การอัปเดท Windows 7 โดยใช้ Windows Update
ก่อนหน้านี้ผมได้สาธิตวิธีการอัปเดท Windows 7 โดยใช้ WSUS เซิร์ฟเวอร์ไปแล้วในบนความเรื่อง การอัปเดท Windows 7 จาก WSUS เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งวิธีการดังกล่าวเหมาะสำหรับการใช้งานภายในบริษัทหรือองค์กร สำหรับบทความนี้ผมจะแสดงวิธีการอัปเดท Windows 7 โดยใช้ Windows Update ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะเป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปซึ่งใช้งานคอมพิวเตอร์จากบ้านเป็นหลัก
ใน Windows 7 นั้น ไมโครซอฟท์ได้เปลี่ยนชื่อจาก Automatic Update เป็น Windows Update และรวมอยู่ทั้งใน All Programs และ Control Panel เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
หมายเหตุ:
1. ในบทความนี้ใช้ Windows 7 Ultimate (RTM) 32 bit เป็นระบบทดสอบ
2. การอัปเดทจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะทำการอัปเดทสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้
วิธีการอัปเดท Windows 7 โดยใช้ Windows Update ผ่านทางอินเทอร์เน็ต มีขั้นตอนดังนี้
จาก All Programs
1. คลิก Start คลิก All Programs แล้วคลิก Windows Update
2. ในหน้าไดอะล็อก Windows Update ให้คลิกลิงก์ Change Settings แล้วไปยังขั้นตอนที่ 3 ด้านล่าง
จาก Control Panel
1. คลิก Start คลิก Control Panel แล้วคลิกลิงก์ System and Security
2. ในหน้าไดอะล็อก System and Security ให้คลิกลิงก์ Turn automatic updating on or off ซึ่งอยู่ภายใต้หัวข้อ Windows Update แล้วไปยังขั้นตอนที่ 3 ด้านล่าง
3. ในหน้าไดอะล็อก Change settings ให้ดำเนินการตั้งค่าการอัปเดทในแต่ละหัวข้อให้เรียบร้อย เสร็จแล้วคลิก OK
Important Update
ในหัวข้อ Important Update ให้เลือกกำหนดลักษณะการทำงานเป็นแบบใดแบบหนึ่งดังนี้
Install update automatically (recommended)
คำอธิบาย: ให้ Windows Updates ทำการดาวน์โหลดและติดตั้งอัปเดทโดยอัตโนมัติ ตามเวลาที่กำหนดในหัวข้อย่อย Install new updates ซึ่งดีฟอลท์กำหนดเวลาติดตั้งเป็นเวลา 3:00 AM ของแต่ละวัน
Download update but let me choose whether to install them
คำอธิบาย: กำหนดให้ Windows Updates ทำการดาวน์โหลดอัปเดทโดยอัตโนมัติ และผู้ใช้เป็นคนเลือกทำการติดตั้งอัปเดท โดยหลังจากดาวน์โหลดอัปเดทแล้วเสร็จ Windows Updates จะแสดงข้อความว่าแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่ามีอัปเดทที่พร้อมติดตั้ง
Check for update but let me choose whether to download and install them
คำอธิบาย: กำหนดให้ Windows Updates ตรวจสอบอัปเดท ในกรณีที่มีอัปเดทใหม่ผู้ใช้เป็นคนเลือกทำการดาวน์โหลดและติดตั้งอัปเดทเอง โดย Windows Updates จะแสดงข้อความว่าแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่ามีอัปเดทใหม่
Never check for update (not recommended)
คำอธิบาย: กำหนดให้ Windows Updates ไม่ต้องทำการตรวจสอบ Update
Recommended Updates
Give me recommended Updates the same I receive important updates ให้ Windows Updates จัดการกับ recommended Updates เหมือนกับ important updates
Who can install updates
Allow all users to install updates on this computer อนุญาตให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถติดตั้งอัปเดทได้
4. ในหน้าไดอะล็อก System and Security ให้คลิกลิงก์ Windows Update
5. ในหน้าไดอะล็อก Windows Update ให้คลิกลิงก์ Check for updates อีกครั้ง รอจนการตรวจสอบอัปเดทแล้วเสร็จ
6. โดยดีฟอลท์หากมี Important updates ระบบจะเลือกติดตั้งอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้สามารถเลือกไม่ติดตั้งบางตัวได้โดยการคลิกลิงก์ Important updates ในกรอบสีส้ม แล้วยกเลิกการเลือกอัปเดทตัวที่ไม่ต้องการติดตั้ง
สำหรับ Optional updates นั้น ผู้ใช้จะต้องทำการเลือกเองว่าจะติดตั้งตัวใดบ้าง โดยการคลิกลิงก์ Optional updates ในกรอบสีส้มและเลือกอัปเดทตัวที่ต้องการติดตั้ง (สามารถเลือกหลายตัวได้) เสร็จแล้วคลิก OK
หลังจากเลือกค่าต่างๆ เสร็จแล้ว คลิก Install Updates เพื่อทำการติดตั้งอัปเดท จากนั้นรอจนการติดตั้งอัปเดทแล้วเสร็จ
หมายเหตุ: ในขั้นตอนที่ 6 นี้ อาจจะต้องทำการยอมรับข้อตกลงในอัปเดทบางตัว
7. หลังจากทำการติดตั้งอัปเดทเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ปิดไดอะล็อก Windows Update โดยการติดตั้งอัปเดทบางตัวนั้นอาจจะต้องทำการรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล
บทความโดย: TWA Blog
© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.
No comments:
Post a Comment
เชิญแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ข้อความ HTML