รับรายงานการโจมตีผู้ใช้วินโดวส์ผ่านทางช่องโหว่ความปลอดภัยของโปรแกรมทั้ง 2 ตัวแล้ว สำหรับโปรแกรม Flash Player นั้นยังไม่มีการรายงานเกี่ยวกับการโจมตี

สำหรับผลกระทบของช่องโหว่ความปลอดภัยที่ค้นพบใน 3 โปรแกรมครั้งนี้คือ แฮกเกอร์สามารถใช้เป็นช่องทางในการโจมตีระบบได้ ในกรณีการโจมตีประสบความสำเร็จแฮกเกอร์ก็จะสามารถเข้าควบคุมระบบได้ในทันที และที่สำคัญเป็นช่องโหว่ความปลอดภัยแบบ Zero-day เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีแพตซ์ (Patch) สำหรับใช้แก้ไข

ซอฟต์แวร์ที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับซอฟต์แวร์ที่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบในครั้งนี้ ได้แก่
- โปรแกรม Adobe Flash Player 10.1.85.3 หรือเก่ากว่าเวอร์ชันสำหรับระบบ Windows, Macintosh, Linux และ Solaris
- โปรแกรม Adobe Flash Player 10.1.95.2 สำหรับ Android
- โปรแกรม Adobe Reader 9.4 และ 9.x หรือเวอร์ชันเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับระบบ Windows, Macintosh และ UNIX
- โปรแกรม Acrobat 9.4 และ 9.x หรือเวอร์ชันเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับระบบ Windows และ Macintosh

หมายเหตุ: สำหรับโปรแกรม Adobe Reader และ Acrobat 8.x นั้นไม่มีช่องโหว่ความปลอดภัยตามที่ได้อธิบายด้านบน ส่วนโปรแกรม Adobe Reader เวอร์ชันสำหรับ Android นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความปลอดภัยดังกล่าวนี้

หมายเลขอ้างอิง
ช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบในโปรแกรม Adobe Reader, Acrobat และ Flash Player ครั้งนี้ มีหมายเลขอ้างอิงดังนี้
• Vulnerability identifier: APSA10-05
• CVE number: CVE-2010-3654

กำหนดวันออกแพตซ์
Adobe ได้กำหนดวันออกแพตซ์ (Patch) เพื่อแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยใน Flash Player ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2553 และกำหนดวันออกแพตซ์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยใน Reader 9.4 และ Acrobat ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2553

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Adobe

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Friday, October 29, 2010

Internet Explorer 9 Preview 6 Available for Download

ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Internet Explorer 9 Preview 6

ไมโครซอฟท์เปิดให้ผู้สนใจดาวน์โหลด Internet Explorer 9 Preview 6 (IE9 Preview 6) แล้ว สำหรับใครที่ต้องการทดสอบการทำงานสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download Internet Explorer 9 (IE9) Preview 6 ทั้งนี้ IE9 Preview 6 จะสามารถติดตั้งได้เฉพาะบน Windows Vista Service Pack 2 (SP2) และ Windows 7 เท่านั้น

หมายเหตุ: หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ Microsoft Download Center ที่ยูอาร์แอล http://www.microsoft.com/downloads/en/details.aspx?FamilyID=5187c0dc-2d67-466f-9611-5f2e5a499dea (*ยูอาร์แอลนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงหากมีการออกเวอร์ชันใหม่)

อนึ่ง ไมโครซอฟท์ได้เปิดเผยผ่านทาง IE Blog ว่าปัจจุบันจำนวนการดาวน์โหลด Internet Explorer 9 Beta (IE9 Beta) นั้นมีมากกว่า 10 ล้านครั้ง และจำนวนการดาวน์โหลด IE9 Preview ทั้ง 5 ตัวที่ผ่านมานั้นมีจำนวนมากกว่า 2.5 ล้านครั้ง

มีอะไรใหม่ใน Internet Explorer 9 Preview 6
Internet Explorer 9 Preview 6 นั้นมีหมายเลขเวอร์ชันเป็น 1.9.8006.6000 และมีการเพิ่มคุณสมบัติหลักตัวใหม่ของ HTML5 จำนวน 2 ตัวรวมถึงการแก้ไขข้อผิดพลาด (Bug) ต่างๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มเติมจาก Platform Preview 5 และ Internet Explorer 9 Beta

สำหรับ คุณสมบัติหลักตัวใหม่ของ HTML5 ที่เพิ่มขึ้นได้แก่คุณสมบัติ CSS3 2D Transforms ซึ่งทำหน้าที่ในการแปล (translate), หมุน (rotate) และสเกลวัตถุในระบบ 2 มิติ และคุณสมบัติ HTML5 Semantic Elements เป็นวัตถุประเภท HTMLElement ซึ่งทำหน้าที่สร้าง default styling  นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงคุณสมบัติสำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์ด้วยการบิลด์-อินการจัดฟอร์แมต JavaScript เข้าอยู่ใน F12 ซึ่งช่วยเปลี่ยนโค้ด minified ที่ไม่สามารถอ่านได้ให้เป็นโค้ด JavaScript ในฟอร์แมตที่สามารถอ่านเข้าใจได้ซึ่งช่วยให้การดีบั๊กทำได้ง่ายขึ้น

WebKit SunSpider Test (Credit:Microsoft)

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังเปิดให้ทดสอบการทำงานของ IE9 Preview 6 ผ่านทางเว็บไซต์ IETestDrive.com ใน 3 ด้านด้วยกันคือ Performance, HTML5 Demos, Graphics Demos และ Browser Demos

รายละเอียดเพิ่มเติม
IE9 Preview 6 มีความรายละเอียดทางเทคนิคและความต้องการระบบ ดังนี้
Quick Details
File Name: iepreview.msi
Version: 1.9.8006.6000
Date Published: 10/28/2010
Language: English
Download Size: 16.7 MB

System Requirements
• รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows 7, Windows Vista SP2
• จะต้องติดตั้ง Windows Internet Explorer 8 และ DirectX 2D ก่อนทำการติดตั้ง Internet Explorer 9 Platform Preview.

หมายเหตุ: โปรแกรม IE9 Preview 6 นั้นเป็นเพียงเฟรมของ IE9 ซึ่งนำเสนอความสามารถบางส่วนที่จะมีอยู่ในโปรแกรม IE9 เวอร์ชันเต็ม โดยที่บางคุณสมบัติอาจจะยังพัฒนาไม่สมบูรณ์และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
IE Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Thursday, October 28, 2010

Install Windows 7 Service Pack 1 Release Candidate (RC)

การติดตั้ง Windows 7 Service Pack 1 Release Candidate (RC)
เอนทรี่นี้จะเป็นการสาธิตวิธีการติดตั้ง Service Pack 1 Release Candidate X86 (ไฟล์ชื่อ windows6.1-KB976932-X86.exe) บนเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows 7 Ultimate เวอร์ชัน 32-บิท โดยการติดตั้งมีขั้นตอนดังนี้

หมายเหตุ: สามารถอ่านวิธีการดาวน์โหลดได้จาก ดาวน์โหลด Windows 7 SP1 RC และในกรณีที่มี Windows 7 SP1 Beta ติดตั้งอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องทำการถอนการติดตั้งออกก่อจึงจะสามารถติดตั้ง Windows 7 SP1 RC ได้

1. ดับเบิลคลิกไฟล์ windows6.1-KB976932-X86.exe จากนั้นในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ User Account Control (UAC) ให้คลิก Yes
2. ในหน้า Install Windows 7 Service Pack 1 ดังรูปที่ 1 ด้านล่างให้คลิก Next

รูปที่ 1. Install Windows 7 Service Pack 1

3. ในหน้า Please read the license terms ดังรูปที่ 2 ด้านล่างให้คลิกเลือกเช็คบ็อกซ์ I accept the license terms เสร็จแล้วให้คลิก Next

รูปที่ 2. License Terms

4. ในหน้า Install Windows 7 Service Pack 1 ดังรูปที่ 3 ด้านล่างให้คลิกเลือกเช็คบ็อกซ์ Automatic restart the computer เพื่อทำการรีสตาร์ทเครื่องโดยอัตโนมัติหลังจากทำการติดตั้งเสร็จเรียบร้อย จากนั้นคลิก Install

รูปที่ 3. Install Windows 7 Service Pack 1

5. ในหน้า Installing Windows 7 Service Pack 1 ดังรูปที่ 4 รอจนการติดตั้ง SP1 RC แล้วเสร็จ ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายนาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสเปคของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการติดตั้ง

รูปที่ 4. Installing Windows 7 Service Pack 1

6. หลังจากทำการติดตั้ง SP1 RC แล้วเสร็จ เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ (ตามที่ได้เลือกอ็อปชันในขั้นตอนที่ 4) หลังจากเครื่องคอมพิวเตอร์รีสตาร์ทเสร็จจะแสดงหน้า Windows 7 Service Pack 1 is now installed ดังรูปที่ 5 ให้คลิก Close เพื่อจบการติดตั้ง

รูปที่ 5. Windows 7 Service Pack 1 is now installed

ผลการติดตั้ง Windows 7 Service Pack 1 (SP1) RC
หลังจากทำการติดตั้ง Windows 7 SP1 RC แล้วเสร็จ หมายเลขเวอร์ชันของ Windows 7 Ultimate จะเปลี่ยนเป็น Version 6.1 (Build 7601: Service Pack 1, v.721) ดังรูปที่ 6

รูปที่ 6. About Windows 7 Service Pack 1 RC

หมายเหตุ: ในกรณีต้องการทดลองติดตั้ง Windows 7 SP1 RC แนะนำให้ดำเนินการบนเครื่องคอมพิวเตอร์ทดสอบเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Windows 7 SP1 Release Candidate (RC) Available for Download
Download Windows 7 SP1 Release Candidate (RC) - Step by Step

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Mozilla Firefox 3.6.12 fixes a critical security issue that could potentially allow remote attack

Mozilla Firefox 3.6.12 แก้ปัญหาความปลอดภัยร้ายแรงที่ใช้โจมตีระบบจากระยะไกลได้
Mozilla ออก Firefox 3.6.12 เป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหา Heap buffer overflow ซึ่งมีความร้ายแรงระดับวิกฤติ (Critical Security Issue) ซึ่งผู้ไม่ประสงค์ดีอาจใช้เป็นช่องทางในการโจมตีระบบจากระยะไกลได้ โดยปัญหาดังกล่าวนี้ที่พบใน Firefox 3.6.x, Firefox 3.5.x, Thunderbird 3.1.x, Thunderbird 3.0.x และ SeaMonkey 2.0.x

สำหรับ Mozilla Firefox 3.6.12 นี้ออกในวันที่ 27 ตุลาคม 2553 (ตรงกับวันที่ 28 ตุลาคม ตามเวลาในประเทศไทย) ซึ่งออกหลังจากเวอร์ชัน 3.6.11 เพียง 8 วันเท่านั้น และเนื่องจากปัญหาความปลอดภัยที่ได้รับการแก้ไขในครั้งนี้มีความร้ายแรงสูง ดังนั้น เพื่อให้การท่องอินเทอร์เน็ตเป็นไปด้วยความปลอดภัยขอแนะนำให้ผูใช้ Firefox 3.6.11 หรือเวอร์ชันเก่ากว่าให้ทำการอัปเดทในทันทีที่ทำได้ครับ

การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 3.6.12
โปรแกรมติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.12 เวอร์ชันสำหรับ Windows นั้นมีขนาดประมาณ 8MB สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ดังนี้
Download Mozilla Firefox 3.6.12
Download Mozilla Firefox 3.6.12 for Windows

Mozilla Firefox 3.6.12

Mozilla Firefox 3.6.12 New Features
Firefox 3.6.12 เป็นเวอร์ชันที่ออกเพื่อแก้ปัญหาความปลอดภัยซึ่งมีความร้ายแรงระดับวิกิฤติมีหมายเลขอ้างอิง CVE-2010-3765 ซึ่งสามารถใช้เป็นช่องทางในการโจมตีระบบแบบ "Remote code execution" ได้จำนวน 1 ตัว
• MFSA 2010-73 Heap buffer overflow mixing document.write and DOM insertion [Critical]

ความต้องการระบบของ Firefox 3.6.x
ความต้องการระบบของ Firefox 3.6.x บนระบบปฏิบัติการ Windows มีดังนี้
Operating Systems
• Windows 2000
• Windows XP
• Windows Server 2003
• Windows Vista
• Windows 7

Minimum Hardware
• ใช้ซีพียูขั้นต่ำ Pentium 233 MHz (แนะนำ: Pentium 500MHz หรือสูงกว่า)
• เมมโมรี 64 MB RAM (แนะนำ: 128 MB RAM หรือมากกว่า)
• พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ 52 MB

การติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.12
วิธีการติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.12 นั้น แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ตามรายละเอียดดังนี้
แบบที่ 1 สำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว
การอัพเดทจาก Firefox เวอร์ชันก่อนที่ติดตั้งอยู่แล้ว ถ้าหากตั้งค่า Advanced>Update>Automatically check for update to: Firefox เมื่อทำการเปิดใช้งาน Firefox และมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต Firefox ก็จะทำการตรวจสอบการอัพเดทโดยอัตโนมัติ (สามารถสั่งให้ Firefox ทำการตรวจสอบการอัพเดทแบบแมนนวล โดยการคลิกที่เมนู Help แล้วคลิก Check for Updates)

แบบที่ 2 สำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์
การติดตั้ง Firefox 3.6.12 ใหม่ สำหรับผู้ใช้วินโดวส์ที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้ดาวน์โหลด Firefox เวอร์ชันสำหรับวินโดวส์จากเว็บไซต์ในหัวข้อ การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 3.6.12 ด้านบนแล้วทำการติดตั้งแบบแมนนวล สำหรับขั้นตอนและวิธีการติดตั้งสามารถอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ How to install Mozilla Firefox 3.6

การถอนการติดตั้ง Firefox 3.6.12
การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.12 สามารถทำได้จาก Add or Remove Programs ใน Control Panel โดยการยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.x นั้น โปรแกรมจะไม่ทำการลบข้อมูลต่างๆ คือ Bookmarks, Web Browsing History และ Extensions หรือ Add-ons ต่างๆ ให้อัตโนมัติ ดังนั้นผู้ใช้ต้องทำการลบด้วยตนเอง ตามตำแหน่งดังนี้

Windows Vista = Users\[username]\AppData\Roaming\Mozilla\Firefox
Windows 2000, XP, 2003 = Documents and Settings\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Windows NT = WINNT\Profiles\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Mac OS X = ~/Library/Application Support/Firefox
Linux and Unix systems = ~/.mozilla/firefox

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Firefox 3.6.12 Release Notes

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Wednesday, October 27, 2010

Download Windows Server 2008 R2 and Windows 7 Service Pack 1 Release Candidate (RC) - Step by Step

วิธีการดาวน์โหลด Windows Server 2008 R2 และ Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Release Candidate
บทความนี้จะสาธิตวิธีการดาวน์โหลด Windows Server 2008 R2 และ Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Release Candidate (RC) ซึ่งไมโครซอฟท์ได้เปิดให้ดาวน์โหลดไปเมื่อวานนี้ ซึ่งการดาวน์โหลดนั้นมี 2 แบบ คือ แบบ Register for the Download ซึ่งต้องทำการไซน์อินด้วย Windows Live ID (ซึ่งประกอบด้วย MSN Hotmail, MSN Messenger, Passport account หรือบริการอื่นๆ ของไมโครซอฟท์) และแบบ Download without Registering ทั้งนี้ จะต้องทำการตรวจสอบวินโดวส์ที่ใช้ว่าเป็นของแท้ (Validation Required) หรือไม่ก่อนจึงจะอนุญาตให้ดาวน์โหลด

หมายเหตุ: การดาวน์โหลดแบบ Register for the Download นั้นผู้ดาวน์โหลดจะได้รับอีเมลจากไมโครซอฟท์เพื่อเข้าถึงแหล่งข้อมูลสำหรับใช้เป็นแนวทางในการทดสอบ

แบบ Register for the Download
1. เปิดไปยังเว็บไซต์ Download Windows 7 and Windows Server 2008 R2 Service Pack 1 (SP1) Beta แล้วดำเนินการตามข้อใดข้อหนึ่งดังนี้

แบบ Register for the Download
คลิกปุ่ม Get Started Now ในหัวข้อ Register for Download and Guided Evaluation แล้วทำการไซน์อิน (Sign In) ด้วย Windows Live ID ซึ่งประกอบด้วย MSN Hotmail, MSN Messenger, Passport account หรือบริการอื่นๆ ของไมโครซอฟท์เพื่อเข้าสู่ระบบการดาวน์โหลด  จากนั้นในหน้าเว็บที่ถามว่า What occupation best describes you? ให้เลือกค่าเป็น IT Manager (หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสม) เสร็จแล้วคลิก Continue


แบบ Download without Registering
คลิกปุ่ม Get Started Now ในหัวข้อ Download without Registering - No Guided Experience


2. ในหน้า Windows 7 and Windows Server 2008 R2 Service Pack 1 Release Candidate (KB976932) ให้คลิก Continue


3. หลังจากทำการตรวจสอบเสร็จแล้ว ในหน้าถัดไปให้คลิกปุ่ม Download Now ด้านขวามือของไฟล์ดาวน์โหลดที่ต้องการแล้วรอจนการดาวน์โหลดแล้วเสร็จ โดยการดาวน์โหลดนั้นมี 5 ไฟล์ ดังนี้
- ไฟล์ 7601.17105.100929-1730-3_Update_Sp_Wave1-RC1SP1.1_DVD.iso - เป็นไฟล์ ISO ซึ่งจะรวม SP1 RC ทั้งรุ่น 32 บิท และ 64 บิท
- ไฟล์ windows6.1-KB976932-X64.exe - เป็นไฟล์ SP1 RC รุ่น 64 บิท
- ไฟล์ windows6.1-KB976932-X86.exe - เป็นไฟล์ SP1 RC รุ่น 32 บิท
- ไฟล์ WUSignUpTool_x64.exe - 397KB - เป็นไฟล์สำหรับใช้ติดตั้ง SP1 RC รุ่น 64 บิท ผ่านทาง Windows Update
- ไฟล์ WUSignUpTool_x86.exe - 402KB - เป็นไฟล์สำหรับใช้ติดตั้ง SP1 RC รุ่น 32 บิท ผ่านทาง Windows Update


ข้อควรทราบ:
Windows Server 2008 R2 และ Windows 7 Service Pack 1 RC จะหมดอายุในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 โดยจะเริ่มแจ้งเตือนในวันที่ 30 สิงหาคม 2554

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
TechNet Evaluation Center

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Windows Server 2008 R2 and Windows 7 Service Pack 1 Release Candidate Available for Download

ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Windows Server 2008 R2 และ Windows 7 Service Pack 1 Release Candidate (RC)

วันนี้ (27 ตุลาคม 2553 ) ไมโครซอฟท์ได้เปิดให้ผู้สนใจดาวน์โหลด Windows Server 2008 R2 และ Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Release Candidate (RC) แล้ว การออก SP1 RC ในครั้งนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ SP1 Final ซึ่งเป็นเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์นั้นจะออกได้ตามแผนที่ไมโครซอฟท์ประกาศไว้ว่า Windows 7 Service Pack 1 Final ออกต้นปี 2554 อย่างแน่นอน

หมายเหตุ: การออกเวอร์ชัน Release Candidate (RC) นั้นเป็นหลักไมล์สำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์เนื่องจากเป็นเวอร์ชันทดสอบตัวสุดท้ายก่อนการออกเวอร์ชัน Release to Manufacturing (RTM) ตัวเสร็จสมบูรณ์

สำหรับ Windows 7 SP1 นั้นจะเป็นเพียงการรวมฟิกซ์ (Fixes) ต่างๆ ที่ออกหลังจาก Windows 7 RTM เท่านั้นโดยไม่มีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ใดๆ ส่วน Windows Server 2008 R2 SP1 นั้นจะมีคุณสมบัติใหม่ 2 ตัว ด้วยกันคือ Dynamic Memory และ Remote FX

สำหรับ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 SP1 Release Candidate ที่ให้ดาวน์โหลดในครั้งนี้มี 5 ภาษา ได้แก่ English, French, German, Japanese และ Spanish สำหรับท่านที่สนใจทดสอบการทำงานสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download Windows 7 and Windows Server 2008 R2 Service Pack 1 (SP1) Release Candidate จากนั้นเลือกดาวน์โหลดแบบ Register for the Download (ต้องทำการไซน์อินด้วย Windows Live ID และผู้ดาวน์โหลดจะได้รับอีเมลจากไมโครซอฟท์เพื่อเข้าถึงแหล่งข้อมูลสำหรับใช้เป็นแนวทางในการทดสอบ) หรือดาวน์โหลดแบบ Download without Registering - No Guided Experience (Validation Required) แล้วดำเนินการตามคำสั่งบนจอภาพจนแล้วเสร็จ

รายละเอียดของ Windows 7 & Windows Server 2008 R2 SP1 RC
7601.17105.100929-1730-3_Update_Sp_Wave1-RC1SP1.1_DVD.iso - 1875.2MB
windows6.1-KB976932-X64.exe - 865.4MB
windows6.1-KB976932-X86.exe - 514.7MB
WUSignUpTool_x64.exe - 397KB
WUSignUpTool_x86.exe - 402KB

Version: 976932
Date Published: 10/26/2010


สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและผลการติดตั้งนั้นจะนำมาโพสต์ในภายหลังครับ

บทความโดย: Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Windows Team Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Tuesday, October 26, 2010

Firefox 4.0 Delayed

Firefox 4.0 เวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์อาจจะออกไม่ทันในปีนี้
ผมรอทดสอบ Firefox 4.0 Beta 7 มาเดือนกว่าแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว ซึ่งตามแผนนั้น Mozilla กำหนดการออก Firefox 4.0 เวอร์ชัน Beta 7 ในวันที่ 17 กันยายน 2553 ที่ผ่านมา แต่ถึงวันนี้ (26 ต.ค. 53) ซึ่งล่าช้ากว่าแผนมากกว่า 1 เดือนก็ยังไม่มีการออกเวอร์ชันเบต้า 7 แต่อย่างใด ซึ่งการล่าช้าของเวอร์ชันเบต้า 7 ส่งผลให้การออกเวอร์ชัน Beta 8 ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ล่าช้าตามไปด้วย นอกจากนี้เวอร์ชัน Firefox 4.0 Release Candidate 1 (RC1) ซึ่งมีกำหนดออกในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้อาจจะออกไม่ได้ตามแผน เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียง 6 วันเท่านั้นจะถึงวันสิ้นเดือน


สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาความล่าช้านั้นเกิดจากปัญหาที่พบในการพัฒนา โดยข้อมูลใน Mozilla wiki นั้นระบุว่ายังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขจำนวน 17 บล็อค ก่อนการออกเวอร์ชัน Beta 7 และมีปัญหาที่ต้องแก้ไขจำนวน 510 บล็อคก่อนการออกเวอร์ชัน RC สำหรับใน Firefox 4.0 Final นั้นยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขจำนวน 901 บล็อคด้วยกัน ซึ่งจากการที่เกิดความล่าช้าในการออกเวอร์ชันเบต้า 7 และ 8 (และอาจรวมถึงเวอร์ชัน RC1) ทำให้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่ Firefox 4.0 เวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์นั้นจะออกล่าช้ากว่าที่ Mozilla ได้วางแผนไว้นั้นคือ Firefox 4.0 อาจจะออกไม่ทันในปีนี้


ทั้งนี้ ปัจจุบันการดาวน์โหลด Firefox 4.0 หยุดอยู่ที่ Firefox 4.0 Beta 6 ซึ่งออกตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2533 ที่ผ่านมา

สำหรับ Firefox เวอร์ชันเสถียรในปัจจุบันคือ Mozilla Firefox 3.6.12 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ออกมาเพื่อแก้ 9 ปัญหาความปลอดภัยโดยที่มี 5 ปัญหาที่ร้ายแรงระดับวิกฤติ ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ออกมาเพื่อแก้ ปัญหา Heap buffer overflow ซึ่งมีความร้ายแรงระดับวิกฤติ อนึ่ง Mozilla มีแผนที่จะออกเวอร์ชัน 3.5.16 และ 3.6.13 ซึ่งเป็น Maintenance Release ของเวอร์ชัน 3.5 และ 3.6 ตามลำดับในช่วงต้นเดือนธันวาคมศกนี้

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Firefox/4/Beta
Mozilla wiki

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Monday, October 25, 2010

VLC Media Player 1.1.0 now works with iPad, iPhone 4, iPhone 3GS, and new-generation iPod touches

VLC Media Player 1.1.0 รองรับ iPad, iPhone 4, iPhone 3GS และ iPod touches รุ่นใหม่แล้ว
VLC Media Player เป็นโปรแกรมเล่นไฟล์มัลติมีเดียอเนกประสงค์แบบโอเพนซอร์ส (Open Source) ซึ่งได้รับความนิยมสูงในกลุ่มผู้ใช้วินโดวส์ เนื่องจากโปรแกรมมีระบบถอดรหัสในตัว (built-in codecs) เป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถรองรับการเล่นไฟล์วิดีโอได้หลากหลายฟอร์แมต ทำให้ได้รัยการจัดเป็นโปรแกรมที่คนชอบดูหนังฟังเพลงควรมีไว้บนเครื่องคอมพิวเตอร์

ทั้งนี้ ด้วยความที่ได้รับความนิยมสูงทำให้การพอร์ท (Port) โปรแกรม VLC Media Player ไปเป็นเวอร์ชันสำหรับ iOS ของ Apple แต่ว่าในเวอร์ชันต้นฉบับนั้นจะสามารถรองรับเฉพาะการใช้งานบน iPad เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ชื่อ Applidium ได้ทำการพัฒนา VLC Media Player 1.1.0 ซึ่งสามารถใช้งานได้บน iPad, iPhone 4, iPhone 3GS และรวมถึง iPod touches เจนเนอร์เรชันใหม่ล่าสุดอีกด้วย

โดยใน VLC Media Player 1.1.0 นี้มีการปรับปรุงการทำงานดังนี้ามรายละเอียดด้านล่าง
- สามารถรันได้บน iPad, iPhone 4, iPhone 3GS และบน iPod touches เจนเนอร์เรชันใหม่ล่าสุด
- สามารถทำการลบไฟล์จากแอพพลิเคชันโดยไม่ต้องทำงานผ่านทางโปรแกรม iTunes
- มีส่วนขยายให้เลือกใช้งานมากขึ้น
- มีการปรับโค้ดแอสแซมบลี้ใหม่ทำให้การถอดรหัสทำงานได้เร็วขึ้น

การดาวน์โหลด VLC Media Player 1.1.0 for iOS
การดาวน์โหลด VLC Media Player 1.1.0 for iOS นั้นดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ Apple's App Store โดยจะต้องใช้โปรแกรม iTunes ในการดาวน์โหลด

Picture credit: Apple's App Store

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Apple's App Store

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

How to Sync Coogle Chrome Bookmarks

วิธีการซิงค์บุ๊คมาร์คของ Google Chrome
บุ๊คมาร์ค (Bookmark) นั้นเป็นตัวช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องจำชื่อของเว็บไซต์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปัจจุบันนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่จะใช้งานโปรแกรมเว็บบราวเซอร์มากกว่าหนึ่งตัว และมีบางคนมีการใช้งานคอมพิวเตอร์มากกว่าหนึ่งเครื่องเช่นใช้งานคอมพิวเตอร์ในที่ทำงานและมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผ่านเป็นต้น ซึ่งปกติจะทำการชิงค์บุ๊คมาร์คโดยการส่งออก (Export) จากเว็บบราวเซอร์ตัวหนึ่งและนำเข้า (Import) บนเว็บบราวเซอร์ตัวหนึ่ง หรือทำการส่งออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งและนำเข้าบนเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง แต่สำหรับผู้ใช้ Google Chrome สามารถทำการซิงค์บุ๊คมาร์คผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้คุณสมบัติ Bookmark Sync

คุณสมบัติ Bookmark Sync จะทำการซิงค์บุ๊คมาร์คขึ้นไปเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของ Google Docs จากนั้นผู้ใช้สามารถซิงค์บุ๊คมาร์คของ Google Chrome ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์สองเครื่องหรือมากกว่าผ่านทางอินเทอร์เน็ตผ่านทางแอคเคาท์ของกูเกิล โดยกูเกิลเริ่มนำคุณสมบัติ Bookmark Sync มาใช้เป็นครั้งแรกใน Google Chrome 4.0.201.1 Dev channel และเปิดใช้งานโดยดีฟอลท์ใน Google Chrome 4.0.223.16 Beta และในเวอร์ชัน Google Chrome 5.0.375.29 Beta ได้เพิ่มการซิงค์การตั้งค่า (Preference) หลังจากนั้นได้มีการเพิ่มการซิงค์ การป้อนค่าแบบฟอร์มโดยอัตโนมัติ (AutoFill), ส่วนขยาย (Extensions) และ ธีม (Themes) และใน Google Chrome 7.0.517.41 ซึ่งเป็นเวอร์ชันสเถียรตัวล่าสุดนั้นกูเกิลได้เพิ่มอ็อปชันการซิงค์แอ็พ (Apps) ขึ้นอีกหนึ่งอย่าง

อนึ่ง เหตุผลที่ Bookmark Sync ทำการซิงค์บุ๊คมาร์คขึ้นไปเก็บไว้ใน Google Docs แทนที่จะเก็บอยู่ใน Google Bookmarks เนื่องจาก Bookmark Sync นั้นใช้การแสดงผลในแบบโฟลเดอร์

สำหรับวิธีการใช้งาน Sync นั้นทำได้โดยการคลิกไอคอนรูปเครื่องมือจากนั้นเลือก Options

รูปที่ 1. Options

แล้วในหน้า Google Chrome Options ให้คลิกแท็บ Personal Stuff แล้วคลิก Set up sync

รูปที่ 2. Set up sync

จากนั้นทำการไซน์อินด้วยแอคเคาท์ของกูเกิล

รูปที่ 3. Sign in to Google

เสร็จแล้วจะได้หน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Set up sync ซึ่งค่าเริ่มต้นจะเลือกเป็น "Keep everything synced" หากต้องการเลือกบางหัวข้อให้เลือกเป็น "Choose what to sync" จากนั้นเลือกอ็อปชันที่ต้องการ เสร็จแล้วคลิก OK ทำการซิงค์ bookmarks ไปเก็บไว้ใน Google Docs

รูปที่ 4. Configure sync

โดยเมนู Set up sync จะเปลี่ยนเป็น "Stop syncing this account" และจะมีปุ่ม "Customize" สำหรับใช้ปรับแต่งอ็อปชันที่ทำการซิงค์

รูปที่ 5. Stop syncing this account and Customize

ผลการซิงค์
หลังจากทำการซิงค์บุ๊คมาร์คเสร็จแล้ว ในการเปิดโปรแกรม Google Chrome ครั้งต่อไปโปรแกรมก็จะทำการซิงค์ข้อมูลโดยอัตโนมัติ โดยหลังจากทำการซิงค์บุ๊คมาร์คก็จะทำการอัปเดทเป็นข้อมูลล่าสุด ตัวอย่างเช่น รูปที่ 5 จะเป็นบุ๊คมาร์คบนเครื่อง PC1 ก่อนทำการซิงค์ส่วนรูปที่ 6 เป็นรูปบุ๊คมาร์คบนเครื่อง PC1 หลังทำการซิงค์


รูปที่ 6. Bookmark Manager

รูปที่ 7. Bookmark Manager

และเมื่อเปิด Google Docs จะปรากฏข้อมูลบุ๊คมาร์คอยู่ปรากฏในส่วน My folders ดังรูปที่ 7 ในกรณีต้องการทำการซิงค์บุ๊คมาร์คบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ เพิ่มเติม ทำได้โดยขั้นตอนด้านบน

รูปที่ 8. Bookmark on Google Docs

สำหรับเวอร์ชันสเถียรตัวปัจจุบันของ Google Chrome คือ Google Chrome 7.0.517.41 ซึ่งมีการปรับปรุงการทำงาน แก้ไขปัญหาความปลอดภัย และมีคุณสมบัติใหม่หลายอย่าง อ่านรายละเอียดได้ที่ สำรวจคุณสมบัติใหม่ใน Google Chrome 7.0.517.41

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Google Chrome 4.0.223.16 Beta channel
Google Chrome 4.0.201.1 Dev channel

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Sunday, October 24, 2010

Windows 7 Service Pack 1 (SP1) RC Build 7601.17105 available for download to select testers

ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Windows 7 Service Pack 1 (SP1) RC Build 7601.17105 ให้กลุ่มผู้ทดสอบ

มีรายงานว่าไมโครซอฟท์ได้ออก Service Pack 1 (SP1) Release Candidate (RC) สำหรับ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 ให้กับกลุ่มผู้ทดสอบที่รับเลือกรวมถึงกลุ่มผู้ใช้ที่เป็น TAP และ OEMs โดย SP1 RC ตัวใหม่นี้มีหมายเลขเวอร์ชันเป็น Build 7601.17105

SP1 RC ดังกล่าวนี้ออกเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2553 มีหมายเลขบิลด์คือ 7601.17105.100929-1730 ซึ่งแสดงว่าทำการคอมไพล์ในวันที่ 29 กันยายน 2553 ที่ผ่านมา มีขนาดไฟล์ 6,594.85 MB โดนใน SP1 RC จะมีการเพิ่มการรองรับภาษาเป็น 5 ภาษาได้แก่ English, French, German, Japanese และ Spanish

Image credit: Window Valley

สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการทดสอบ Windows 7 SP1 Beta (Build 7601.16562.100603-1800) สามารถอ่านรายละเอียดการดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ New Windows 7 SP1 Beta Downloads Available ส่วนวิธีการติดตั้ง Windows 7 SP1 Beta ด้วยไฟล์ ISO อิมเมจนั้นอ่านได้ที่ Install Windows 7 Service Pack 1 Beta (Build 7601: 16562,v.178)

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข้อควรทราบ:
Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 Service Pack 1 (SP1) Beta จะหมดอายุในวันที่ 30 มิถุนายน 2554 โดยจะเริ่มแจ้งเตือนในวันที่ 30 มีนาคม 2554

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Friday, October 22, 2010

What's new in Google Chrome 7.0.517.41

สำรวจคุณสมบัติใหม่ใน Google Chrome 7.0.517.41
Google Chrome โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ของกูเกิลนั้นเป็นโปรแกรมที่มีการอัปเดทเวอร์ชันใหม่เร็วมาก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกูเกิลที่ประกาศว่าจะออกเวอร์ชันสเถียร (Stable) ตัวใหม่ทุก 6 สัปดาห์ และเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา กูเกิลออกได้ออกเวอร์ชันสเถียรตัวล่าสุดคือ Google Chrome 7.0.517.41 ซึ่งเป็นเวอร์ชันสเถียรตัวแรกของ Google Chrome 7.0 โดยในเวอร์ชันใหม่ล่าสุดนี้มีเป้าหมายหลักคือเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยโดยมีการแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้ามากกว่า 100 ตัว

สำหรับปัญหาด้านความปลอดภัยที่ได้รับแก้ไขใน Google Chrome 7.0.517.41 นั้นมี 1 ตัวที่เป็นปัญหาความภัยร้ายแรงระดับวิกฤติ (Critical) ที่อาจทำให้บราวเซอร์แครชได้เมื่อทำการใช้การป้อนแบบฟอร์มอัตโนมัติ (Form autofill) และยังมี 4 ปัญหาความภัยร้ายแรงระดับสูง (High) คือ
- ปัญหาที่ 1 เป็นข้อผิดพลาดที่อาจทำให้บราวเซอร์แครชเมื่อใช้งานฟอร์ม
- ปัญหาที่ 2 เป็นข้อผิดพลาดที่อาจใช้ทำ URL spoofing เมื่อทำการอัปโหลดได้
- ปัญหาที่ 3 เป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้เกิด Memory corruption เมื่อแสดงผลไฟล์เคลื่อนไหวประเภท GIF
- ปัญหาที่ 4 เป็นข้อผิดพลาด stale elements ใน element map

นอกจากการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยแล้ว กูเกิลยังได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาเว็บไซต์หลายอย่างดังนี้
1. AppleScript สำหรับรองรับ UI automation บน Mac OS X
2. อิมพลีเมนต์อัลกอริธึม HTML5 parsing, File API ซึ่งทำให้สามารถเนื้อหาแบบ Web-based อ่านเนื้อหาจากไฟล์ที่เก็บอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ และ directory upload ซึ่งเป็นการอัปโหลดไดเร็กตอรี่ผ่านทาง ได้
3. เพิ่มอ็อปชันสำหรับใช้ในการจัดการคุกกี๊ (Cookies) ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ไดอะล็อกบ็อกซ์แบบใหม่จัดการการบล็อคคุกกี๊ได้ครั้งละมากๆ ได้

สำหรับการเข้าถึงไดอะล็อกบ็อกซ์ที่ใช้จัดการคุกกี๊นั้นทำได้โดยการคลิกไอคอนรูปเครื่องมือจากนั้นเลือก Options แล้วในหน้า Google Chrome Options ให้คลิกแท็บ Under the Hood แล้วคลิก Content Settings ซึ่งจะได้หน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ดังรูปด้านล่าง

Content Settings

4. เพิ่มอ็อปชัน Apps ใน Set up sync
สำหรับการเข้าถึงไดอะล็อกบ็อกซ์ Set up sync นั้นทำได้โดยการคลิกไอคอนรูปเครื่องมือจากนั้นเลือก Options แล้วในหน้า Google Chrome Options ให้คลิกแท็บ Personal Stuff  แล้วคลิก Set up sync จากนั้นทำการไซน์อินด้วยแอคเคาท์ของกูเกิลเสร็จแล้วจะได้หน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ดังรูปด้านล่าง

Set up sync

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Google Chrome 7.0.517.41 released in stable channel

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Thursday, October 21, 2010

Windows 7 more than 240 Million Licenses Sold in the First Year

Windows 7 มียอดขายมากกว่า 240 ล้านไลเซนส์ใน 1 ปี

ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากสำหรับ Windows 7 ระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปตัวล่าสุดของไมโครซอฟท์ และในโอกาสฉลองครบรอบ 1 ปีของการออก Windows 7 เวอร์ชัน General Availability (GA) ในวันที่ 21 ตุลาคม 2553 Brandon LeBlanc ซึ่งเป็นผู้จัดการ Microsoft Communications ได้ประกาศอย่างเป็นทางการผ่านทางบล็อก Windows Team Blog ว่า "Windows 7 เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ที่มียอดขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์" โดยที่ "Windows 7 มียอดขายมากกว่า 240 ล้านไลเซนส์ใน 1 ปี"

หมายเหตุ: ไมโครซอฟทออก Windows 7 General Availability ในวันที่ 22 ตุลาคม 2552

Windows 7 นั้นได้สร้างสถิติใหม่ในด้านยอดขายโดย "ทำยอดขายได้ 150 ล้านไลเซนส์ในเวลาเพียง 8 เดือน" และ "ทำยอดขายได้ 175 ล้านไลเซนส์ในเวลาเพียง 9 เดือน" หลังจากการออก Windows 7 เวอร์ชัน GA และยังคงเดินหน้าสร้างสถิติด้านยอดขายอย่างต่อเนื่องต่อไป

โดยข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2553 นั้น มีเครื่องคอนซูมเมอร์พีซี (Consumer PC) ใหม่ที่ใช้ Windows 7 จำนวนถึง 93% และมีเครื่องพีซีทั่วโลกที่ใช้ Windows 7 มีจำนวนมากกว่า 17% (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 53 จาก Net Applications) และหากคงมีอัตราการเติบโตอย่างนี้ต่อไปคาดว่าในเวลา 30 เดือน Windows 7 ก็จะแซง Windows XP ขึ้นเป็น "ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์อันดับ 1 ที่มีจำนวนผู้ใช้มากที่สุด"

ในด้านการตลาดนั้น ในเวลาเพียง 6 เดือนหลังจากออกเวอร์ชัน GA บริษัทคู่ค้าของไมโครซอฟท์ที่เป็น OEM ทั้งหมด (มากกว่า 18,000 ราย) ได้วางจำหน่ายคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับ Windows Vista ในขณะที่ช่วงเวลาเท่ากันมีบริษัทคู่ค้าที่เป็น OEM เพียง 70% เท่านั้นที่วางขายคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows Vista

Operating System Market Share

Operating System Share Trend

อนึ่ง ใครที่ต้องการทดสอบใช้งาน Windows 7 สามารถดาวน์โหลด Windows 7 Enterprise 90-day Trial สามารถอ่านรายละเอียดการดาวน์โหลดได้ที่ ดาวน์โหลด Windows 7 Enterprise เวอร์ชันทดลองใช้ 90 วัน

หมายเหตุ: ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Windows 7 Enterprise 90-day Trial ได้จนถึง 29 เมษายน 2554

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Windows Team Blog
Net Applications (ข้อมูล ณ ตุลาคม 2553)

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Windows 7 stop responding at black screen if screen saver is enabled

Windows 7 ขึ้นจอดำ (Black screen) ถ้าสกรีนเซฟเวอร์ (Screen saver) ทำงาน

ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 อาจจะประสบกับปัญหาเกิดจอดำ (Black screen) หลังจากสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน โดยไมโครซอฟท์ได้ออกมายืนยันปัญหาดังกล่าวนี้แล้วพร้อมชี้แจงรายละเอียดว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นในกรณีมีเงื่อนไขดังนี้

กรณีที่ 1
- บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 และเปิดใช้งานสกรีนเซฟเวอร์
- เปิดใช้งานอ็อปชัน On resume, display logon screen ของสกรีนเซฟเวอร์
- มีการตั้งเวลาอ็อปชัน Turn off the display และ Put the computer to sleep ของ Power Options เท่ากัน และเวลาที่ตั้งนั้นนานกว่าเวลาที่ตั้งให้สกรีนเซฟเวอร์ทำงาน
- เมื่อผ่านค่าเวลาสำหรับ Turn off the display ทำให้จอภาพปิดตัวเองโดยอัตโนมัติ

กรณีที่ 2
- บนเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 และเปิดใช้งานสกรีนเซฟเวอร์
- มีการเปิดใช้งานอ็อปชัน On resume, display logon screen ของสกรีนเซฟเวอร์
- หลังจากสกรีนเซฟเวอร์ทำงานผู้ใช้ทำการปิดหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา

ในทั้ง 2 กรณีคอมพิวเตอร์จะยังคงรันอยู่ แต่จะไม่สามารถทำการเปิดหน้าจอโดยใช้คีย์บอร์ดได้ และอาจจะไม่สามารถเปิดหน้าจอได้จนกว่าจะทำการบังคับรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์

หมายเหตุ: เมื่อทำการตั้งเวลาอ็อปชัน Turn off the display น้อยกว่า 10 นาที ค่า Turn off the display option automatically จะเปลี่ยนเป็นค่าที่ทำให้คอวมพิวเตอร์สลีป (Sleep)

สาเหตุ:
ปัญหาดังกล่าวนี้เกิดจากการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันระหว่างเธรดของ CSRSS และของ WinLogon

วิธีการแก้ไข:
ไมโครซอฟท์ออกฮอตฟิกซ์เพื่อให้ผู้ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 ที่ประสบปัญหาตามที่อธิบายด้านบนใช้แก้ปัญหาแล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ Hotfix (KB976427) อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ได้แนะนำให้ผู้ใช้ทำการติดตั้งฮ็อตฟิกซ์ตัวนี้เฉพาะบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาตามที่อธิบายด้านบนเท่านั้น เนื่องจากฮ็อตฟิกซ์นี้ยังต้องทดสอบการทำงานเพิ่มเติมและจะรวมอยู่ในเซอร์วิสแพ็ค (Service Pack) ที่จะออกในอนาคต

หมายเหตุ: ไมโครซอฟท์ไม่แนะนำให้ทำการติดตั้งฮอตฟิกซ์ในกรณีที่ยังไม่แน่ใจว่าฮอตฟิกซ์จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่?

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
KB376427

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Microsoft Security Essentials with new antimalware engine available for download

ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Microsoft Security Essentials พร้อม antimalware engine เวอร์ชันใหม่แล้ว
ก่อนหน้านี้ผมได้นำเสนอข่าว ไมโครซอฟท์เตรียมอัปเดท Antimalware Engine ของโปรแกรม Microsoft Security Essentials ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2553 (ตามเวลาในประเทศไทย) ไมโครซอฟท์ก็ได้ออกเวอร์ชันใหม่เรียบร้อยแล้ว

โดยเวอร์ชันของโปรแกรม Microsoft Security Essentials นั้นยังคงเป็น 1.0.2498.0 แต่ Antimalware Engine ได้รับการอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 1.1.6301.0 (เวอร์ชันก่อนคือ 1.1.6201.0) ซึ่งการอัปเดทครั้งนี้เป็นไปตามแผนการอัปเดทเทคโนโลยีการป้องกันมัลแวร์ตามปกติและจะมีผลกับโปรแกรม Microsoft Security Essentials (MSE) และ Forefront Client Security (FCS)


การดาวน์โหลด Microsoft Security Essentials พร้อม Antimalware Engine เวอร์ชันใหม่
ผู้ใช้ใหม่สามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Microsoft Security Essentials พร้อม Antimalware Engine เวอร์ชันใหม่ได้ฟรีจากเว็บไซต์ Download Microsoft Security Essentials ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 เวอร์ชันด้วยกัน คือ เวอร์ชันสำหรับ Windows XP 32-bit, Windows Vista/Windows 7 32-bit และ Windows Vista/Windows 7 64-bit

สำหรับผู้ที่ใช้ Microsoft Security Essentials อยู่แล้วโปรแกรมจะทำการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันใหม่โดยอัตโนมัติพร้อมกับการอัปเดทไวรัสซิกเนเจอร์ (ซิกเนเจอร์ตัวแรกที่เป็น Antimalware Engine เวอร์ชันใหม่คือ 1.93.26.0) โดยสามารถอ่านรายละเอียดวิธีการติดตั้งได้ที่เว็บไซต์ การติดตั้ง Microsoft Security Essentials

หมายเหตุ: การติดตั้ง Microsoft Security Essentials จะต้องทำการตรวจสอบว่าวินโดวส์ (Validate) ที่ใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่ก่อน

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Microsoft Malware Protection Center (MMPC)

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Wednesday, October 20, 2010

Google Chrome 7.0.517.41 released in stable channel

Google Chrome 7.0.517.41 เวอร์ชัน Stable แรกของ Chrome 7.0 พร้อมแก้ 10 ปัญหาความปลอดภัยมี 1 ตัวที่ร้ายแรงระดับวิกฤติ
อัปเดทเวอร์ชันเร็วมากสำหรับ Google Chrome โปรแกรมอินเทอร์เน็ตเว็บบราวเซอร์ของ Google วันนี้ (20 ตุลาคม 2553) ได้ออกเวอร์ชันสเถียร (Stable) ตัวแรกในเวอร์ชัน 7.0 คือ Google Chrome 7.0.517.41 ทั้งเวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows, Mac และ Linux โดยออกหลังจากการออกเวอร์ชันเบต้า (Beta) ตัวแรกเพียง 20 วัน ซึ่งในเวอร์ชันใหม่นี้มีการปรับปรุงการทำงานหลายอย่างและยังได้รับการแก้ไข 10 ปัญหาความปลอดภัย (Security Fixes) โดยมี 1 ปัญหาความภัยร้ายแรงระดับวิกฤติ (Critical) และมี 5 ปัญหาความภัยร้ายแรงระดับสูง (High) ตามรายละเอียดด้านล่าง

หมายเหตุ: Google อัปเดทจาก Google Chrome 7.0.517.41 Beta เป็น Stable โดยไม่มีการเปลี่ยนหมายเลขเวอร์ชัน

การปรับปรุงใน Google Chrome 7.0.517.41
ใน Google Chrome 7.0.517.41 มีการปรับปรุงการทำงานในด้านต่างๆ ดังนี้
• Hundreds of bug fixes
• An updated HTML5 parser
• File API
• Directory upload via input tag

สำหรับรายละเอียดฟีเจอร์ใหม่ใน Google Chrome 7.0 นั้นสามารถอ่านได้ที่ Google Chrome 7.0.517.24 Beta Channel

การแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยใน Google Chrome 7.0.517.41
ใน Google Chrome 7.0.517.41 มีการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย ดังต่อไปนี้
• [48225] [51727] Possible autofill / autocomplete profile spamming. Credit to Google Chrome Security Team (Inferno). (Medium)
• [48857] Crash with forms. Credit to the Chromium development community. (High)
• [50428] Browser crash with form autofill. Credit to the Chromium development community. (Critical)
• [51680]* Possible URL spoofing on page unload. Credit to kuzzcc; plus independent discovery by Jordi Chancel. (High)
• [53002] Pop-up block bypass. Credit to kuzzcc. (Low)
• [53985] Crash on shutdown with Web Sockets. Credit to the Chromium development community. (Medium)
• [Linux only] [54132] Bad construction of PATH variable. Credit to Dan Rosenberg, Virtual Security Research. (Low)
• [54500]** Possible memory corruption with animated GIF. Credit to Simon Schaak. (High)
• [Linux only] [54794] Failure to sandbox worker processes on Linux. Credit to Google Chrome Security Team (Chris Evans). (High)
• [56451] Stale elements in an element map. Credit to Michal Zalewski of the Google Security Team. (High)

หมายเหตุ:
* ปัญหาความปลอดภัยหมายเลข 51680: Possible URL spoofing on page unload. ค้นพบโดย kuzzccd กับ Jordi Chancel (Independent discovery) และได้รางวัลตอบแทนจำนวน $500
** ปัญหาความปลอดภัยหมายเลข 54500: Possible memory corruption with animated GIF. ค้นพบโดย Simon Schaak และได้รางวัลตอบแทนจำนวน $500

การดาวน์โหลดและการติดตั้ง Google Chrome 7.0.517.41
Google Chrome 7.0.517.41 นั้นสามารถทำงานได้บน Windows XP, Windows Vista และ Windows 7 โดยผู้ใช้ใหม่ที่ยังไม่มีการติดตั้ง Google Chrome อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถติดตั้งโดยใช้บราวเซอร์เปิดไปที่เว็บไซต์ www.google.com/chrome จากนั้นดำเนินการคำสั่งบนจอภาพ หรือดาวน์โหลด Google Chrome Offline Standalone Installer จากเว็บไซต์ Download Google Chrome 7.0.517.41 มาทำการติดตั้งด้วยตนเอง

ในกรณีที่มีการติดตั้ง Google Chrome เวอร์ชัน 6.0.472.63 หรือเก่ากว่าบนเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ก่อนแล้ว สามารถทำการอัปเดทเป็นเวอร์ชัน 7.0.517.41 ได้โดยการเปิดคำสั่ง About Google Chrome จากนั้นคลิก Update Now จากนั้นดำเนินการคำสั่งบนจอภาพจนการติดตั้งแล้วเสร็จ

Google Chrome 7.0.517.41 for Windows

สำหรับรายละเอียดวิธีการติดตั้งและอัปเดท Google Chrome สามารถอ่านได้จากเว็บไซต์ How to install Google Chrome

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
Google Chrome Releases

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Mozilla Firefox 3.6.11 - Fixed 5 critical security issues

Mozilla Firefox 3.6.11 แก้ 9 ปัญหาความปลอดภัยมี 5 ปัญหาที่ร้ายแรงระดับวิกฤต
Mozilla ออก Firefox 3.6.11 เพื่อปรับปรุงการทำงานและแก้ไขปัญหาความปลอดภัยที่พบใน Firefox 3.6.10 โดยเวอร์ชัน 3.6.11 นี้ออกในวันที่ 19 ตุลาคม 2553 (ตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม ตามเวลาในประเทศไทย) ดังนั้น เพื่อให้การท่องอินเทอร์เน็ตเป็นไปด้วยความปลอดภัยขอแนะนำให้ผู้ใช้ Firefox 3.6.10 หรือเวอร์ชันเก่ากว่าให้ทำการอัปเดทในทันทีที่ทำได้ครับ

การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 3.6.11
โปรแกรมติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.11 เวอร์ชันสำหรับ Windows นั้นมีขนาดประมาณ 8MB สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ดังนี้
Download Mozilla Firefox 3.6.11
Download Mozilla Firefox 3.6.11 for Windows

Mozilla Firefox 3.6.11

Mozilla Firefox 3.6.11 New Features
Firefox 3.6.11 เป็นเวอร์ชันที่ออกเพื่อทำการปรับปรุงเกี่ยวกับการทำงานและแก้ปัญหาความปลอดภัย โดยมีปัญหาความปลอดภัยได้รับการแก้ไขจำนวน 9 ตัว และมี 5 ปัญหาที่ร้ายแรงสูงระดับวิกฤตรายละเอียดดังนี้
• MFSA 2010-72 Insecure Diffie-Hellman key exchange [Low]
• MFSA 2010-71 Unsafe library loading vulnerabilities [Critical]
• MFSA 2010-70 SSL wildcard certificate matching IP addresses [Moderate]
• MFSA 2010-69 Cross-site information disclosure via modal calls [High]
• MFSA 2010-68 XSS in gopher parser when parsing hrefs [High]
• MFSA 2010-67 Dangling pointer vulnerability in LookupGetterOrSetter [Critical]
• MFSA 2010-66 Use-after-free error in nsBarProp [Critical]
• MFSA 2010-65 Buffer overflow and memory corruption using document.write [Critical]
• MFSA 2010-64 Miscellaneous memory safety hazards (rv:1.9.2.11/ 1.9.1.14) [Critical]

ความต้องการระบบของ Firefox 3.6.x
ความต้องการระบบของ Firefox 3.6.x บนระบบปฏิบัติการ Windows มีดังนี้
Operating Systems
• Windows 2000
• Windows XP
• Windows Server 2003
• Windows Vista
• Windows 7

Minimum Hardware
• ใช้ซีพียูขั้นต่ำ Pentium 233 MHz (แนะนำ: Pentium 500MHz หรือสูงกว่า)
• เมมโมรี 64 MB RAM (แนะนำ: 128 MB RAM หรือมากกว่า)
• พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ 52 MB

การติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.11
วิธีการติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.11 นั้น แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ตามรายละเอียดดังนี้
แบบที่ 1 สำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว
การอัพเดทจาก Firefox เวอร์ชันก่อนที่ติดตั้งอยู่แล้ว ถ้าหากตั้งค่า Advanced>Update>Automatically check for update to: Firefox เมื่อทำการเปิดใช้งาน Firefox และมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต Firefox ก็จะทำการตรวจสอบการอัพเดทโดยอัตโนมัติ (สามารถสั่งให้ Firefox ทำการตรวจสอบการอัพเดทแบบแมนนวล โดยการคลิกที่เมนู Help แล้วคลิก Check for Updates)

แบบที่ 2 สำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์
การติดตั้ง Firefox 3.6.11 ใหม่ สำหรับผู้ใช้วินโดวส์ที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้ดาวน์โหลด Firefox เวอร์ชันสำหรับวินโดวส์จากเว็บไซต์ในหัวข้อ การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 3.6.11 ด้านบนแล้วทำการติดตั้งแบบแมนนวล สำหรับขั้นตอนและวิธีการติดตั้งสามารถอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ How to install Mozilla Firefox 3.6

การถอนการติดตั้ง Firefox 3.6.11
การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.11 สามารถทำได้จาก Add or Remove Programs ใน Control Panel โดยการยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.x นั้น โปรแกรมจะไม่ทำการลบข้อมูลต่างๆ คือ Bookmarks, Web Browsing History และ Extensions หรือ Add-ons ต่างๆ ให้อัตโนมัติ ดังนั้นผู้ใช้ต้องทำการลบด้วยตนเอง ตามตำแหน่งดังนี้

Windows Vista = Users\[username]\AppData\Roaming\Mozilla\Firefox
Windows 2000, XP, 2003 = Documents and Settings\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Windows NT = WINNT\Profiles\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Mac OS X = ~/Library/Application Support/Firefox
Linux and Unix systems = ~/.mozilla/firefox

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Firefox 3.6.11 Release Notes

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Tuesday, October 19, 2010

Windows 7 Service Pack 1 (SP1) to Resolve Tablet PC Issues

Windows 7 Service Pack 1 (SP1) แก้หลายปัญหาการทำงานบน Tablet PC
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

สำหรับใครทีติดตามความเคลื่อนไหวของ Windows 7 Service Pack 1 (SP1) ก็คงจะทราบแล้วว่าจะเป็นเพียงการรวมฮอตฟิกซ์ (Hotfix) ต่างๆ ที่ออกหลังจาก Windows 7 RTM เท่านั้นโดยที่ไม่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่แต่อย่างใด และในจำนวนปัญหาต่างๆ ที่ได้รับแก้ไขใน Windows 7 SP1 นั้นมีปัญหาบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานบน Windows 7 บนแท็บเล็ตพีซีหรือ Slate

โดยนับถึงปัจจุบันไมโครซอฟท์ได้ออกฮอตฟิกซ์สำหรับแก้ไขปัญหาการใช้งาน Window 7 บนแท็บเล็ตพีซีหรือสเลท (Slate) มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปัญหา ดังนี้

ปัญหาที่ 1:
เมื่อทำการรันอินสแตนซ์ของแอพพลิเคชันประเภท Windows Presentation Foundation (WPF) บนแท็บเล็ตพีซีที่ใช้ Windows 7 แล้วใช้เอ็กเทอร์นอลดิจิไทเซอร์ (External Digitizer) เพื่อทำเครื่องหมายในอินสแตนซ์ของแอพพลิเคชันดังกล่าว จากนั้นทำการถอดเอ็กเทอร์นอลดิจิไทเซอร์ออกแล้วนำไปต่อกับพอร์ตยูเอสบี (USB) พอร์ตอื่นในขณะที่แอพพลิเคชันยังคงรันอยู่ ในกรณีลักษณะนี้จะทำให้เอ็กเทอร์นอลดิจิไทเซอร์ไม่สามารถทำเครื่องหมายในบางอินสแตนซ์ของแอพพลิเคชัน WPF ได้

ปัญหาที่ 2:
ตัวชี้ (Pointer) ไม่ยอมเคลื่อนที่เมื่อทำการทัชหลังจากทำการถอดจอสัมผัส (Touch Monitor) แบบเอ็กเทอร์นอลแล้วนำไปต่อกับพอร์ต USB พอร์ตตัวอื่นบนแท็บเล็ตพีซีที่ใช้ Windows 7

ปัญหาที่ 3:
หน้าต่างล็อกออนไม่แสดงไอคอนคีย์บอร์ดสัมผัส (Touch Keyboard) หลังจากทำการปลุกเครื่องกลับมาจากโหมดประหยัดพลังงาน (Sleep Mode) บนแท็บเล็ตพีซีที่ใช้ Windows 7

อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ได้แนะนำให้ผู้ใช้ทำการติดตั้งฮ็อตฟิกซ์ทั้ง 3 ตัวนี้เฉพาะบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาตามที่อธิบายด้านบนเท่านั้น และได้แนะนำให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับผลกระทบไม่ให้ทำการติดตั้งฮ็อตฟิกโดยให้รอการอัปเดทจาก SP1 ซึ่งจะรวมการแก้ไขข้อผิลพลาดต่างทั้งหมดที่พบหลังจากการ Windows 7 RTM

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Windows 7 SP1 สามารถอ่านได้จากเว็บไซต์ดังต่อไปนี้
10 Things to Know about Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta
New Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Downloads Available
การติดตั้ง Windows 7 SP1 Beta ด้วยไฟล์ ISO อิมเมจ
Install Windows 7 Service Pack 1 Beta from Windows Update

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Softpedia

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Printing performance problems in Windows 7 or Windows Server 2008 R2 - Hotfix Available

ไมโครซอฟท์ออก Hotfix เพื่อแก้ปัญหาประสิทธิภาพการพิมพ์งานใน Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บางรุ่นอาจจะประสบกับปัญหาประสิทธิภาพการพิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์ต่ำมากเมื่อเทียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Vista หรือ Windows Server 2008 และเมื่อผู้ใช้ทำการสั่งพิมพ์งานเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการใช้งานซีพียู (CPU) อย่างหนัก ทั้งนี้ ถ้าหากตรวจสอบโดยใช้ทาสก์เมเนเจอร์ (Task Manager) ก็จะพบว่าจำนวนการใช้ซีพียูขึ้นถึง 100 เปอร์เซ็นต์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

สาเหตุ:
ปัญหาดังกล่าวนี้เกิดจากประสิทธิภาพการทำงานของสพูลเลอร์ (Spooler Behavior) ลดลง โดยจะเกิดบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีซีพียูแบบเดี่ยว (Single-processor) ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2

วิธีการแก้ไข:
ไมโครซอฟท์เปิดให้ผู้ที่ประสบปัญหาประสิทธิภาพการพิมพ์ใน Windows 7  หรือ Windows Server 2008 R2 ดาวน์โหลด Hotfix (KB2295825) สำหรับใช้แก้ปัญหาได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ได้แนะนำให้ผู้ใช้ทำการติดตั้งฮ็อตฟิกซ์นี้เฉพาะบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาตามที่อธิบายด้านบนเท่านั้น เนื่องจากฮ็อตฟิกซ์ดังกล่าวนี้ยังต้องทดสอบการทำงานเพิ่มเติม และจะรวมอยู่ในเซอร์วิสแพ็ค (Service Pack) ในอนาคต

อนึ่งกรณี ไมโครซอฟท์ไม่แนะนำให้ทำการติดตั้งฮอตฟิกซ์ในกรณีที่ยังไม่แน่ใจว่าฮอตฟิกซ์จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่?

วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ
วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 รุ่นต่างๆ ดังนี้
- Windows Server 2008 R2 Enterprise
- Windows Server 2008 R2 Standard
- Windows Server 2008 R2 Datacenter
- Windows Server 2008 R2 Foundation
- Windows Web Server 2008 R2
- Windows 7 Enterprise
- Windows 7 Home Basic
- Windows 7 Professional
- Windows 7 Ultimate
- Windows 7 Home Premium
- Windows 7 Starter

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
KB2295825

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Monday, October 18, 2010

Adobe Reader X is expected to be available for download within 30 days

Adobe Reader X จะออกภายใน 30 วัน มาพร้อมเทคโนโลยี Sandboxing Security

อัปเดท 19 พ.ย. 53: Adobe เปิดให้ดาวน์โหลด Adobe Reader X เมเจอร์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดของโปรแกรมยอดนิยมสำหรับใช้เปิดอ่านไฟล์เอกสารประเภท PDF แล้ว อ่านรายละเอียด

Adobe ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันถัดไปของ Adobe Reader โปรแกรมฟรีแวร์สำหรับใช้เปิดอ่านไฟล์เอกสารประเภท PDF (Portable Document Format) โดยจะใช้ชื่อเวอร์ชันเป็น Adobe Reader X ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ 10 ของโปรแกรมยอดนิยมตัวนี้ โดยคาดกันว่าจะเปิดให้ดาวน์โหลดโปรแกรมได้ภายใน 30 วัน

สำหรับคุณสมบัติเด่นที่จะมีอยู่ใน Adobe Reader X คือ Sandboxing Security Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มชั้นของการป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์และไวรัส โดยโหมดป้องกัน (Protected Mode) ของ Adobe Reader จะทำงานโดยดีฟอลท์และจะรวมอยู่ในปลั๊ก-อิน Adobe Reader สำหรับโปรแกรมอินเทอร์เน็ตเบราเซอร์หลักในปัจจุบันทุกๆ ตัวอีกด้วย

กลไกการทำงานของ Sandbox จะดูแลการโปรเซสไฟล์ PDF อย่างเช่น JavaScript execution, 3D rendering และ image parsing ทั้งนี้เพื่อกำหนดขอบเขตการทำงานและป้องกันแอพพลิเคชันจากการติดตั้งลงบนระบบหรือทำการลบไฟล์ หรือแก้ไขรายละเอียดของระบบ หรือเข้าถึงกระบวนการทำงาน

ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ได้ได้ใช้งานเทคนิค sandboxing นี้ในโปรแกรม Office 2010 Protected View และ Office 2007 ส่วน Google นั้นใช้งานเทคนิค sandboxing ใน Google Chrome

Credit: Adobe

สำหรับ Adobe Reader เวอร์ชันปัจจุบันคือ Adobe Reader 9.4 ออกเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 53 (ตามเวลาในประเทศไทย) เพื่อแก้ปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัยต่างๆ จำนวน 23 ตัว สามารถอ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ Adobe ออก Adobe Reader 9.4 และ Acrobat 9.4 เพื่อแก้ 23 ปัญหาความปลอดภัยร้ายแรง

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Adobe
CNET

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Download: SDL Regex Fuzzer Anti-DoS tool from Microsoft

SDL Regex Fuzzer เครื่องมือป้องกันการโจมตีระบบแบบ DoS จากไมโครซอฟท์
ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เปิดให้ดาวน์โหลด SDL Regex Fuzzer ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ออกแบบสำหรับช่วยเหลือผู้ใช้ในการประเมินความปลอดภัยของ Regular expression เพื่อหาช่องโหว่ความปลอดภัยที่แฮกเกอร์อาจสามารถใช้เป็นช่องทางทำการโจมตีเพื่อให้เกิดเงื่อนไข Denial of Service (DoS) ได้

Bryan Sullivan ซึ่งเป็นผู้จัดการ Security Product ของทีม Security Development Lifecycle (SDL) กล่าวว่าผู้ใช้บริการแอพบนระบบคลาวด์ (Cloud) จำเป็นต้องมีเครื่องมือทางด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันการถูกโจมตี เนื่องจากความนิยมในคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud computing) ที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้จำนวนของการโจมตีระบบเพื่อให้เกิด Denial of Service (DoS) เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าบริการแบบคลาวด์นั้นนำเสนอข้อได้เปรียบต่างๆ ให้กับผู้ใช้ เช่น ราคาถูกกว่า สามารถรองรับการขยายตัวได้ดีกว่า ในโมเดลแบบ "pay-as-you-go model" แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้เกิดช่องทางการโจมตีใหม่ตามมาด้วย

โดยในการใช้บริการแบบคลาวด์นั้นผู้ใช้ต้องจ่ายค่าบริการสำหรับการใช้โปรเซสเซอร์ (Processor time) แบนวิดธ์ (Bandwidth) และพื้นที่เก็บข้อมูล (Storage) ดังนั้นแฮกเกอร์ไม่จำเป็นที่ต้องมุ่งเป้าการโจมตีไปที่อินฟราสตรัคเจอร์ (Infrastructure) อีกต่อไป เพียงแต่ทำการโจมตีเพื่อเข้าใช้รีซอร์สของผู้ใช้บริการส่งผลให้ผู้ใช้ต้องเสียค่าบริการที่สูงเกินจำนวนการใช้งานที่แท้จริง ทั้งนี้ การโจมตีนั้นจะเปลี่ยนจากการโจมตีช่องโหว่ความปลอดภัยเพื่อทำการยกระดับสิทธิ์ไปเป็นการโจมตีแบบแบล็คเมล์ ตัวอย่างเช่น การเรียกเงินเพื่อแลกกับการไม่ถูกโจมตี "Pay me $10,000 or I’ll make your app consume $20,000 worth of server resources" เป็นต้น

Credit: microsoft

ดาวน์โหลด SDL Regex Fuzzer
Download SDL Regex Fuzzer

ความต้องการระบบ
SDL Regex Fuzzer นั้นสามารถรองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7, Windows Server 2003, Windows Server 2008, Windows Server 2008 R2, Windows Vista และ Windows XP และระบบจะต้องติดตั้ง .NET Framework 3.5 หรือสูงกว่าในการทำงาน

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
MSDN Blogs

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Sunday, October 17, 2010

How to enable Quick Tabs in Internet Explorer 9 Beta?

วิธีการเปิดใช้งาน Quick Tabs ใน Internet Explorer 9 Beta
Quick Tabs นั้นเป็นคุณสมบัติของ Internet Explorer ที่ทำการแสดงตัวอย่างของหน้าเว็บที่เปิดอยู่ในแต่ละแท็บ ทำให้ผู้ใช้สามารถสามารถเปิดไปยังหน้าเว็บที่ต้องการได้ง่ายและเร็วขึ้นด้วยการเลือกจากภาพตัวอย่างหน้าเว็บของแท็บทั้งหมดที่เปิดอยู่ Quick Tabs นั้นช่วยเพิ่มความสะดวกในการสวิตช์ไป-มาระหว่างแท็บได้มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดหน้าเว็บพร้อมกันจำนวนหลายแท็บ

ไมโครซอฟท์ได้นำคุณสมบัติ Quick Tabs มาใช้ครั้งแรกใน Internet Explorer 7 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรกที่สามารถรองรับการใช้งานแบบแท็บ (Tab Browsing) และยังคงใช้ต่อเนื่องมาถึง Internet Explorer 8 และ Internet Explorer 9 beta อย่างไรก็ตามใน Internet Explorer 9 beta นั้นคุณสมบัติ Quick Tabs จะไม่ถูกเปิดใช้งานโดยดีฟอลท์เหมือนกับใน Internet Explorer 8 (รวมถึง Internet Explorer 7) ดังนั้นหากต้องการใช้งานจะต้องทำการเปิดใช้งานด้วยตนเองตามขั้นตอนดังนี้
1. ในหน้าต่าง Internet Explorer ให้คลิกไอคอน Tools แล้วเลือก Internet Options
- ในกรณีมีการแสดงแถบคำสั่ง (Command Bar) ให้คลิกเมนู Tools คลิก Internet Options


หมายเหตุ: การแสดงเมนู Command bar ทำได้โดยการคลิกขวาบริเวณขวามือของปุ่ม New Tab แล้วเลือก Command bar

2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Internet Options ให้คลิกแท็บ Settings ซึ่งอยู่ในส่วน Tabs


3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Tabbed Browsing Settings ภายใต้หัวข้อ Enable Tabbed Browsing ให้คลิกเลือกเช็คบ็อกซ์ Enable Quick Tabs คลิก OK จากนั้นคลิก OK เพื่อปิดหน้า Internet Options แล้วปิดโปรแกรม Internet Explorer เพื่อให้การตั้งค่ามีผล


หลังจากเปิดใช้งานคุณสมบัติ Quick Tabs เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในการใช้งาน Internet Explorer 9 Beta ครั้งต่อๆ ไปก็จะสามารถใช้งานคุณสมบัติ Quick Tabs แต่เนื่องจากใน Internet Explorer 9 beta นั้นไม่มีปุ่ม Quick Tabs ดังนั้นต้องใช้ปุ่มคีย์ลัด Ctrl+Q ในการเปิดหน้า Quick Tabs ซึ่งจะได้หน้าต่างลักษณะดังรูปด้านล่าง


สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับ Quick Tabs ใน Internet Explorer 8 นั้นสามารถอ่านได้จาก วิธีการใช้งาน Quick Tabs ใน Internet Explorer 8

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.