การเปลี่ยนดีฟอลท์เสิร์ชเอนจิ้นใน Internet Explorer 7
ใน Internet Explorer 7 นั้น จะมีการเพิ่มช่ิอง Search Box ในด้านขวามือของ Address bar เพื่อใช้ในการค้นหาจากอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องเปิดหน้าเว็บไซต์ของเสิร์ชเอนจิ้น (Search Engine)
โดยครั้งแรกที่ทำการรัน Internet Explorer 7 นั้น โปรแกรมจะให้ผู้ใช้ทำการคอนฟิกว่าจะใช้เสิร์ชเอนจิ้นตัวใดเป็นดีฟอลท์สำหรับการค้นหา หากผู้ใช้ไม่ได้เลือกกำหนดเป็นอย่างอื่น Internet Explorer 7 ก็จะกำหนดให้ใช้เสิร์ชเอนจิ้น Live.com (Live.com เป็นบริการในเครือข่ายของไมโครซอฟท์)
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้บางท่านที่ไม่ค่อยพอใจกับผลการค้นหาที่ได้รับจาก Live.com สามารถทำการเปลี่ยนไปเป็นเสิร์ชเอนจิ้นตัวโปรดได้ เช่น Google.com หรือ Yahoo.com เป็นต้น โดยมีวิธีการทำดังนี้
1. เปิดโปรแกรม Internet Explorer จากนั้นให้คลิกที่เมนู Tools แล้วคลิก Internet Options
2. ในหน้าไดอะล็อก Internet Options ในส่วน Search ให้คลิกที่ Settings ดังรูปที่ 1
รูปที่ 1. Internet Options
3. ในหน้าไดอะล็อก Change Search Defaults ให้คลิก Search engine ที่ต้องการ แล้วคลิกที่ Set Default ดังรูปที่ 2
รูปที่ 2. Change Search Defaults
4. หากไม่มี Search engine ที่ต้องการในลิสต์รายการ ให้คลิกที่ Find more providers แล้วเลือก Search engine ที่ต้องการ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
การลบ browsing history การใช้งานใน Internet Explorer 7
การลบข้อมูลส่วนตัวบน Internet Explorer 6
© 2007 All Rights Reserved.
Pages - Menu
▼
Pages - Menu
▼
Pages
▼
Saturday, June 30, 2007
Delete browsing history in Internet Explorer 7
การลบ browsing history การใช้งานใน Internet Explorer 7
การใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยใช้ Internet Explorer นั้น เมื่อเราท่องไปยังเว็บไซต์ต่างๆ Internet Explorer จะมีการเก็บบันทึกเป็นข้อมูลประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ต (Browsing history) ไว้ และหลายๆ เว็บไซต์ก็ต้องใช้ทำการตรวจสอบตัวตน(Authentication) หรือให้ทำการล็อกออน (Logon) ด้วย ชื่อผู้ใช้ (User name) และ รหัสผ่าน (Password) เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ในการใช้งาน เช่น การล็อกออนเข้า Gmail.com เพื่ออ่านอีเมล หรือ การล็อกออนเข้า Blogspot.com เพื่อการอัพเดทบล็อก เป็นต้น
นอกจากนี้ ในบางเว็บไซต์ผู้ใช้จะต้องทำการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ซึ่งในตัวโปรแกรม Internet Explorer นั้นจะมีครื่องมือความสะดวกในการใช้งานต่างๆ ดังที่กล่าวมา คือ AutoComplete ซึ่งจะทำหน้าที่ในการบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับ ชื่อผู้ใช้ และ รหัสผ่าน ไว้ใช้ในการใช้งานครั้งต่อๆ ไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเป็นการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้งานร่วมกันหลายๆ คน หรือเป็นการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ตาม Internet cafe หรือ เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะนั้น ฟีเจอร์เหล่านี้อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลต่างๆ ดังที่กล่าวมาได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย และเพื่อป้องกันปัญหาต่างที่อาจจะเกิดตามมา ควรทำการลบข้อมูลประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกครั้งหลังจากเลิกใช้งาน
สำหรับวิธีการลบนั้นก็ทำได้หลายวิธี เช่น อาจใช้โปรแกรมสำหรับการลบข้อมูลขยะบนเครื่อง เช่น โปรแกรม CCLeaner ของ Periform ซึ่งนอกจากช่วยในการลบ Temporary Internet Files แล้วยังสามารถใช้งานด้านอื่นๆ อีกหลายด้าน
สำหรับผู้ใช้งาน IE7 นั้นการลบข้อมูลประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถทำได้ง่าย โดยในหน้าต่าง Internet Explorer นั้นให้ทำการคลิกที่ Tools แล้วเลือก Delete browsing history ดังรูปที่ 1
รูปที่ 1. Delete browsing history
แต้ถ้าหากต้องการลบข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เช่น Passwords, Cookies, Form data หรือ Temporary Internet Files ก็ทำได้ง่ายกว่าใน IE6 เนื่องจากสามารถทำได้จากจุดๆ เดียว คืออยู่ในแท็บ General ของ Internet Options ในขณะที่ใน IE6 นั้นจะแยกกันอยู่ โดย Cookies และ Temporary Internet Files นั้นจะอยู่ในแท็บ General ของ Internet Options ในขณะที่ Passwords, และ Form data จะอยู่ในแท็บ Content ของ Internet Options
วิธีการลบนั้นทำได้โดยการเปิด Internet Options ดังรูปที่ 2 แล้วคลิกที่ Delete ซึ่งจะได้ไดอะล็อก Delete browsing history ดังรูปที่ 3 ซึ่งสามารถได้ว่าจะทำการลบข้อมูลส่วนใดทิ้งบ้าง โดยการคลิกที่ปุ่มในส่วนที่ต้องการแต่ถ้าหากต้องการลบข้อมูลทั้งหมด ก็ให้คลิกที่ Delete All
รูปที่ 2. Internet Explorer 7 Options
รูปที่ 3. Delete browsing history
โดยในการลบข้อมูลนั้น IE7 จะแจ้งข้อความเตือนให้เลือกยืนยันการลบข้อมูล ตัวอย่าง เช่น การลบ Password ก็จะแจ้งเตือนดังรูปที่ 4 และการข้อมูลทั้งหมดนั้น IE7 จะทำการแจ้งเตือนดังรูปที่ 5 ให้คลิก Yes เพื่อยืนยันการลบข้อมูล
รูปที่ 4. Delete Password
รูปที่ 5. Delete browsing history
หากต้องการให้ IE7 ทำการลบไฟล์ Temporary Internet Files โดยอัตโนมัตเมื่อทำการปิดหน้าต่าง IE ก็ให้ทำการเลือกอ็อบชัน Empty Temporary Internet Files folder when browser close ดังรูปที่ 6
รูปที่ 6. Automatic empty Temporary Internet Files folder when browser close
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• การใช้งาน CCLeaner Step by step
• การลบข้อมูลส่วนตัวบน Internet Explorer 6
© 2007 All Rights Reserved.
การใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยใช้ Internet Explorer นั้น เมื่อเราท่องไปยังเว็บไซต์ต่างๆ Internet Explorer จะมีการเก็บบันทึกเป็นข้อมูลประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ต (Browsing history) ไว้ และหลายๆ เว็บไซต์ก็ต้องใช้ทำการตรวจสอบตัวตน(Authentication) หรือให้ทำการล็อกออน (Logon) ด้วย ชื่อผู้ใช้ (User name) และ รหัสผ่าน (Password) เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ในการใช้งาน เช่น การล็อกออนเข้า Gmail.com เพื่ออ่านอีเมล หรือ การล็อกออนเข้า Blogspot.com เพื่อการอัพเดทบล็อก เป็นต้น
นอกจากนี้ ในบางเว็บไซต์ผู้ใช้จะต้องทำการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ซึ่งในตัวโปรแกรม Internet Explorer นั้นจะมีครื่องมือความสะดวกในการใช้งานต่างๆ ดังที่กล่าวมา คือ AutoComplete ซึ่งจะทำหน้าที่ในการบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับ ชื่อผู้ใช้ และ รหัสผ่าน ไว้ใช้ในการใช้งานครั้งต่อๆ ไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเป็นการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้งานร่วมกันหลายๆ คน หรือเป็นการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ตาม Internet cafe หรือ เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะนั้น ฟีเจอร์เหล่านี้อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลต่างๆ ดังที่กล่าวมาได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย และเพื่อป้องกันปัญหาต่างที่อาจจะเกิดตามมา ควรทำการลบข้อมูลประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกครั้งหลังจากเลิกใช้งาน
สำหรับวิธีการลบนั้นก็ทำได้หลายวิธี เช่น อาจใช้โปรแกรมสำหรับการลบข้อมูลขยะบนเครื่อง เช่น โปรแกรม CCLeaner ของ Periform ซึ่งนอกจากช่วยในการลบ Temporary Internet Files แล้วยังสามารถใช้งานด้านอื่นๆ อีกหลายด้าน
สำหรับผู้ใช้งาน IE7 นั้นการลบข้อมูลประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถทำได้ง่าย โดยในหน้าต่าง Internet Explorer นั้นให้ทำการคลิกที่ Tools แล้วเลือก Delete browsing history ดังรูปที่ 1
รูปที่ 1. Delete browsing history
แต้ถ้าหากต้องการลบข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เช่น Passwords, Cookies, Form data หรือ Temporary Internet Files ก็ทำได้ง่ายกว่าใน IE6 เนื่องจากสามารถทำได้จากจุดๆ เดียว คืออยู่ในแท็บ General ของ Internet Options ในขณะที่ใน IE6 นั้นจะแยกกันอยู่ โดย Cookies และ Temporary Internet Files นั้นจะอยู่ในแท็บ General ของ Internet Options ในขณะที่ Passwords, และ Form data จะอยู่ในแท็บ Content ของ Internet Options
วิธีการลบนั้นทำได้โดยการเปิด Internet Options ดังรูปที่ 2 แล้วคลิกที่ Delete ซึ่งจะได้ไดอะล็อก Delete browsing history ดังรูปที่ 3 ซึ่งสามารถได้ว่าจะทำการลบข้อมูลส่วนใดทิ้งบ้าง โดยการคลิกที่ปุ่มในส่วนที่ต้องการแต่ถ้าหากต้องการลบข้อมูลทั้งหมด ก็ให้คลิกที่ Delete All
รูปที่ 2. Internet Explorer 7 Options
รูปที่ 3. Delete browsing history
โดยในการลบข้อมูลนั้น IE7 จะแจ้งข้อความเตือนให้เลือกยืนยันการลบข้อมูล ตัวอย่าง เช่น การลบ Password ก็จะแจ้งเตือนดังรูปที่ 4 และการข้อมูลทั้งหมดนั้น IE7 จะทำการแจ้งเตือนดังรูปที่ 5 ให้คลิก Yes เพื่อยืนยันการลบข้อมูล
รูปที่ 4. Delete Password
รูปที่ 5. Delete browsing history
หากต้องการให้ IE7 ทำการลบไฟล์ Temporary Internet Files โดยอัตโนมัตเมื่อทำการปิดหน้าต่าง IE ก็ให้ทำการเลือกอ็อบชัน Empty Temporary Internet Files folder when browser close ดังรูปที่ 6
รูปที่ 6. Automatic empty Temporary Internet Files folder when browser close
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• การใช้งาน CCLeaner Step by step
• การลบข้อมูลส่วนตัวบน Internet Explorer 6
© 2007 All Rights Reserved.
Friday, June 29, 2007
Sysinternal's ZoomIt v1.51
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 12 กรกฎาคม 2550
อัพเดทเวอร์ชัน
รายละเอียดโปรแกรม ZoomIt v1.52
Sysinternal ได้ออกโปรแกรม ZoomIt เวอร์ชัน 1.51 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2550 โดย ZoomIt นั้นเป็นโปรแกรมสำหรับใช้ในการนำเสนองานทางด้านเทคนิคต่างๆ โดยสามารถทำการ Zoom หน้าจอ ทำการวาดภาพบนหน้าจอ และใช้จับเวลาได้อีกด้วย โดยผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดมาทดลองใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รายละเอียดและตำแหน่งการดาวน์โหลดดูได้จากหัวข้อ Download Location
Download Location
Sysinternal's ZoomIt v1.51
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Sysinternals
********************************************************
* ZoomIt v1.52 © 2006-2007 Mark Russinovish *
* Sysinternals - www.sysinternals.com *
********************************************************
© 2007 by dtplertkrai. All Rights Reserved
อัพเดทเวอร์ชัน
รายละเอียดโปรแกรม ZoomIt v1.52
Sysinternal ได้ออกโปรแกรม ZoomIt เวอร์ชัน 1.51 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2550 โดย ZoomIt นั้นเป็นโปรแกรมสำหรับใช้ในการนำเสนองานทางด้านเทคนิคต่างๆ โดยสามารถทำการ Zoom หน้าจอ ทำการวาดภาพบนหน้าจอ และใช้จับเวลาได้อีกด้วย โดยผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดมาทดลองใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รายละเอียดและตำแหน่งการดาวน์โหลดดูได้จากหัวข้อ Download Location
Download Location
Sysinternal's ZoomIt v1.51
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Sysinternals
********************************************************
* ZoomIt v1.52 © 2006-2007 Mark Russinovish *
* Sysinternals - www.sysinternals.com *
********************************************************
© 2007 by dtplertkrai. All Rights Reserved
How to increase the maximum number of concurrent SMB requests in Windows XP
วิธีการเพิ่มจำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อผ่านทาง SMB ใน Windows XP
หลายท่านคงเคยประสบกับปัญหาการจำกัดจำนวนการเชื่อมต่อกับแชร์โฟลเดอร์ใน Windows XP นั้นคือ เมื่อทำการใช้งาน Windows XP Professional ในการแชร์ข้อมูลบนระบบเครือข่ายนั้น การเข้าใช้งานแชร์โฟลเดอร์ในเวลาพร้อมกันนั้นจะถูกจำกัดได้จำนวนสูงสุดไม่เกิน 10 การเชื่อมต่อพร้อมกัน (Concurrent ) ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
สาเหตุของปัญหานี้เกิดจากสาเหตุ โดยดีฟอลท์นั้น Windows XP Professional จะจำกัดการเข้าใช้งาน Server service ผ่านทาง server message block (SMB) ไว้ที่ 10 การเชื่อมต่อ ซึ่งไมโครซอฟท์ได้กล่าวว่า เนื่องจาก Windows XP Pro นั้นได้ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Client computer) จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้บริการการเข้าใช้งานจากเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ
การแก้ไข
ไมโครซอฟท์ได้พัฒนาฮอตฟิกซ์ (Hotfix) เพื่อแก้ไขปัญหานี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อติดตั้งฮอตฟิกซ์ดังกล่าวนี้จะสามารถทำการเพิ่มจำนวนการเข้าใช้งานพร้อมๆ กันได้สูงสุดถึง 255 การเชื่อมต่อพร้อมกันในเวลาใดเวลาหนึ่งโดยการกำหนดค่าผ่านทางรีจีสทรีชื่อ MaxMpxCt โดยผู้ใช้ที่ต้องการติดตั้งฮอตฟิกซ์ตัวนี้จะต้องติดต่อกับทางศูนย์ Microsoft Support ของไมโครซอฟท์เพื่อขอรับฮอตฟิกซ์
ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ได้แนะนำผู้ใช้ที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้รอการอัพเดทปัญหานี้ซึ่งจะรวมอยู่ใน Windows XP Service Pack 3 โดยในการติดตั้งฮอตฟิกซ์นี้ มีความต้องการระบบที่เป็น Windows XP Professional Service Pack 2 (SP2) และหลังจากติดตั้งแล้วต้องทำการรีสตาร์ทเครื่อง
ข้อมูลเกี่ยวกับ Registry
ข้อควรระวัง การแก้ไขรีจีสทรีอาจทำให้ระบบวินโดวส์ทำงานผิดพลาด หรือไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้นควรทำการสำรองรีจีสทรีเก็บไว้ในที่ปลอดภัยก่อนทำการแก้ไข
1. คลิก Start คลิก Run แล้วพิมพ์ regedit เสร็จแล้วกด Enter
2. ให้บราวซ์ไปที่ key ดังนี้ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\Lanmanserver\Parameters
3. ในส่วนรายละเอียดด้านขวามือให้คลิกขวาเลือก New แล้วเลือก DWORD
4. พิมพ์ MaxMpxCt แล้วกด Enter
5. ให้คลิกขวา MaxMpxC แล้วคลิก Modify
6. ให้ใส่ค่าที่ต้องการ เสร็จแล้วคลิก OK (ค่าที่ใส่จะต้องอยู่ระหว่าง 10 -255 Decimal)
7. ปิดโปรแกรม Registry Editor
หมายเหตุ:
ในระบบ Windows XP จำนวนการเชื่อมต่อพร้อมกันจะมีค่าตั้งแต่ 10 - 255 โดยค่าดีฟอลท์เท่ากับ 10 สำหรับในระบบ Windows Server 2003 จำนวนการเชื่อมต่อพร้อมกันจะมีค่าได้สูงสุดถึง 65,535
ข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ของระบบ
ให้ตรวจสอบไฟล์ชื่อ Srvsvc.dll ซึ่งจะอยู่ใน %system root%\windows\system32 โดยจะต้องเป็นเวอร์ชัน 5.1.3019 ขนาด 96,768 วันที่ 19-Oct-2006 เวลา 16.29
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
หลายท่านคงเคยประสบกับปัญหาการจำกัดจำนวนการเชื่อมต่อกับแชร์โฟลเดอร์ใน Windows XP นั้นคือ เมื่อทำการใช้งาน Windows XP Professional ในการแชร์ข้อมูลบนระบบเครือข่ายนั้น การเข้าใช้งานแชร์โฟลเดอร์ในเวลาพร้อมกันนั้นจะถูกจำกัดได้จำนวนสูงสุดไม่เกิน 10 การเชื่อมต่อพร้อมกัน (Concurrent ) ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
สาเหตุของปัญหานี้เกิดจากสาเหตุ โดยดีฟอลท์นั้น Windows XP Professional จะจำกัดการเข้าใช้งาน Server service ผ่านทาง server message block (SMB) ไว้ที่ 10 การเชื่อมต่อ ซึ่งไมโครซอฟท์ได้กล่าวว่า เนื่องจาก Windows XP Pro นั้นได้ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Client computer) จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้บริการการเข้าใช้งานจากเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ
การแก้ไข
ไมโครซอฟท์ได้พัฒนาฮอตฟิกซ์ (Hotfix) เพื่อแก้ไขปัญหานี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อติดตั้งฮอตฟิกซ์ดังกล่าวนี้จะสามารถทำการเพิ่มจำนวนการเข้าใช้งานพร้อมๆ กันได้สูงสุดถึง 255 การเชื่อมต่อพร้อมกันในเวลาใดเวลาหนึ่งโดยการกำหนดค่าผ่านทางรีจีสทรีชื่อ MaxMpxCt โดยผู้ใช้ที่ต้องการติดตั้งฮอตฟิกซ์ตัวนี้จะต้องติดต่อกับทางศูนย์ Microsoft Support ของไมโครซอฟท์เพื่อขอรับฮอตฟิกซ์
ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ได้แนะนำผู้ใช้ที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้รอการอัพเดทปัญหานี้ซึ่งจะรวมอยู่ใน Windows XP Service Pack 3 โดยในการติดตั้งฮอตฟิกซ์นี้ มีความต้องการระบบที่เป็น Windows XP Professional Service Pack 2 (SP2) และหลังจากติดตั้งแล้วต้องทำการรีสตาร์ทเครื่อง
ข้อมูลเกี่ยวกับ Registry
ข้อควรระวัง การแก้ไขรีจีสทรีอาจทำให้ระบบวินโดวส์ทำงานผิดพลาด หรือไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้นควรทำการสำรองรีจีสทรีเก็บไว้ในที่ปลอดภัยก่อนทำการแก้ไข
1. คลิก Start คลิก Run แล้วพิมพ์ regedit เสร็จแล้วกด Enter
2. ให้บราวซ์ไปที่ key ดังนี้ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\Lanmanserver\Parameters
3. ในส่วนรายละเอียดด้านขวามือให้คลิกขวาเลือก New แล้วเลือก DWORD
4. พิมพ์ MaxMpxCt แล้วกด Enter
5. ให้คลิกขวา MaxMpxC แล้วคลิก Modify
6. ให้ใส่ค่าที่ต้องการ เสร็จแล้วคลิก OK (ค่าที่ใส่จะต้องอยู่ระหว่าง 10 -255 Decimal)
7. ปิดโปรแกรม Registry Editor
หมายเหตุ:
ในระบบ Windows XP จำนวนการเชื่อมต่อพร้อมกันจะมีค่าตั้งแต่ 10 - 255 โดยค่าดีฟอลท์เท่ากับ 10 สำหรับในระบบ Windows Server 2003 จำนวนการเชื่อมต่อพร้อมกันจะมีค่าได้สูงสุดถึง 65,535
ข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ของระบบ
ให้ตรวจสอบไฟล์ชื่อ Srvsvc.dll ซึ่งจะอยู่ใน %system root%\windows\system32 โดยจะต้องเป็นเวอร์ชัน 5.1.3019 ขนาด 96,768 วันที่ 19-Oct-2006 เวลา 16.29
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Hot to change registered owner name in Windows XP
วิธีการเปลี่ยนชื่อ Registered owner ใน Windows XP
ในระหว่างการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP บนเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น จะมีขั้นตอนให้เราใส่ต้องชื่อ "ผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของ" (Registered owner) ซึ่งเป็นชื่อที่จะแสดงอยู่ใน System Properties อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนดังกล่าวนั้น เราอาจใส่ชื่อที่ไม่ถูกต้องหรือว่าคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงผู้ใช้งาน หรือ ฯลฯ แต่สรุปได้ว่าเราต้องการเปลี่ยนชื่อ "ผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของ" หรือ Registered owner ก็แล้วกัน
สำหรับวิธีการเปลี่ยนชื่อผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของใน Windows XP นั้น มีขั้นตอนดังนี้
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
ในระหว่างการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP บนเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น จะมีขั้นตอนให้เราใส่ต้องชื่อ "ผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของ" (Registered owner) ซึ่งเป็นชื่อที่จะแสดงอยู่ใน System Properties อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนดังกล่าวนั้น เราอาจใส่ชื่อที่ไม่ถูกต้องหรือว่าคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงผู้ใช้งาน หรือ ฯลฯ แต่สรุปได้ว่าเราต้องการเปลี่ยนชื่อ "ผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของ" หรือ Registered owner ก็แล้วกัน
สำหรับวิธีการเปลี่ยนชื่อผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของใน Windows XP นั้น มีขั้นตอนดังนี้
- เปิดโปรแกรม Registry Editor โดยการคลิก Start คลิก Run แล้วพิมพ์ regedit ในช่อง Open เสร็จแล้วกด Enter
- ให้เนวิเกตไปที่รีจีสทรี่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion
- ในส่วนรายละเอียดด้านขวามือให้ดับเบิลคลิก RegisteredOwner
- ในช่อง value data ให้ใส่ชื่อที่ต้องการ เสร็จแล้วคลิก OK
- หากต้องการแก้ไขชื่อองค์กร ก็สามารถทำได้โดยการดับเบิลคลิกที่ RegisteredOrganization แล้วใส่ชื่อที่ต้องการ เมื่อเสร็จแล้วคลิก OK
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Hard disk capacity
คุณซื้อ Hard disk มาใหม่ 1 ตัว สมมุติว่าความจุ 750 GB จากนั้นคุณก็จัดการเปิดฝาเครื่องแล้วติดตั้งเจ้า Hard disk ตัวใหม่นี้ เสร็จแล้วคุณก็เปิดเครื่องเข้า Windows XP จัดการเปิด Computer Management แล้วเปิด Disk Management จัดการสร้างพาร์ติชันต่าง แล้วสั่ง Format รอซัก 15-20 นาที หลังจากฟอร์แมตเสร็จคุณก็เปิด My Computer ดูแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่า Windows แจ้งว่า Hard disk ตัวใหม่ที่คุณซื้อมามีความจุเพียง 687 GB ก่อนที่จะโทรไปถามร้านที่ซื้อมา หรือโทรไปด่าพนักงานขาย หรือก่อนจะถอดเจ้า Hard disk ตัวปัญหาไปขอเคลมกับทางร้าน ให้ทำความเข้าใจนิดหนึ่งเรื่องความจุของ Hard disk ที่ทางผู้ผลิตระบุกับที่ระบบรายงาน
ความจุของฮาร์ดดิสก์ (Hard disk capacity)
หมายเหตุ
ปัจจุบันผู้ผลิต Hard disk จะระบุรายละเอียดเรื่องความจุของฮาร์ดดิสก์บนตัว Hard disk
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
ความจุของฮาร์ดดิสก์ (Hard disk capacity)
- หน่วยความจุของฮาร์ดดิสก์ที่ระบุจากผู้ผลิตนั้น จะคำนวนแบบฐานสิบซึ่งเป็นระบบที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ คือ 1 Kilo = 1000 ดังนั้น Hard disk ขนาด 750 GB (ในความหมายของผู้ผลิต) จะมีความจุเท่ากับ (750 x 1000 x 1000 x1000) = 750,000,000,000 Bytes
- หน่วยความจุของฮาร์ดดิสก์ที่คอมพิวเตอร์รายงานนั้น นั้นจะคำนวนแบบฐานสอง คือ 1 Kilo = 1024 (หรือ 2 ยกกำลัง10) ดังนั้น Hard disk ขนาด 750 GB (ในความหมายของผู้ซื้อ) จะเท่ากับ (750 x 1024 x 1024 x 1024 ) ซึ่งเท่ากับ 805,306,368,000 B แต่หาก 750,000,000,000 Bytes ฐานสิบ จะเท่ากับ (750,000,000,000/(1024 x 1024 x 1024)) = 698.5 GB นั้นเอง
- ค่าความจุหลังจากทำการแบ่งพาร์ติชันและฟอร์แมทแล้ว จะมีค่าน้อยกว่าค่าที่คอมพิวเตอร์ายงานก่อนทำการแบ่งพาร์ติชันและฟอร์แมท
หมายเหตุ
ปัจจุบันผู้ผลิต Hard disk จะระบุรายละเอียดเรื่องความจุของฮาร์ดดิสก์บนตัว Hard disk
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Thursday, June 28, 2007
Windows Genuine Advantage (WGA)
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 30 มิถุนายน 2550
รู้จักกับ Windows Genuine Advantage (WGA) Notifications
Windows Genuine Advantage Notifications คือโปรแกรมที่ไมโครซอฟท์ใช้ในการตรวจสอบว่า Windows XP Professional ผู้ใช้ทำการติดตั้งในเครื่องพีซีนั้นเป็นซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แท้ (Genuine) และมีสิทธิการใช้งานที่ถูกต้องเหมาะสม (Properly Licensed) หรือไม่ โดยไมโครซอฟท์ได้ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างเช่น การสนับสนุน และการอัพเกรดล่าสุด แก่ยูสเซอร์ที่สามารถยืนยันได้ว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้เป็นซอฟต์แวร์แท้ สำหรับในกรณีที่ระบบปฏิบัติการ Windows ไม่ใช่ซอฟต์แวร์แท้ WGA Notifications จะเตือนเครื่องพีซีของคุณให้ดำเนินการแก้ไขเพื่อใช้งานซอฟต์แวร์แท้ Windows Genuine Advantage Notifications นับเป็นความพยายามสำคัญของไมโครซอฟท์ที่ต้องการขจัดปัญหาและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์
เหตุผลที่ต้องใช้ WGA Notifications
ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ (Software Piracy) เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกและมีผลกระทบในวงกว้าง ระบบปฏิบัติการ Windows XP Professional ลิขสิทธิ์แท้นั้นจะแตกต่างจากซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของแท้นั้นจะได้รับการบริการและสนับสนุนจากบริษัทคู่ค้าของไมโครซอฟท์ที่เชื่อถือได้และเป็นซอฟต์แวร์ที่มีฟีเจอร์ (feature) ต่างๆ ครบถ้วน ดังนั้นการติดตั้ง WGA Notifications ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า Windows XP Professional ที่ติดตั้งในเครื่องพีซีตนเองนั้นเป็นซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แท้และทำให้ระบบอัพเดทอยู่ตลอดเวลา
รายละเอียดข้อความแสดงความผิดพลาดของ Windows Genuine Advantage และการแก้ไข
การที่ไมโครซอฟท์ได้ให้ (บังคับ) ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP/2003 นั้น ทำการตรวจสอบว่าวินโดวส์ที่ใช้งานนั้นมีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบด้วย Windows Genuine Advantage ยังคงเป็นที่วิพากวิจารณ์ของผู้ใช้ต่อไปถึงเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน หรือความกลัวในเรื่อง Privacy ของผู้ใช้ แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ต้องการทำการใช้งานโปรแกรมหรือเครื่องมือบางอย่างของไมโครซอฟท์นั้น ตัวอย่างเช่น การดาวน์โหลด Internet Explorer 7.0 หรือ Windows Defender นั้น ผู้ใช้จะต้องทำการตรวจสอบวินโดวส์ว่ามีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ (Genuine) ก่อนที่ไมโครซอฟท์จะอนุญาตให้ดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์
ในบางครั้ง เมื่อผู้ใช้ทำการตรวจสอบด้วย Windows Genuine Advantage นั้น อาจจะพบปัญหาหรือข้อผิดพลาดต่างๆ ในการใช้งาน ซึ่งรายละเอีบดของข้อผิดพลาดบางส่วนและวิธีการแก้ไข นั้นมีดังนี้
• ข้อความผิดพลาด
0x80080200
Unsupported Operating System for WGA
สาเหตุของปัญหา
WGA ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าระบบปฏิบัติการมีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามคุณยังสามารถเข้าใช้งานเง็บไซต์ Windows Update และ Microsoft Update ได้ตามปกติ
• ข้อความผิดพลาด
0x80080201
0x80080202
Cannot detect product ID (PID)
Invalid product ID
สาเหตุของปัญหา
ระบบปฏิบัติการป้องกันไม่ให้ WGA ทำการตรวจสอบ product ID (PID
วิธีการแก้ไข
1. คลิก Start, คลิก Run, พิมพ์ cmd, จากนั้นกด ENTER
2. พิมพ์คำสั่งดัวต่อไปนี้. กด ENTER หลังคำสั่งแต่ละคำสั่ง
regsvr32 %windir%\system32\licdll.dll
regsvr32 %windir%\system32\licwmi.dll
3. ตรวจสอบค่าของ PID ในรีจีสทรี. ตามขั้นตอนดังนี้
a. เปิดโปรแกรม Registry Editor
b. ไปที่ registry subkey ข้างล่าง แล้วคลิกขวา
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\ProductId
c. ตรวจสอบให้แน่ใจว่า registry key มีลักษณะดังด้านล่าง
12345-VER-1234567-12345
4. รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าหากยั้งทำการ validate วินโดวส์ไม่ได้ อาจจำเป็นต้องทำการติดตั้ง Windows XP ใหม่
• ข้อความผิดพลาดs
0x80080203
0x80080204
Internet Connection Problem
Service Unavailable
สาเหตุของปัญหา
เครื่องคอมพิวเตอร์ป้องกันการทำการตรวจสอบ Windows XP
วิธีการแก้ไข
1. เปิดโปรแกรม Internet Explorer, คลิก Tools, จากนั้นคลิก Internet Options
2. คลิก Security tab, จากนั้นคลิก Custom Level
3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอ็อปชัน ActiveX Control เปิดทำงาน (enable)
4. ถ้ามีการติดตั้งใช้งาน third-party firewall ,ให้ทำการปิดการทำงานของ firewall
5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตั้งค่า Date and Time ถูกต้อง
6. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080205
Insufficient Privileges
สาเหตุของปัญหา
คุณต้องใช้ยูสเซอร์ที่มีสิทธิ์เทียบเท่าผู้ดูแลระบบ (Administrator) ในการตรวจสอบ
วิธีการแก้ไข
1. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้งโดยใช้ยูสเซอร์ที่มีสิทธิ์เทียบเท่าผู้ดูแลระบบ (Administrator)
2. ทำการ Validate Windows XP โดยใช้ยูสเซอร์ที่มีสิทธิ์เทียบเท่าผู้ดูแลระบบ (Administrator)
• ข้อความผิดพลาด
0x80080206
Internet settings do not allow the genuine ActiveX control to run properly, or user may not be the system administrator of the machine
สาเหตุของปัญหา
ระบบปิดการทำงานของ ActiveX control
วิธีการแก้ไข
1. เปิดโปรแกรม Explorer, คลิก Tools, จากนั้นคลิก Internet Options.
2. คลิก Security tab, จากนั้นคลิก Custom Level.
3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดการทำงาน ActiveX control that triggered the error message
4. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080207
Expired Validation Code
สาเหตุของปัญหา
คุณอาจพิมพ์รหัสการตรวจสอบบนหน้า Microsoft Download Center validation ไม่ถูกต้อง
วิธีการแก้ไข
1. ทำการรันการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
2. ใส่รหัสการตรวจสอบที่ภูกต้อง
3. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• Error message
0x80080209
Can’t Run Active X
สาเหตุของปัญหา
ปัญหาอาจมีสาเหตุมาจากโปรแกรม antivirus หรือ firewall ป้องกันไม่ให้ทำการรัน ActiveX control
วิธีการแก้ไข
1. ทำการคอนฟิก third-party antivirus หรือ firewall ให้เปิดการใช้งาน ActiveX controls
2. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080211
User has chosen to exit the validation process
สาเหตุของปัญหา
คุณได้ออกจากกระบวนการตรวจสอบแล้ว
วิธีการแก้ไข
ทำการรันการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้งในภายหลัง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080219
Windows Not Activated
สาเหตุของปัญหา
วินโดวส์ฉบับนี้เป็นฉบับ retail หรือ OEM การ Activation ต้องการดำเนินการต่อ
วิธีการแก้ไข
1. ทำการ Activate Windows XP
2. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080220
Invalid Product Key
สาเหตุของปัญหา
ปัญหานี้อาจมีสาเหตุมาจาก volume license key ที่ใช้งานถูกบล็อก คุณอาจทำการติดตั้งวินโดวส์โดยใช้ product key ที่ไม่ถูกต้อง ไมโครซอฟท์ได้ทำการบล็อก volume license key ชุดนี้เนื่องจากมีการรายงานว่า volume license key ชุดนี้ถูกโขมยหรือรั่ว
วิธีการแก้ไข
1. ทำการซื้อ Windows XP ฉบับใหม่?
2. แล้วทำการติดตั้ง Windows XP แล้วจึงทำการ validate
• ข้อความผิดพลาด
0x80080222
The product key associated with your copy of Windows was never issued by Microsoft
สาเหตุของปัญหา
product key ที่ใช้ติดตั้งวินโดวส์ไม่ถูกต้อง ซึ่ง product key ที่ใช้งานอาจถูกสร้างขึ้นมาจากโปรแกรมสร้างคัย์ที่ผิดลิขสิทธิ์
วิธีการแก้ไข
1. ทำการซื้อ Windows XP ฉบับใหม่?
2. แล้วทำการติดตั้ง Windows XP แล้วจึงทำการ validate
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• Description of Windows Genuine Advantage: http://support.microsoft.com/kb/892130
• ข้อความผิดพลาดของ WGA: http://support.microsoft.com/kb/916247
• ไมโครซอฟท์ประเทศไทย: http://www.microsoft.com/th/th/default.aspx
Windows Genuine Advantage WGA Notifications
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
รู้จักกับ Windows Genuine Advantage (WGA) Notifications
Windows Genuine Advantage Notifications คือโปรแกรมที่ไมโครซอฟท์ใช้ในการตรวจสอบว่า Windows XP Professional ผู้ใช้ทำการติดตั้งในเครื่องพีซีนั้นเป็นซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แท้ (Genuine) และมีสิทธิการใช้งานที่ถูกต้องเหมาะสม (Properly Licensed) หรือไม่ โดยไมโครซอฟท์ได้ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างเช่น การสนับสนุน และการอัพเกรดล่าสุด แก่ยูสเซอร์ที่สามารถยืนยันได้ว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้เป็นซอฟต์แวร์แท้ สำหรับในกรณีที่ระบบปฏิบัติการ Windows ไม่ใช่ซอฟต์แวร์แท้ WGA Notifications จะเตือนเครื่องพีซีของคุณให้ดำเนินการแก้ไขเพื่อใช้งานซอฟต์แวร์แท้ Windows Genuine Advantage Notifications นับเป็นความพยายามสำคัญของไมโครซอฟท์ที่ต้องการขจัดปัญหาและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์
เหตุผลที่ต้องใช้ WGA Notifications
ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ (Software Piracy) เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกและมีผลกระทบในวงกว้าง ระบบปฏิบัติการ Windows XP Professional ลิขสิทธิ์แท้นั้นจะแตกต่างจากซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของแท้นั้นจะได้รับการบริการและสนับสนุนจากบริษัทคู่ค้าของไมโครซอฟท์ที่เชื่อถือได้และเป็นซอฟต์แวร์ที่มีฟีเจอร์ (feature) ต่างๆ ครบถ้วน ดังนั้นการติดตั้ง WGA Notifications ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า Windows XP Professional ที่ติดตั้งในเครื่องพีซีตนเองนั้นเป็นซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แท้และทำให้ระบบอัพเดทอยู่ตลอดเวลา
รายละเอียดข้อความแสดงความผิดพลาดของ Windows Genuine Advantage และการแก้ไข
การที่ไมโครซอฟท์ได้ให้ (บังคับ) ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP/2003 นั้น ทำการตรวจสอบว่าวินโดวส์ที่ใช้งานนั้นมีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบด้วย Windows Genuine Advantage ยังคงเป็นที่วิพากวิจารณ์ของผู้ใช้ต่อไปถึงเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน หรือความกลัวในเรื่อง Privacy ของผู้ใช้ แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ต้องการทำการใช้งานโปรแกรมหรือเครื่องมือบางอย่างของไมโครซอฟท์นั้น ตัวอย่างเช่น การดาวน์โหลด Internet Explorer 7.0 หรือ Windows Defender นั้น ผู้ใช้จะต้องทำการตรวจสอบวินโดวส์ว่ามีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ (Genuine) ก่อนที่ไมโครซอฟท์จะอนุญาตให้ดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์
ในบางครั้ง เมื่อผู้ใช้ทำการตรวจสอบด้วย Windows Genuine Advantage นั้น อาจจะพบปัญหาหรือข้อผิดพลาดต่างๆ ในการใช้งาน ซึ่งรายละเอีบดของข้อผิดพลาดบางส่วนและวิธีการแก้ไข นั้นมีดังนี้
• ข้อความผิดพลาด
0x80080200
Unsupported Operating System for WGA
สาเหตุของปัญหา
WGA ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าระบบปฏิบัติการมีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามคุณยังสามารถเข้าใช้งานเง็บไซต์ Windows Update และ Microsoft Update ได้ตามปกติ
• ข้อความผิดพลาด
0x80080201
0x80080202
Cannot detect product ID (PID)
Invalid product ID
สาเหตุของปัญหา
ระบบปฏิบัติการป้องกันไม่ให้ WGA ทำการตรวจสอบ product ID (PID
วิธีการแก้ไข
1. คลิก Start, คลิก Run, พิมพ์ cmd, จากนั้นกด ENTER
2. พิมพ์คำสั่งดัวต่อไปนี้. กด ENTER หลังคำสั่งแต่ละคำสั่ง
regsvr32 %windir%\system32\licdll.dll
regsvr32 %windir%\system32\licwmi.dll
3. ตรวจสอบค่าของ PID ในรีจีสทรี. ตามขั้นตอนดังนี้
a. เปิดโปรแกรม Registry Editor
b. ไปที่ registry subkey ข้างล่าง แล้วคลิกขวา
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\ProductId
c. ตรวจสอบให้แน่ใจว่า registry key มีลักษณะดังด้านล่าง
12345-VER-1234567-12345
4. รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าหากยั้งทำการ validate วินโดวส์ไม่ได้ อาจจำเป็นต้องทำการติดตั้ง Windows XP ใหม่
• ข้อความผิดพลาดs
0x80080203
0x80080204
Internet Connection Problem
Service Unavailable
สาเหตุของปัญหา
เครื่องคอมพิวเตอร์ป้องกันการทำการตรวจสอบ Windows XP
วิธีการแก้ไข
1. เปิดโปรแกรม Internet Explorer, คลิก Tools, จากนั้นคลิก Internet Options
2. คลิก Security tab, จากนั้นคลิก Custom Level
3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอ็อปชัน ActiveX Control เปิดทำงาน (enable)
4. ถ้ามีการติดตั้งใช้งาน third-party firewall ,ให้ทำการปิดการทำงานของ firewall
5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตั้งค่า Date and Time ถูกต้อง
6. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080205
Insufficient Privileges
สาเหตุของปัญหา
คุณต้องใช้ยูสเซอร์ที่มีสิทธิ์เทียบเท่าผู้ดูแลระบบ (Administrator) ในการตรวจสอบ
วิธีการแก้ไข
1. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้งโดยใช้ยูสเซอร์ที่มีสิทธิ์เทียบเท่าผู้ดูแลระบบ (Administrator)
2. ทำการ Validate Windows XP โดยใช้ยูสเซอร์ที่มีสิทธิ์เทียบเท่าผู้ดูแลระบบ (Administrator)
• ข้อความผิดพลาด
0x80080206
Internet settings do not allow the genuine ActiveX control to run properly, or user may not be the system administrator of the machine
สาเหตุของปัญหา
ระบบปิดการทำงานของ ActiveX control
วิธีการแก้ไข
1. เปิดโปรแกรม Explorer, คลิก Tools, จากนั้นคลิก Internet Options.
2. คลิก Security tab, จากนั้นคลิก Custom Level.
3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดการทำงาน ActiveX control that triggered the error message
4. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080207
Expired Validation Code
สาเหตุของปัญหา
คุณอาจพิมพ์รหัสการตรวจสอบบนหน้า Microsoft Download Center validation ไม่ถูกต้อง
วิธีการแก้ไข
1. ทำการรันการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
2. ใส่รหัสการตรวจสอบที่ภูกต้อง
3. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• Error message
0x80080209
Can’t Run Active X
สาเหตุของปัญหา
ปัญหาอาจมีสาเหตุมาจากโปรแกรม antivirus หรือ firewall ป้องกันไม่ให้ทำการรัน ActiveX control
วิธีการแก้ไข
1. ทำการคอนฟิก third-party antivirus หรือ firewall ให้เปิดการใช้งาน ActiveX controls
2. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080211
User has chosen to exit the validation process
สาเหตุของปัญหา
คุณได้ออกจากกระบวนการตรวจสอบแล้ว
วิธีการแก้ไข
ทำการรันการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้งในภายหลัง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080219
Windows Not Activated
สาเหตุของปัญหา
วินโดวส์ฉบับนี้เป็นฉบับ retail หรือ OEM การ Activation ต้องการดำเนินการต่อ
วิธีการแก้ไข
1. ทำการ Activate Windows XP
2. ทำการ Validate Windows XP ใหม่อีกครั้ง
• ข้อความผิดพลาด
0x80080220
Invalid Product Key
สาเหตุของปัญหา
ปัญหานี้อาจมีสาเหตุมาจาก volume license key ที่ใช้งานถูกบล็อก คุณอาจทำการติดตั้งวินโดวส์โดยใช้ product key ที่ไม่ถูกต้อง ไมโครซอฟท์ได้ทำการบล็อก volume license key ชุดนี้เนื่องจากมีการรายงานว่า volume license key ชุดนี้ถูกโขมยหรือรั่ว
วิธีการแก้ไข
1. ทำการซื้อ Windows XP ฉบับใหม่?
2. แล้วทำการติดตั้ง Windows XP แล้วจึงทำการ validate
• ข้อความผิดพลาด
0x80080222
The product key associated with your copy of Windows was never issued by Microsoft
สาเหตุของปัญหา
product key ที่ใช้ติดตั้งวินโดวส์ไม่ถูกต้อง ซึ่ง product key ที่ใช้งานอาจถูกสร้างขึ้นมาจากโปรแกรมสร้างคัย์ที่ผิดลิขสิทธิ์
วิธีการแก้ไข
1. ทำการซื้อ Windows XP ฉบับใหม่?
2. แล้วทำการติดตั้ง Windows XP แล้วจึงทำการ validate
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• Description of Windows Genuine Advantage: http://support.microsoft.com/kb/892130
• ข้อความผิดพลาดของ WGA: http://support.microsoft.com/kb/916247
• ไมโครซอฟท์ประเทศไทย: http://www.microsoft.com/th/th/default.aspx
Windows Genuine Advantage WGA Notifications
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Sysinternals Suite ( 26 JUN 2007)
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 5 กรกฎาคม 2550
ชุดเครื่องมือ Sysinternals Suite Toolbox นั้น เป็นผลิตภัณฑ์ของ Windows Sysinternals
ชุดเครื่องมือจาก Sysinternals
Sysinternals Suite นั้น เป็นชุดเครื่องมือสำหรับใช้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของระบบวินโดวส์ ซึ่งพัฒนาโดย Sysinternals (ปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือไมโครซอฟท์)โดยรวมเอาเครื่องมือต่างๆ ดังรายละเอียดหัวข้อ เครื่องมือใน Sysinternals Suite
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา ทาง Sysinternals ก็ได้ออกอัพเดทชุดเครื่องมือ Sysinternals Suite ซึ่งมีอัพเดทใหม่ของโปรแกรม AccessChk v4.01 และเครื่องมือต่างๆ ครบชุด โดยผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และดาวน์โหลดชุดเครื่องมือนี้ได้จากเว็บไซต์ Sysinternals Suite
เครื่องมือใน Sysinternals Suite
ชุดเครื่องมือ Sysinternals Suite นั้นประกอบด้วยเครื่องมือต่างๆ ดังนี้
1. AccessChk
2. AccessEnum
3. AdRestore
4. Autologon
5. Autoruns
6. BgInfo
7. CacheSet
8. ClockRes
9. Contig
10. Ctrl2Cap
11. DebugView
12. DiskExt
13. Diskmon
14. DiskView
15. DU
16. EFSDump
17. Filemon
18. Handle
19. Hex2dec
20. Junction
21. LdmDump
22. ListDlls
23. LiveKd
24. LoadOrder
25. LogonSessions
26. NewSid
27. NtfsInfo
28. PageDefrag
29. PendMoves
30. Portmon
31. ProcessExplorer
32. ProcessMonitor
33. ProcFeatures
34. PsExec
35. PsFile
36. PsGetSid
37. PsInfo
38. PsKill
39. PsList
40. PsLoggedOn
41. PsLogList
42. PsPasswd
43. PsService
44. PsShutdown
45. PsSuspend
46. RegDelNull
47. RegJump
48. RegMon
49. RootkitRevealer
50. SDelete
51. ShareEnum
52. SigCheck
53. Streams
54. Strings
55. Sync
56. TcpView
57. VolumeId
58. WhoIs
59. WinObj
60. ZoomIt
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ดาวน์โหลด Sysinternals Suite
เว็บไซต์ Sysinternals
Keywords: Sysinternals Suite
© 2007 by dtplertkrai. All Rights Reserved
ชุดเครื่องมือ Sysinternals Suite Toolbox นั้น เป็นผลิตภัณฑ์ของ Windows Sysinternals
ชุดเครื่องมือจาก Sysinternals
Sysinternals Suite นั้น เป็นชุดเครื่องมือสำหรับใช้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของระบบวินโดวส์ ซึ่งพัฒนาโดย Sysinternals (ปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือไมโครซอฟท์)โดยรวมเอาเครื่องมือต่างๆ ดังรายละเอียดหัวข้อ เครื่องมือใน Sysinternals Suite
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา ทาง Sysinternals ก็ได้ออกอัพเดทชุดเครื่องมือ Sysinternals Suite ซึ่งมีอัพเดทใหม่ของโปรแกรม AccessChk v4.01 และเครื่องมือต่างๆ ครบชุด โดยผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และดาวน์โหลดชุดเครื่องมือนี้ได้จากเว็บไซต์ Sysinternals Suite
เครื่องมือใน Sysinternals Suite
ชุดเครื่องมือ Sysinternals Suite นั้นประกอบด้วยเครื่องมือต่างๆ ดังนี้
1. AccessChk
2. AccessEnum
3. AdRestore
4. Autologon
5. Autoruns
6. BgInfo
7. CacheSet
8. ClockRes
9. Contig
10. Ctrl2Cap
11. DebugView
12. DiskExt
13. Diskmon
14. DiskView
15. DU
16. EFSDump
17. Filemon
18. Handle
19. Hex2dec
20. Junction
21. LdmDump
22. ListDlls
23. LiveKd
24. LoadOrder
25. LogonSessions
26. NewSid
27. NtfsInfo
28. PageDefrag
29. PendMoves
30. Portmon
31. ProcessExplorer
32. ProcessMonitor
33. ProcFeatures
34. PsExec
35. PsFile
36. PsGetSid
37. PsInfo
38. PsKill
39. PsList
40. PsLoggedOn
41. PsLogList
42. PsPasswd
43. PsService
44. PsShutdown
45. PsSuspend
46. RegDelNull
47. RegJump
48. RegMon
49. RootkitRevealer
50. SDelete
51. ShareEnum
52. SigCheck
53. Streams
54. Strings
55. Sync
56. TcpView
57. VolumeId
58. WhoIs
59. WinObj
60. ZoomIt
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ดาวน์โหลด Sysinternals Suite
เว็บไซต์ Sysinternals
Keywords: Sysinternals Suite
© 2007 by dtplertkrai. All Rights Reserved
Wednesday, June 27, 2007
Make proxy settings per-machine in IE7
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 31 สิงหาคม 2552
การตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบ Per-machine ใน Internet Explorer
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการใช้งานอินเทอร์เน็ตแก่ผู้ใช้หลายๆ คน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการในห้องสมุด หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์นั้น ถ้าเป็นกรณีที่การใช้งานอินเทอร์เน็ตต้องผ่านพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์(Proxy server) บ่อยครั้งที่มีปัญหาไม่สามารถออกอินเทอร์เน็ตด้วย Internet Explorer ได้ เนื่องจากผู้ใช้ทำการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ไม่ถูกต้อง
ปัญหาดังกล่าวนี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ Group Policy โดยทำการกำหนดการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ของ Internet Explorer ให้เป็นแบบต่อเครื่อง (Per-machine) แทนที่จะตั้งค่าเป็นแบบต่อผู้ใช้ (Per-user) วิธีการนี้ นอกจากจะช่วยในการกำหนดให้ผู้ใช้ทุกคนตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์เหมือนกันแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนการตั้งค่าเป็นอย่างอื่นได้อีกด้วย
การกำหนดค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบ Per-machine โดยใช้ Group Policy
วิธีการกำหนดค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบ Per-machine โดยใช้ Group Policy บนวินโดวส์เอ็กพีซ์ มีขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start คลิก Run จากนั้นพิมพ์ gpedit.msc เสร็จแล้วกด Enter
2. ในส่วนด้านซ้้ายมือของหน้าคอนโซลของ Group Policy ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Computer Configuration
3. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Administrative Templates
4. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Windows Components
5. ให้คลิกที่ Internet Explorer แล้วในส่วนขวามือของหน้าคอนโซลให้คลิกขวาที่ Make proxy settings per-machine (rather than per-user) แล้วคลิก Properties
6. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Settings ให้เลือกเป็น Enabled แล้วคลิก Apply และ OK ตามลำดับ
7. ในส่วนด้านซ้้ายมือของหน้าคอนโซลของ Group Policy ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า User Configuration
8. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Windows Settings
9. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Internet Explorer Maintenance
10. ให้คลิกที่ Connection แล้วในส่วนขวามือของหน้าคอนโซลให้คลิกขวาที่ Proxy settings แล้วคลิก Properties
11. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Settings ให้เลือกเป็น Enable Proxy Settings แล้วใส่ชื่อของ Proxy และ Port ในช่อง Proxy Server แล้วคลิก OK (ยังไม่ต้องปิดหน้าต่างคอนโซล)
12. ในส่วน User Configuration ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Windows Components
13. ให้คลิกที่ Internet Explorer แล้วในส่วนขวามือของหน้าคอนโซลให้คลิกขวาที่ Disable changing proxy settings แล้วคลิก Properties
14. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Settings ให้เลือกเป็น Enabled แล้วคลิก Apply และ OK ตามลำดับ
15. ปิดหน้าคอนโซลของ Group Policy เพื่อจบการทำงาน
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• การลบ browsing history การใช้งานใน Internet Explorer 7
• การลบข้อมูลส่วนตัวบน Internet Explorer 6
© 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
การตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบ Per-machine ใน Internet Explorer
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการใช้งานอินเทอร์เน็ตแก่ผู้ใช้หลายๆ คน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการในห้องสมุด หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์นั้น ถ้าเป็นกรณีที่การใช้งานอินเทอร์เน็ตต้องผ่านพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์(Proxy server) บ่อยครั้งที่มีปัญหาไม่สามารถออกอินเทอร์เน็ตด้วย Internet Explorer ได้ เนื่องจากผู้ใช้ทำการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ไม่ถูกต้อง
ปัญหาดังกล่าวนี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ Group Policy โดยทำการกำหนดการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ของ Internet Explorer ให้เป็นแบบต่อเครื่อง (Per-machine) แทนที่จะตั้งค่าเป็นแบบต่อผู้ใช้ (Per-user) วิธีการนี้ นอกจากจะช่วยในการกำหนดให้ผู้ใช้ทุกคนตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์เหมือนกันแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนการตั้งค่าเป็นอย่างอื่นได้อีกด้วย
การกำหนดค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบ Per-machine โดยใช้ Group Policy
วิธีการกำหนดค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบ Per-machine โดยใช้ Group Policy บนวินโดวส์เอ็กพีซ์ มีขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start คลิก Run จากนั้นพิมพ์ gpedit.msc เสร็จแล้วกด Enter
2. ในส่วนด้านซ้้ายมือของหน้าคอนโซลของ Group Policy ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Computer Configuration
3. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Administrative Templates
4. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Windows Components
5. ให้คลิกที่ Internet Explorer แล้วในส่วนขวามือของหน้าคอนโซลให้คลิกขวาที่ Make proxy settings per-machine (rather than per-user) แล้วคลิก Properties
6. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Settings ให้เลือกเป็น Enabled แล้วคลิก Apply และ OK ตามลำดับ
7. ในส่วนด้านซ้้ายมือของหน้าคอนโซลของ Group Policy ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า User Configuration
8. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Windows Settings
9. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Internet Explorer Maintenance
10. ให้คลิกที่ Connection แล้วในส่วนขวามือของหน้าคอนโซลให้คลิกขวาที่ Proxy settings แล้วคลิก Properties
11. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Settings ให้เลือกเป็น Enable Proxy Settings แล้วใส่ชื่อของ Proxy และ Port ในช่อง Proxy Server แล้วคลิก OK (ยังไม่ต้องปิดหน้าต่างคอนโซล)
12. ในส่วน User Configuration ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Windows Components
13. ให้คลิกที่ Internet Explorer แล้วในส่วนขวามือของหน้าคอนโซลให้คลิกขวาที่ Disable changing proxy settings แล้วคลิก Properties
14. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Settings ให้เลือกเป็น Enabled แล้วคลิก Apply และ OK ตามลำดับ
15. ปิดหน้าคอนโซลของ Group Policy เพื่อจบการทำงาน
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• การลบ browsing history การใช้งานใน Internet Explorer 7
• การลบข้อมูลส่วนตัวบน Internet Explorer 6
© 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Prevent Network Share Shortcuts from being added to My Network Places
วิธีการป้องกันไม่ให้วินโดวส์สร้างชอร์ตคัท (Shortcut) ใน My Network Places
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
ใน Windows XP นั้น หากเราทำการเปิดไฟล์ที่แชร์อยู่บนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นบนระบบเครือข่าย วินโดวส์ก็จะทำการสร้างชอร์ตคัท (Shortcut) ของชื่อ Universal Naming Convention หรือ UNC ของการแชร์นั้นเข้าใน My Network Places โดยอัตโนมัติ
พฤติกรรมการทำงานดังกล่าวนี้ อาจสร้างความรำคาญและไม่สะดวกในการใช้งาน เนื่องจากอาจจะมีจำนวนชอร์ตคัทมากเกินไป สำหรับวิธีการแก้ไขทำได้โดยทำการป้องกันไม่ให้วินโดวส์ทำการสร้างชอร์ตคัทของการแชร์โดยอัตโนมัติ ตามขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start คลิก Run จากนั้นพิมพ์ mmc.exe เสร็จแล้วกด Enter
2. ในหน้าคอนโซลของ MMC ให้คลิกเมนู File แล้วคลิก Add/Remove Snap-in
3. คลิก Add
4. คลิก Group Policy เสร็จแล้วคลิก Add อีกครั้ง
5. ในหน้า Welcome to the Group Policy Wizard ให้เลือกค่าตามดีฟอลท์ แล้วคลิก Finish
6. คลิก Close แล้วตามด้วยคลิก OK
7. ในส่วนด้านซ้ายมือของหน้าคอนโซลของ Group Policy ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า User Configuration
8. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Administrative Templates
9. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Desktop
10 คลิกขวาที่ Do Not Add Shares of Recently Opened Documents to My Network Places แล้วคลิก Properties
11. ในไดอะล็อก Settings ให้เลือกเป็น Enabled แล้วคลิก Apply และ OK ตามลำดับ
12. ปิดหน้าคอนโซลของ Group Policy เพื่อจบการทำงาน
Network Share Shortcuts My Network Places
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
ใน Windows XP นั้น หากเราทำการเปิดไฟล์ที่แชร์อยู่บนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นบนระบบเครือข่าย วินโดวส์ก็จะทำการสร้างชอร์ตคัท (Shortcut) ของชื่อ Universal Naming Convention หรือ UNC ของการแชร์นั้นเข้าใน My Network Places โดยอัตโนมัติ
พฤติกรรมการทำงานดังกล่าวนี้ อาจสร้างความรำคาญและไม่สะดวกในการใช้งาน เนื่องจากอาจจะมีจำนวนชอร์ตคัทมากเกินไป สำหรับวิธีการแก้ไขทำได้โดยทำการป้องกันไม่ให้วินโดวส์ทำการสร้างชอร์ตคัทของการแชร์โดยอัตโนมัติ ตามขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start คลิก Run จากนั้นพิมพ์ mmc.exe เสร็จแล้วกด Enter
2. ในหน้าคอนโซลของ MMC ให้คลิกเมนู File แล้วคลิก Add/Remove Snap-in
3. คลิก Add
4. คลิก Group Policy เสร็จแล้วคลิก Add อีกครั้ง
5. ในหน้า Welcome to the Group Policy Wizard ให้เลือกค่าตามดีฟอลท์ แล้วคลิก Finish
6. คลิก Close แล้วตามด้วยคลิก OK
7. ในส่วนด้านซ้ายมือของหน้าคอนโซลของ Group Policy ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า User Configuration
8. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Administrative Templates
9. ให้คลิกที่เครื่องหมาย + ข้างหน้า Desktop
10 คลิกขวาที่ Do Not Add Shares of Recently Opened Documents to My Network Places แล้วคลิก Properties
11. ในไดอะล็อก Settings ให้เลือกเป็น Enabled แล้วคลิก Apply และ OK ตามลำดับ
12. ปิดหน้าคอนโซลของ Group Policy เพื่อจบการทำงาน
Network Share Shortcuts My Network Places
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Microsoft Security Bulletin Re-Releases (MS07-022)
Microsoft ออกซีเคยวริตี้อัพเดท MS07-022 ใหม่
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 28 ธันวาคม 2552
เมื่อวันที่ 26 เดือนมิถุนายน 2550 ทางไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดทความปลอดภัย (Security Update) ตัวใหม่ จำนวน 1 ตัว สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 Service Pack 4 รหัสการอัพเดท คือ MS07-022: Vulnerability in Windows Kernel Could Allow Elevation of Privilege (931784)
โดยอัพเดทตัวใหม่นี้ถือเป็นรีวิชันที่ 2 ของการอัพเดทเดิมที่ออกเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2550 สำหรับรายละเอียดสามารถอ่านได้จากเว็บไซต์ไมโครซอฟท์เทคเน็ต (Microsoft Technet)
© 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 28 ธันวาคม 2552
เมื่อวันที่ 26 เดือนมิถุนายน 2550 ทางไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดทความปลอดภัย (Security Update) ตัวใหม่ จำนวน 1 ตัว สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 Service Pack 4 รหัสการอัพเดท คือ MS07-022: Vulnerability in Windows Kernel Could Allow Elevation of Privilege (931784)
โดยอัพเดทตัวใหม่นี้ถือเป็นรีวิชันที่ 2 ของการอัพเดทเดิมที่ออกเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2550 สำหรับรายละเอียดสามารถอ่านได้จากเว็บไซต์ไมโครซอฟท์เทคเน็ต (Microsoft Technet)
© 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Tuesday, June 26, 2007
โทรจัน "The Italian job" โจมตีเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต
โทรจัน "The Italian job" โจมตีเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต
ศูนย์วิจัยของ Trend Micro รายงานว่าโทรจันชื่อ "The Italian job" มีที่มาจากประเทศอิตาลีได้แพร่ระบาดในแถบทวีปยุโรป โดยได้ทำการโจมตีีเว็บไซต์ไปแล้วกว่า 10,000 เว็บ ซึ่งเว็บไซต์ที่ติดโทรจันตัวนี้จะทำการ redirect ยูสเซอร์ไปยังหน้าเซิร์ฟเวอร์ที่จะทำการโจมตีเครื่องของผู้ใช้ หากสามารถทำการโจมตีได้สำเร็จเครื่องเหล่านั้นก็จะติดโทรจันนี้ไปด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากลิงก์ด้านล่าง
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• อ่านรายละเอียดจากเว็บไซต์ของ Eweek
• อ่านรายละเอียดจากเว็บไซต์ของ Trend Micro
The Italian job Trojan
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
ศูนย์วิจัยของ Trend Micro รายงานว่าโทรจันชื่อ "The Italian job" มีที่มาจากประเทศอิตาลีได้แพร่ระบาดในแถบทวีปยุโรป โดยได้ทำการโจมตีีเว็บไซต์ไปแล้วกว่า 10,000 เว็บ ซึ่งเว็บไซต์ที่ติดโทรจันตัวนี้จะทำการ redirect ยูสเซอร์ไปยังหน้าเซิร์ฟเวอร์ที่จะทำการโจมตีเครื่องของผู้ใช้ หากสามารถทำการโจมตีได้สำเร็จเครื่องเหล่านั้นก็จะติดโทรจันนี้ไปด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากลิงก์ด้านล่าง
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• อ่านรายละเอียดจากเว็บไซต์ของ Eweek
• อ่านรายละเอียดจากเว็บไซต์ของ Trend Micro
The Italian job Trojan
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Monday, June 25, 2007
Windows SteadyState 1.0
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 25 ตุลาคม 2550
*ไมโครซอฟต์ได้ทำการอัพเดท Windows Steady State เป็นเวอร์ชัน 2.0 แล้ว สามารถอ่านรายละเอียดได้จาก Windows SteadyState v2.0
Download location:สามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Windows SteadyState 1.0 ได้จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ที่ Windows SteadyState หรือที่ http://www.microsoft.com/windows/products/winfamily/sharedaccess/install/default.mspx
การติดตั้ง Windows SteadyState 1.0
วิธีการติดตั้งโปรแกรม Windows SteadyState 1.0 นั้นตรงไปตรงมาไม่มีอะไรซับซ้อน โดยทำตามขั้นตอนดังนี้
1. ให้ดับเบิคคลิกที่ไฟล์ SteadyState_setup_ENU.exe ซึ่งจะได้หน้าต่าง Microsoft Software License Terms ดังรูปที่ 1 ให้คลิก I accept the license terms แล้วคลิก Next
รูปที่ 1. Microsoft Software License Terms
2. ในหน้า Microsft Windows Validation ดังรูปที่ 2 ให้คลิก Validate เพื่อทำการตรวจลิขสิทธิ์วินโดวส์กับไมโครซอฟท์ดังรูปที่ 3 หากตรวจสอบผ่านก็จะทำการติดตั้งดังรูปที่ 4
รูปที่ 2 Microsft Windows Validation
รูปที่ 3 Checking for Genuine Windows
รูปที่ 4. Preparing for Installation
3. เมื่อทำการติดตั้งแล้วเสร็จจะแสดงหน้า Installation success ดังรูปที่ 5 ให้คลิก Finish เพื่อจบการทำงาน
รูปที่ 5. Installation success
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
Windows SteadyState
มีอะไรใหม่ใน Windows SteadyState 1.0
Microsoft Shared Access
Keywords: Shared Computer Toolkit Windows SteadyState
© 2007 by dtplertkrai. All Rights Reserved
*ไมโครซอฟต์ได้ทำการอัพเดท Windows Steady State เป็นเวอร์ชัน 2.0 แล้ว สามารถอ่านรายละเอียดได้จาก Windows SteadyState v2.0
Download location:สามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Windows SteadyState 1.0 ได้จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ที่ Windows SteadyState หรือที่ http://www.microsoft.com/windows/products/winfamily/sharedaccess/install/default.mspx
การติดตั้ง Windows SteadyState 1.0
วิธีการติดตั้งโปรแกรม Windows SteadyState 1.0 นั้นตรงไปตรงมาไม่มีอะไรซับซ้อน โดยทำตามขั้นตอนดังนี้
1. ให้ดับเบิคคลิกที่ไฟล์ SteadyState_setup_ENU.exe ซึ่งจะได้หน้าต่าง Microsoft Software License Terms ดังรูปที่ 1 ให้คลิก I accept the license terms แล้วคลิก Next
รูปที่ 1. Microsoft Software License Terms
2. ในหน้า Microsft Windows Validation ดังรูปที่ 2 ให้คลิก Validate เพื่อทำการตรวจลิขสิทธิ์วินโดวส์กับไมโครซอฟท์ดังรูปที่ 3 หากตรวจสอบผ่านก็จะทำการติดตั้งดังรูปที่ 4
รูปที่ 2 Microsft Windows Validation
รูปที่ 3 Checking for Genuine Windows
รูปที่ 4. Preparing for Installation
3. เมื่อทำการติดตั้งแล้วเสร็จจะแสดงหน้า Installation success ดังรูปที่ 5 ให้คลิก Finish เพื่อจบการทำงาน
รูปที่ 5. Installation success
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
Windows SteadyState
มีอะไรใหม่ใน Windows SteadyState 1.0
Microsoft Shared Access
Keywords: Shared Computer Toolkit Windows SteadyState
© 2007 by dtplertkrai. All Rights Reserved
Sunday, June 24, 2007
การลบโปรไฟล์ผู้ใช้ Windows ด้วยคำสั่ง Delprof.exe
คำสั่ง Delprof.exe นั้นจะอยู่ในชุดเครื่องมือ Resource Kit Tools ของ Windows Server 2003 สามารถทำงานได้บน Windows XP/2003 การใช้งานนั้นต้องทำการติดตั้งก่อน แล้วจากนั้นจึงทำการรันคำสั่ง delprof.exe จากคอมมานด์พร็อมพ์ในโฟลเดอร์ที่ติดตั้ง
Troubleshooting network's problem in Windows XP
แก้ไขล่าสุด: 18 มกราคม 2551
การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาระบบเน็ตเวิร์กใน Windows XP
การตรวจสอบระบบเน็ตเวิร์กและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นใน Windows XP นั้น โดยส่วนมากแล้วจะใช้คำสั่ง ping ซึ่งเป็นคำสั่งแบบ Command Line โดยจะต้องทำการรันจาก Commnad prompt
ตัวอย่างการตรวจสอบ
สมมุติว่าระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียดดังนี้
-เครื่องเรามี IP Address = 192.168.1.10
-เครื่องข้างเคียง IP Address = 192.168.1.11
-ค่า Default gateway = 192.168.1.254
-ค่า DNS server = 202.2.1.100
1. ทำการ ping ตัวเองดังนี้
C:\>ping 192.168.1.10
-หากได้ Reply from 192.168.1.10: bytes=32 time<1ms TTL=128 แปลว่าการทำงานถูกต้อง
-หากได้เป็นอย่างอื่น ให้ตรวจสอบการตั้งค่า IP address หรือ Driver ของการ์ดแลน
2. ทำการ ping เครื่องใกล้เคียงบนเครือข่ายเดียวกันดังนี้
C:\>ping 192.168.1.11
- หากได้ Reply from 192.168.1.11: bytes=32 time<1ms TTL=128 แปลว่าการทำงานถูกต้อง
- หากได้คำตอบ Request time out: แปลว่าการทำงานไม่ถูกต้องให้ตรวจสอบระบบเครือข่าย
3. ทำการ ping ไปยัง Default gateway ดังนี้
C:\>ping 192.168.1.254
- หากได้ Reply from 192.168.1.254: bytes=32 time<1ms TTL=128 แปลว่าการทำงานถูกต้อง
- หากได้คำตอบ Request time out: แปลว่าการทำงานไม่ถูกต้องให้ตรวจสอบระบบเครือข่าย (บางครั้งอาจเกิดจากผู้ดูแลระบบเครือข่ายคอนฟิกอุปกรณ์ Gateway ไม่ให้ตอบกับการ ping)
6.4 ทำการ ping เครื่อง DNS server ดังนี้
C:\>ping 202.2..1.100
- หากได้ Reply from 202.2.1.100: bytes=32 time<1ms TTL=128 แปลว่าการทำงานถูกต้อง
- หากได้คำตอบ Request time out: แปลว่าการทำงานไม่ถูกต้องให้ตรวจสอบกับผู้ดูแลระบบเครือข่าย
วิธีการเปิด Command prompt
1. คลิกเม้าส์ที่ Start>All Programs>Accessories>Command Prompt
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
การตั้งค่า IP Address ใน Windows XP http://thaiwinadmin.blogspot.com/2007/06/ip-address-configuration-in-windows-xp.html
Keywords: Networks problem
© 2007 dtplertkrai. Allrights Reserved
การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาระบบเน็ตเวิร์กใน Windows XP
การตรวจสอบระบบเน็ตเวิร์กและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นใน Windows XP นั้น โดยส่วนมากแล้วจะใช้คำสั่ง ping ซึ่งเป็นคำสั่งแบบ Command Line โดยจะต้องทำการรันจาก Commnad prompt
ตัวอย่างการตรวจสอบ
สมมุติว่าระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียดดังนี้
-เครื่องเรามี IP Address = 192.168.1.10
-เครื่องข้างเคียง IP Address = 192.168.1.11
-ค่า Default gateway = 192.168.1.254
-ค่า DNS server = 202.2.1.100
1. ทำการ ping ตัวเองดังนี้
C:\>ping 192.168.1.10
-หากได้ Reply from 192.168.1.10: bytes=32 time<1ms TTL=128 แปลว่าการทำงานถูกต้อง
-หากได้เป็นอย่างอื่น ให้ตรวจสอบการตั้งค่า IP address หรือ Driver ของการ์ดแลน
2. ทำการ ping เครื่องใกล้เคียงบนเครือข่ายเดียวกันดังนี้
C:\>ping 192.168.1.11
- หากได้ Reply from 192.168.1.11: bytes=32 time<1ms TTL=128 แปลว่าการทำงานถูกต้อง
- หากได้คำตอบ Request time out: แปลว่าการทำงานไม่ถูกต้องให้ตรวจสอบระบบเครือข่าย
3. ทำการ ping ไปยัง Default gateway ดังนี้
C:\>ping 192.168.1.254
- หากได้ Reply from 192.168.1.254: bytes=32 time<1ms TTL=128 แปลว่าการทำงานถูกต้อง
- หากได้คำตอบ Request time out: แปลว่าการทำงานไม่ถูกต้องให้ตรวจสอบระบบเครือข่าย (บางครั้งอาจเกิดจากผู้ดูแลระบบเครือข่ายคอนฟิกอุปกรณ์ Gateway ไม่ให้ตอบกับการ ping)
6.4 ทำการ ping เครื่อง DNS server ดังนี้
C:\>ping 202.2..1.100
- หากได้ Reply from 202.2.1.100: bytes=32 time<1ms TTL=128 แปลว่าการทำงานถูกต้อง
- หากได้คำตอบ Request time out: แปลว่าการทำงานไม่ถูกต้องให้ตรวจสอบกับผู้ดูแลระบบเครือข่าย
วิธีการเปิด Command prompt
1. คลิกเม้าส์ที่ Start>All Programs>Accessories>Command Prompt
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
การตั้งค่า IP Address ใน Windows XP http://thaiwinadmin.blogspot.com/2007/06/ip-address-configuration-in-windows-xp.html
Keywords: Networks problem
© 2007 dtplertkrai. Allrights Reserved
Saturday, June 23, 2007
How To Reset Windows XP Administrator Password?
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 8 ก.ค. 52
การรีเซต Administrator password ใน Windows XP
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
การแก้ไขปัญหาเมื่อลืมรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ (Administrator password) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows XP นั้น มีหลายวิธี เช่น การใช้ password reset disk ในกรณีที่ได้ทำการสร้าง password reset disk ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการรีเซตรหัสผ่านเก็บไว้ โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ที่ How to log on to Windows XP if you forget your password แต่ถ้าหากไม่ได้ทำ password reset disk เก็บไว้ ก็ยังมีวิธีการการแก้ไขแบบอื่นๆ อีก 2 วิธี ด้วยกัน คือ วิธีที่ 1. ทำการถอดรหัส Administrator password และวิธีที่ 2. ทำการรีเซต, เคลียร์ หรือ ลบ Administrator password ซึ่งทั้ง 2 วิธีที่กล่าวมานี้ จากประสบการณ์ที่เคยลองทำนะครับส่วนมากจะใช้ได้ผล โดยอาจต้องใช้โปรแกรมเครื่องมือต่างๆ เช่น Hiren Bootcd เป็นต้น และบางวิธีก็อาจต้องใช้กำลังเข้าช่วยนิดหน่อย โดยแต่ละวิธี มีรายละเอียดตามด้านล่างครับ
แบบที่ 1. ทำการถอดรหัสรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ (Decode Administrator password)
การถอดรหัส หรือ Crack รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบนั้น จะต้องใช้โปรแกรมพิเศษในการทำ เช่น OPHCRACK LiveCD, LC5, Passware Password Kit, หรือ John The Ripper เป็นต้น วิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง แต่มีข้อเสียคือหากมีการตั้งรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบแบบซับซ้อนมากๆ อาจใช้เวลาในการถอดรหัสนานมาก หรืออาจไม่ได้ผลเลยก็ได้ โดยมีวิธีการคร่าวๆ ดังนี้ครับ
1. บูตเครื่องด้วยแผ่นบูต OPHCRACK LiveCD แล้วเลือกทำการถอดรหัส password ของ Administrator จะได้ผลหากรหัสผ่านไม่มีความซับซ้อนมากนัก
2. ถอดถอดฮาร์ดดิสก์แล้วนำไปพ่วงกับเครื่องอื่น แล้วทำการถอดรหัสรหัสผ่านของ Administrator ด้วยโปรแกรมถอดรหัส เช่น LC5 หรือ Passware Password Kit ซึ่งจะได้ผลหากรหัสผ่านไม่มีความซับซ้อนมากนัก
แบบที่ 2. ทำการรีเซต, เคลียร์ หรือ ลบ รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ (Reset Administrator password)
การรีเซต, เคลียร์ หรือ ลบ รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ จะต้องใช้โปรแกรมพิเศษในการทำ เช่น Hirens BootCD, Windows PE หรือ WINTERNAL ADMINPAK เป็นต้น วิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน แต่มีข้อดีใช้กับระบบที่มีการตั้งรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบแบบซับซ้อนมากๆ ได้ผลดี ข้อเสียคือรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบจะถูกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หรือระบบยูสเซอร์ของระบบวินโดวส์จะถูกเปลี่ยนแปลงได้ โดยมีวิธีการคร่าวๆ ดังนี้ครับ
1. บูตเครื่องด้วยแผ่น Windows PE / WINTERNAL ADMINPAK หรือถอดฮาร์ดดิสก์แล้วนำไปพ่วงกับเครื่องอื่น แล้วทำการ ก็ก็อปปี้ไฟล์ SAM ซึ่งจะอยู่ในWindows\Repair ไปทับไฟล์ SAM ที่อยูในWindows\System32\config วิธีการนี้ยูสเซอร์ปัจจุบันของระบบวินโดวส์จะหายไป และ Amdinistrator จะไม่มีรหัสผ่าน (เคยทดลองแล้วได้ผลทั้งบน Windows XP SP1 และ SP2 แต่ไม่ทุกครั้ง คิดว่าขึ้นอยู่กับการติดตั้ง หากมีการตั้งรหัสผ่านให้กับ Administrator ไว้ก็จะใช้ไม่ได้ผล)
2. บูตเครื่องด้วยแผ่น Hiren BootCD แล้วทำการรีเซตรหัสผ่านของ Amdinistrator ซึ่งจะทำให้สามารถล็อกออนเข้าวินโดวส์ด้วยแอคเคาท์ Administrator โดยไม่มีรหัสผ่าน
สำหรับวิธีและขั้นตอนการทำโดยละเอียดขนั้น จะนำมาโพสให้อ่านกันในโอกาสต่อๆ ไปครับ
หมายเหตุ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำวิธีการในการแก้ไขปัญหาเมื่อท่านลืมรหัสผ่านของผู้ดูและระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ท่านเองเท่านั้น ขอให้ทุกท่านนำใช้งานด้วยความระมัดระวัง และใช้ในทางที่ถูกกฏหมาย ศีลธรรมและคุณธรรมนะครับ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• How to log on to Windows XP if you forget your password
• Download Hiren's BootCD 9.9
Reset Windows XP Administrator password forget password
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
การรีเซต Administrator password ใน Windows XP
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
การแก้ไขปัญหาเมื่อลืมรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ (Administrator password) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows XP นั้น มีหลายวิธี เช่น การใช้ password reset disk ในกรณีที่ได้ทำการสร้าง password reset disk ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการรีเซตรหัสผ่านเก็บไว้ โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ที่ How to log on to Windows XP if you forget your password แต่ถ้าหากไม่ได้ทำ password reset disk เก็บไว้ ก็ยังมีวิธีการการแก้ไขแบบอื่นๆ อีก 2 วิธี ด้วยกัน คือ วิธีที่ 1. ทำการถอดรหัส Administrator password และวิธีที่ 2. ทำการรีเซต, เคลียร์ หรือ ลบ Administrator password ซึ่งทั้ง 2 วิธีที่กล่าวมานี้ จากประสบการณ์ที่เคยลองทำนะครับส่วนมากจะใช้ได้ผล โดยอาจต้องใช้โปรแกรมเครื่องมือต่างๆ เช่น Hiren Bootcd เป็นต้น และบางวิธีก็อาจต้องใช้กำลังเข้าช่วยนิดหน่อย โดยแต่ละวิธี มีรายละเอียดตามด้านล่างครับ
แบบที่ 1. ทำการถอดรหัสรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ (Decode Administrator password)
การถอดรหัส หรือ Crack รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบนั้น จะต้องใช้โปรแกรมพิเศษในการทำ เช่น OPHCRACK LiveCD, LC5, Passware Password Kit, หรือ John The Ripper เป็นต้น วิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง แต่มีข้อเสียคือหากมีการตั้งรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบแบบซับซ้อนมากๆ อาจใช้เวลาในการถอดรหัสนานมาก หรืออาจไม่ได้ผลเลยก็ได้ โดยมีวิธีการคร่าวๆ ดังนี้ครับ
1. บูตเครื่องด้วยแผ่นบูต OPHCRACK LiveCD แล้วเลือกทำการถอดรหัส password ของ Administrator จะได้ผลหากรหัสผ่านไม่มีความซับซ้อนมากนัก
2. ถอดถอดฮาร์ดดิสก์แล้วนำไปพ่วงกับเครื่องอื่น แล้วทำการถอดรหัสรหัสผ่านของ Administrator ด้วยโปรแกรมถอดรหัส เช่น LC5 หรือ Passware Password Kit ซึ่งจะได้ผลหากรหัสผ่านไม่มีความซับซ้อนมากนัก
แบบที่ 2. ทำการรีเซต, เคลียร์ หรือ ลบ รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ (Reset Administrator password)
การรีเซต, เคลียร์ หรือ ลบ รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ จะต้องใช้โปรแกรมพิเศษในการทำ เช่น Hirens BootCD, Windows PE หรือ WINTERNAL ADMINPAK เป็นต้น วิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน แต่มีข้อดีใช้กับระบบที่มีการตั้งรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบแบบซับซ้อนมากๆ ได้ผลดี ข้อเสียคือรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบจะถูกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หรือระบบยูสเซอร์ของระบบวินโดวส์จะถูกเปลี่ยนแปลงได้ โดยมีวิธีการคร่าวๆ ดังนี้ครับ
1. บูตเครื่องด้วยแผ่น Windows PE / WINTERNAL ADMINPAK หรือถอดฮาร์ดดิสก์แล้วนำไปพ่วงกับเครื่องอื่น แล้วทำการ ก็ก็อปปี้ไฟล์ SAM ซึ่งจะอยู่ใน
2. บูตเครื่องด้วยแผ่น Hiren BootCD แล้วทำการรีเซตรหัสผ่านของ Amdinistrator ซึ่งจะทำให้สามารถล็อกออนเข้าวินโดวส์ด้วยแอคเคาท์ Administrator โดยไม่มีรหัสผ่าน
สำหรับวิธีและขั้นตอนการทำโดยละเอียดขนั้น จะนำมาโพสให้อ่านกันในโอกาสต่อๆ ไปครับ
หมายเหตุ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำวิธีการในการแก้ไขปัญหาเมื่อท่านลืมรหัสผ่านของผู้ดูและระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ท่านเองเท่านั้น ขอให้ทุกท่านนำใช้งานด้วยความระมัดระวัง และใช้ในทางที่ถูกกฏหมาย ศีลธรรมและคุณธรรมนะครับ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• How to log on to Windows XP if you forget your password
• Download Hiren's BootCD 9.9
Reset Windows XP Administrator password forget password
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
How to disable password expiration in Windows XP
วิธีการกำหนดให้รหัสผ่านของยูเซอร์ไม่มีวันหมดอายุบน Windows XP
โดยดีฟอลท์นั้น Windows XP จะทำการตั้งค่าใน Password Policy ให้รหัสผ่านของยูเซอร์ต้องหมดอายุในทุกๆ 42 วัน และ Windows XP จะเริ่มแจ้งเตือนให้ทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน 14 วันก่อนที่มันจะหมดอายุ ในระหว่าง 14 วันนั้น ยูเซอร์สามารถเลือกได้ว่าจะทำการเปลี่ยนรหัสผ่านเลยหรือว่าจะทำการเปลี่ยนในภายหลัง แต่เมื่อเลย 14 วันไปแล้วระบบจะบังคับให้ยูเซอร์ต้องทำการเปลี่ยนในทันที
การกำหนดนโยบายแบบนี้มีเหตุผลมาจากเรื่องความปลอดภัยของระบบ นั้นคือการเปลี่ยนรหัสผ่านสม่ำเสมอหรือบ่อยๆ จะลดโอกาสการถูกโจมตีจาก Hacker ลงได้ แต่อาจเกิดปัญหากับยูเซอร์ได้ คืออาจจะรำคาญที่ต้องเปลี่ยนรหัสในทุกๆ 42 วัน หรือบางครั้งจำรหัสผ่านไม่ได้ หรือในกรณีที่เลวร้ายขึ้นไปอีกถ้ายูเซอร์กลัวจำไม่ได้จึงทำการเขียนรหัสผ่านแปะไว้ที่โต๊ะทำงานซะเลย (ซึ่งเหมือนการล็อกกุญแจแต่ใส่ลูกกุญแจคาไว้)
ทางแก้ไขปัญหานี้ทำได้ไม่ยาก โดยมีขั้นตอนดังนี้
ถึงตอนนี้ระหัสผ่านของยูเซอร์ก็จะไม่มีวันหมดอายุ
หมายเหตุ
แนะนำำให้ทำกับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่บ้าน หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องความปลอดภัยมากนัก อย่างไรก็แล้วแต่จะเป็นการปลอดภัยกว่าหากเราทำการเปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
โดยดีฟอลท์นั้น Windows XP จะทำการตั้งค่าใน Password Policy ให้รหัสผ่านของยูเซอร์ต้องหมดอายุในทุกๆ 42 วัน และ Windows XP จะเริ่มแจ้งเตือนให้ทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน 14 วันก่อนที่มันจะหมดอายุ ในระหว่าง 14 วันนั้น ยูเซอร์สามารถเลือกได้ว่าจะทำการเปลี่ยนรหัสผ่านเลยหรือว่าจะทำการเปลี่ยนในภายหลัง แต่เมื่อเลย 14 วันไปแล้วระบบจะบังคับให้ยูเซอร์ต้องทำการเปลี่ยนในทันที
การกำหนดนโยบายแบบนี้มีเหตุผลมาจากเรื่องความปลอดภัยของระบบ นั้นคือการเปลี่ยนรหัสผ่านสม่ำเสมอหรือบ่อยๆ จะลดโอกาสการถูกโจมตีจาก Hacker ลงได้ แต่อาจเกิดปัญหากับยูเซอร์ได้ คืออาจจะรำคาญที่ต้องเปลี่ยนรหัสในทุกๆ 42 วัน หรือบางครั้งจำรหัสผ่านไม่ได้ หรือในกรณีที่เลวร้ายขึ้นไปอีกถ้ายูเซอร์กลัวจำไม่ได้จึงทำการเขียนรหัสผ่านแปะไว้ที่โต๊ะทำงานซะเลย (ซึ่งเหมือนการล็อกกุญแจแต่ใส่ลูกกุญแจคาไว้)
ทางแก้ไขปัญหานี้ทำได้ไม่ยาก โดยมีขั้นตอนดังนี้
- คลิกที่ Start คลิก All Programs คลิก Administrative Tool คลิก Computer Management
- คลิกที่เครื่องหมาย + หน้า Local Users and Groups จากนั้นคลิกที่โฟลเดอร์ Users
- ดับเบิลคลิกที่ User ที่ต้องการ
- บนไดอะล็อก User Properties ในแท็บ General ให้คลิกที่เชคบ็อกซ์หน้าให้มีเครื่องหมายถูก Password Never Expires
- เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Apply และปุ่ม OK ตามลำดับเพื่อปิดไดอะล็อก User Properties หากต้องการให้รหัสผ่านของยูเซอร์อื่นๆ ไม่หมดอายุด้วย ก็ให้ทำตามขั้นตอนที่ 3-5 อีกครั้ง
- ทำการปิดหน้าต่าง Computer Management
ถึงตอนนี้ระหัสผ่านของยูเซอร์ก็จะไม่มีวันหมดอายุ
หมายเหตุ
แนะนำำให้ทำกับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่บ้าน หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องความปลอดภัยมากนัก อย่างไรก็แล้วแต่จะเป็นการปลอดภัยกว่าหากเราทำการเปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
- การรีเซ็ตรหัสผ่านของยูเซอร์ในวินโดวส์เอ็กซ์พี Reset user's password in Windows XP
- การสร้างยูเซอร์ใหม่ในวินโดวส์เอ็กซ์พี Create new user in Windows XP
- การสร้างยูเซอร์ใหม่จากคอมมานด์พร็อมพ์ี Create new user from command prompt
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Friday, June 22, 2007
Microsoft Virtual PC Licensing
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 4 กันยายน 2550
ไลเซนส์การใช้งาน Microsoft Virtual PC 2007
Microsoft Virtual PC 2007 นั้น ทางไมโครซอฟต์ ได้ให้ผู้ใช่ทั่วไป สามารถที่จะทำการดาวน์โหลด และใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นั้นคือ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเสี่ยค่าใชจ่ายเรื่อง License ของตัวโปรแกรม Microsoft Virtual PC แต่อย่างไรก็ตาม ในการนำใช้งานจริงนั้น ผู้ใช้จำเป็นต้องมี License ของระบบปฏิบัติการ Guest OS ที่จะนำมาติดตั้งใช้งาน บนระบบ Virtual Machine ที่สร้างขึ้นบน Microsoft Virtual PC เหมือนกับการติดตั้งระบบปฏิบัติการ บนเเครื่องคอมพิวเตอร์จริงๆ เครื่องหนึ่ง โดยราคาและค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ต้องเสียนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ต้องการติดตั้งใช้งาน เช่น ถ้าเป็น Windows XP ก็มีราคาตั้งแต่พันบาทจนถึงหมื่นกว่าบาท (นั้นคือหากคุณติดตั้ง Windows XP คุณก็ต้องทำการ Activate ด้วยเช่นกัน) แต่หากใช้ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่อง License และสำหรับการใช้งานซอฟต์แวร์อื่นๆ บนระบบ Virtual Machine นั้น ก็จะเหมือนกันกับการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์จริงๆ ทุกประการ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Microsoft Virtual PC 2007
Virtual Machine Additions
Microsoft Virtual PC 2007 1/4 Installation
Microsoft Virtual PC 2007 2/4 Create New Virtual Machine
Microsoft Virtual PC 2007 3/4 Virtual machine settings
Microsoft Virtual PC 2007 4/4 Windows XP as Guest OS
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
ไลเซนส์การใช้งาน Microsoft Virtual PC 2007
Microsoft Virtual PC 2007 นั้น ทางไมโครซอฟต์ ได้ให้ผู้ใช่ทั่วไป สามารถที่จะทำการดาวน์โหลด และใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นั้นคือ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเสี่ยค่าใชจ่ายเรื่อง License ของตัวโปรแกรม Microsoft Virtual PC แต่อย่างไรก็ตาม ในการนำใช้งานจริงนั้น ผู้ใช้จำเป็นต้องมี License ของระบบปฏิบัติการ Guest OS ที่จะนำมาติดตั้งใช้งาน บนระบบ Virtual Machine ที่สร้างขึ้นบน Microsoft Virtual PC เหมือนกับการติดตั้งระบบปฏิบัติการ บนเเครื่องคอมพิวเตอร์จริงๆ เครื่องหนึ่ง โดยราคาและค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ต้องเสียนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ต้องการติดตั้งใช้งาน เช่น ถ้าเป็น Windows XP ก็มีราคาตั้งแต่พันบาทจนถึงหมื่นกว่าบาท (นั้นคือหากคุณติดตั้ง Windows XP คุณก็ต้องทำการ Activate ด้วยเช่นกัน) แต่หากใช้ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่อง License และสำหรับการใช้งานซอฟต์แวร์อื่นๆ บนระบบ Virtual Machine นั้น ก็จะเหมือนกันกับการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์จริงๆ ทุกประการ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Microsoft Virtual PC 2007
Virtual Machine Additions
Microsoft Virtual PC 2007 1/4 Installation
Microsoft Virtual PC 2007 2/4 Create New Virtual Machine
Microsoft Virtual PC 2007 3/4 Virtual machine settings
Microsoft Virtual PC 2007 4/4 Windows XP as Guest OS
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
How to change a user's picture in Windows XP
การเปลี่ยนภาพสัญลักษณ์ของยูเซอร์บน Windows XP
สำหรับยูเซอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP นั้น เมื่อทำการสร้างยูเซอร์เพิ่มขึ้นมาในระบบก็จะมีภาพสัญญลักษณ์กำหนดให้กับยูเซอร์ที่สร้างขึ้น โดยดีฟอลท์แล้วจะมีภาพให้เลือกประมาณ 20 กว่าภาพ แต่หากเราไม่ต้องการใช้ภาพที่มีมาให้ในวินโดวส์ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ตามวิธีการดังนี้
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
สำหรับยูเซอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP นั้น เมื่อทำการสร้างยูเซอร์เพิ่มขึ้นมาในระบบก็จะมีภาพสัญญลักษณ์กำหนดให้กับยูเซอร์ที่สร้างขึ้น โดยดีฟอลท์แล้วจะมีภาพให้เลือกประมาณ 20 กว่าภาพ แต่หากเราไม่ต้องการใช้ภาพที่มีมาให้ในวินโดวส์ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ตามวิธีการดังนี้
- คลิก Start คลิก Control Panel
- ในหน้าต่าง Control Panel ให้ดับเบิลคลิกที่ User Accounts applet
- ในหน้าต่าง User Accounts ให้คลิกเลือก User ที่ต้องการ
- ในหน้าต่างถัดไปให้คลิกที่ Change the Picture
- ในหน้าต่างถัดไปให้คลิก Browse For More Pictures แล้วท่องไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บภาพ จากนั้นคลิกเลือกภาพที่ต้องการ
- ปิดหน้าต่าง User Accounts แล้วปิดหน้าต่าง Control Panel เพียงเท่านี้ก็จะได้ภาพสัญลักษณ์ตามที่ต้องการแล้ว
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
How to create keyboard shortcuts in Windows XP
การสร้างคีย์ลัดของโปรแกรมบน Windows XP
ในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ WIndows XP นั้นเราสามารถสร้างคีย์ลัด (Keyboard shortcut) สำหรับใช้เรียกโปรแกรมที่ต้องการได้ ซึ่งจะ้ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรันโปรแกรมได้ โดยลักษณะการทำงาน คือ ทำการกำหนดว่าเมื่อทำการกดปุ่มคีย์บอร์ดตามที่กำหนดในเวลาเดียวกัน (2-3 ปุ่ม) Windows จะทำการรันโปรแกรมตามที่เรากำหนดไว้
สำหรับวิธีการสร้างคีย์ลัดสำหรับใช้เรียกโปรแกรมมีขั้นตอนดังนี้
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
ในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ WIndows XP นั้นเราสามารถสร้างคีย์ลัด (Keyboard shortcut) สำหรับใช้เรียกโปรแกรมที่ต้องการได้ ซึ่งจะ้ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรันโปรแกรมได้ โดยลักษณะการทำงาน คือ ทำการกำหนดว่าเมื่อทำการกดปุ่มคีย์บอร์ดตามที่กำหนดในเวลาเดียวกัน (2-3 ปุ่ม) Windows จะทำการรันโปรแกรมตามที่เรากำหนดไว้
สำหรับวิธีการสร้างคีย์ลัดสำหรับใช้เรียกโปรแกรมมีขั้นตอนดังนี้
- คลิกขวาที่ีไอคอนของโปรแกรมที่ต้องการบน Start Menu หรือ Desktop แล้วเลือก Properties
- คลิกแท็บ Shortcut
- คลิกที่ช่อง Shortcut Key
- ทำการกดปุ่ม Ctrl หรือ Alt หรือ Shift ค้างไว้ แล้วกดปุ่มที่ต้องการใช้ในการเปิดโปรแกรม เช่น Ctrl +Alt + R
- เสร็จแล้วคลิก OK
- ทดลองใช้งานโดยทำการกดปุ่มที่กำหนดในขั้นตอนที่ 4 หากไม่มีอะไรผิดพลาด ระบบก็จะทำการเปิดโปรแกรมที่กำหนด หากมีข้อผิดพลาดให้ทำการตรวจสอบขั้นตอนต่างๆ ให้ถูกต้องอีกครั้ง
การสร้างคีย์ลัดสำหรับใช้เปิดโปรแกรม
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Thursday, June 21, 2007
การจัดระเบียบข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ด้วย Power Defragmenter
ปัญหาที่พบบ่อยบนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบวินโดวส์คือ เมื่อใช้ไปนานๆ ข้อมูลต่างๆ ก็จะถูกเก็บอย่างกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลช้าลงส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบลดลง นั้นคือ การทำงานงานโปรแกรมต่างๆ จะช้าลงตามไปด้วย วิธีการแก้ไขทำได้โดยทำการจัดเรียงข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์อย่างสม่ำเสมอ
Internet Connectivity Evaluation Tool
เครื่องมือทดสอบการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
Internet Connectivity Evaluation Tool เครื่องมือทดสอบการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสำหรับโฮมยูเซอร์ สามารถทำงานได้ทั้งบน Windows Vista และ Windows XP โดยโปรแกรมจะทำการทดสอบฟีเจอร์ของ Router เช่น ประเภทของ Network Address Translation ที่ใช้, ความคับคั่งของทราฟิก (Traffic Congestion), Performance, UPnP Support และ Multiple Simultanoeus Connection States สำหรับท่านที่สนใจสามารถเข้าไปทดลองใช้งานได้ที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ตาม url ด้านล่างครับ
เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ Internet Connectivity Evaluation Tool
• Internet Connectivity Evaluation Tool
Keywords: Internet Connectivity Evaluation Tool
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Internet Connectivity Evaluation Tool เครื่องมือทดสอบการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสำหรับโฮมยูเซอร์ สามารถทำงานได้ทั้งบน Windows Vista และ Windows XP โดยโปรแกรมจะทำการทดสอบฟีเจอร์ของ Router เช่น ประเภทของ Network Address Translation ที่ใช้, ความคับคั่งของทราฟิก (Traffic Congestion), Performance, UPnP Support และ Multiple Simultanoeus Connection States สำหรับท่านที่สนใจสามารถเข้าไปทดลองใช้งานได้ที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ตาม url ด้านล่างครับ
เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ Internet Connectivity Evaluation Tool
• Internet Connectivity Evaluation Tool
Keywords: Internet Connectivity Evaluation Tool
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
What's new in Windows SteadyState
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 25 ตุลาคม 2550
*ไมโครซอฟต์ได้ทำการอัพเดท Windows Steady State เป็นเวอร์ชัน 2.0 แล้ว สามารถอ่านรายละเอียดได้จาก Windows SteadyState 2.0
มีอะไรใหม่ใน Windows SteadyState
ไมโครซอฟต์ได้ออกชุดเครื่องมือชื่อ Windows SteadyState 1.0หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า Shared Computer Toolkit เพื่อช่วยเหลือยูสเซอร์ในการจัดการการแชร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP โดยได้ทำการปรับปรุงความสามารถและอินเทอร์เฟชใหม่ให้ดียิ่งขั้น
What's new
มีอะไรใหม่ใน Windows SteadyState 1.0
1. ส่วน Console สำหรับติดต่อกับผู้ใช้เป็นแท็ปลักษณะเหมือน IE7 ซึ่งช่วยให้การใช้งานทำได้ง่ายขึ้น
2. Windows Disk Protection จะทำงานในลักษณะ File-based ซึ่งจะไม่กระทบกับพาร์ติชัน
3. Windows Disk Protection รองรับการทำงานร่วมกับ Group Policy ทำให้สามารถควบคุมผ่านทาง Active Directory ได้
4. มีอ็อปชันการควบคุม Software ให้เลือกใช้งานเพิ่มมากขั้น
5. มีอ็อปชันการควบคุม User ให้เลือกใช้งานเพิ่มมากขั้น
6. การปรับแต่งระดับความปลอดภัยทำได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสามารถทำการส่งออกและนำเข้าการควบคุม User ได้จากหน้า Console ได้โดยตรง
7. ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Windows Update ให้ดีขึ้น โดยสามารถทำการอัพเดทการควบคุมใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
8. การติดตั้งทำได้ง่าย มีเอกสารครบถ้วนสำหรับให้ความช่วยเหลือยูเซอร์
9. ฟรีสำหรับผู้ที่ใช้ Windows ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง โดยต้องทำการ Validate ก่อนทำการติดตั้ง (อันนี้ผมเพิ่มขึ้นเองครับ)
ที่มา/แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• การติดตั้ง Windows SteadyState 1.0
• Microsfot Windows shared access
• What's new in Windows SteadyState
Keywords: Shared Computer Toolkit Windows SteadyState
© 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
*ไมโครซอฟต์ได้ทำการอัพเดท Windows Steady State เป็นเวอร์ชัน 2.0 แล้ว สามารถอ่านรายละเอียดได้จาก Windows SteadyState 2.0
มีอะไรใหม่ใน Windows SteadyState
ไมโครซอฟต์ได้ออกชุดเครื่องมือชื่อ Windows SteadyState 1.0หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า Shared Computer Toolkit เพื่อช่วยเหลือยูสเซอร์ในการจัดการการแชร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP โดยได้ทำการปรับปรุงความสามารถและอินเทอร์เฟชใหม่ให้ดียิ่งขั้น
What's new
มีอะไรใหม่ใน Windows SteadyState 1.0
1. ส่วน Console สำหรับติดต่อกับผู้ใช้เป็นแท็ปลักษณะเหมือน IE7 ซึ่งช่วยให้การใช้งานทำได้ง่ายขึ้น
2. Windows Disk Protection จะทำงานในลักษณะ File-based ซึ่งจะไม่กระทบกับพาร์ติชัน
3. Windows Disk Protection รองรับการทำงานร่วมกับ Group Policy ทำให้สามารถควบคุมผ่านทาง Active Directory ได้
4. มีอ็อปชันการควบคุม Software ให้เลือกใช้งานเพิ่มมากขั้น
5. มีอ็อปชันการควบคุม User ให้เลือกใช้งานเพิ่มมากขั้น
6. การปรับแต่งระดับความปลอดภัยทำได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสามารถทำการส่งออกและนำเข้าการควบคุม User ได้จากหน้า Console ได้โดยตรง
7. ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Windows Update ให้ดีขึ้น โดยสามารถทำการอัพเดทการควบคุมใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
8. การติดตั้งทำได้ง่าย มีเอกสารครบถ้วนสำหรับให้ความช่วยเหลือยูเซอร์
9. ฟรีสำหรับผู้ที่ใช้ Windows ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง โดยต้องทำการ Validate ก่อนทำการติดตั้ง (อันนี้ผมเพิ่มขึ้นเองครับ)
ที่มา/แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• การติดตั้ง Windows SteadyState 1.0
• Microsfot Windows shared access
• What's new in Windows SteadyState
Keywords: Shared Computer Toolkit Windows SteadyState
© 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Download Windows SteadyState 1.0
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 25 ตุลาคม 2550
*ไมโครซอฟต์ได้ทำการอัพเดท Windows Steady State เป็นเวอร์ชัน 2.0 แล้ว สามารถอ่านรายละเอียดได้จาก Windows SteadyState 2.0
ดาวน์โหลด Windows SteadyState 1.0
ไมโครซอฟต์ได้ออกชุดเครื่องมือชื่อ Windows SteadyState 1.0 หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า Shared Computer Toolkit เพื่อช่วยเหลือยูเซอร์ในการจัดการการแชร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏบัติการ Windows XP โดยเฉพาะ computer lab, Library และ Internet cafe ซึ่งมีผู้ใช้หลายคนใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ร่วมกัน
Windows SteadyState 1.0 จะช่วยให้การจัดการเครื่องคอมพิวเตอร์ทำได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และ ดีขึ้น ซึ่ง Microsoft ได้ทำการปรับปรุงความสามารถและอินเทอร์เฟชให้ดียิ่งขั้น สามารถทำงานบน Windows XP Professional, Windows XP Home และ Windows XP Tablet PC แต่อย่างก็ตาม การใช้งานนั้นมีให้เฉพาะผู้ใช้แบบ Windows Genuine Advantage เท่านั้น ซึ่งต้องทำการ Validate วินโดวส์ก่อน จึงจะสามารถทำการติดตั้งใช้งานได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Windows SteadyState v1.0
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
• มีอะไรใหม่ใน Windows SteadyState 1.0
• Microsoft Shared Access
• การติดตั้ง Windows SteadyState 1.0
Keywords: Shared Computer Toolkit Windows SteadyState
© 2007 by dtplertkrai. All Rights Reserved
*ไมโครซอฟต์ได้ทำการอัพเดท Windows Steady State เป็นเวอร์ชัน 2.0 แล้ว สามารถอ่านรายละเอียดได้จาก Windows SteadyState 2.0
ดาวน์โหลด Windows SteadyState 1.0
ไมโครซอฟต์ได้ออกชุดเครื่องมือชื่อ Windows SteadyState 1.0 หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า Shared Computer Toolkit เพื่อช่วยเหลือยูเซอร์ในการจัดการการแชร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏบัติการ Windows XP โดยเฉพาะ computer lab, Library และ Internet cafe ซึ่งมีผู้ใช้หลายคนใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ร่วมกัน
Windows SteadyState 1.0 จะช่วยให้การจัดการเครื่องคอมพิวเตอร์ทำได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และ ดีขึ้น ซึ่ง Microsoft ได้ทำการปรับปรุงความสามารถและอินเทอร์เฟชให้ดียิ่งขั้น สามารถทำงานบน Windows XP Professional, Windows XP Home และ Windows XP Tablet PC แต่อย่างก็ตาม การใช้งานนั้นมีให้เฉพาะผู้ใช้แบบ Windows Genuine Advantage เท่านั้น ซึ่งต้องทำการ Validate วินโดวส์ก่อน จึงจะสามารถทำการติดตั้งใช้งานได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Windows SteadyState v1.0
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
• มีอะไรใหม่ใน Windows SteadyState 1.0
• Microsoft Shared Access
• การติดตั้ง Windows SteadyState 1.0
Keywords: Shared Computer Toolkit Windows SteadyState
© 2007 by dtplertkrai. All Rights Reserved
Wednesday, June 20, 2007
ปิดหรือรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ Windows XP ด้วยคำสั่ง Shutdown
โดยทั่วไปเราจะทำการปิดหรือรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบ Windows XP โดยการคลิกปุ่ม Start จากนั้นคลิก Turn Off Computer แล้วเลือก Turn Off เพื่อปิดเครื่อง หรือ Restart เพื่อรีสตาร์ทเครื่อง นอกจากนี้เรายังสามารถใช้คำสั่ง shutdown.exe ตามวิธีการดังต่อไปนี้
Monday, June 18, 2007
Account Policies in Windows XP
การเปิดหน้าต่าง Account Policies ในระบบ Windows XP นั้นจะเรียกจาก Start>All Programs>Adminsitrative Tools>Local Security Policy โดยจะได้หน้าต่างโปรแกรมดังรูปที่ 1
นโยบายเกี่ยวกับยูสเซอร์ (Account Policies)
รูปที่ 1. Local Security Settings
Account Policies นั้นจะกำหนดรายละเอียดของยูสเซอร์ใน 2 อย่าง คือ Password Policy และ Account Lockout Policy
1. Password Policy
เป็นนโยบายที่กำหนดรายละเอียดของรหัสผ่าน มี 6 ข้อ คือ
- Enforce password history กำหนดจำนวนครั้งของการเปลี่ยนรหัสผ่าน ก่อนที่จะนำรหัสเก่ามาใช้ ค่าเริ่มต้นจะไม่ยังคับใช้
- Maximum password age กำหนดอายุสูงสุดของรหัสผ่านที่ใช้งานได้ก่อนที่จะต้องทำการเปลี่ยนรหัสใหม่ค่าเริ่มต้นเป็น 42 วัน
- Minimum password age กำหนดอายุต่ำสุดของรหัสผ่านก่อนที่จะอนุญาตให้เปลี่ยน ค่าเริ่มต้นจะไม่ยังคับใช้
- Minimum password length กำหนดความยาวต่ำสุดของรหัสผ่านที่อนุญาตให้ใช้ได้ ค่าเริ่มต้นจะไม่บังคับใช้
- Password must meet complexity requirement กำหนดให้รหัสผ่านต้องประกอบด้วย อักษรตัวเล็ก (a , b, c, …y, z) อักษรตัวใหญ่ (A, B, C, …Y, Z) อักษรพิเศษ (!, @, # , $, %, ^, &, *, (, ), _,+ และ ตัวเลข (1, 2, 3, ..9, 0) ค่าเริ่มต้นจะไม่บังคับใช้
- Store password using reversible encryption for all user in domain กำหนดให้เก็บรหัสผ่านที่สามารถถอดรหัสแบบย้อนกับได้ ค่าเริ่มต้นจะไม่บังคับใช้
รูปที่ 2. Password Policy
การกำหนด Password Policy
1. หากต้องการกำหนดค่า Password History ให้คลิกที่ Enforce password history แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 3. Enforce password histtory
2. หากต้องการกำหนดค่า Maximum password age ให้คลิกที่ Maximum password age แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 4. Maximum password age
3. หากต้องการกำหนดค่า Minimum password age ให้คลิกที่ Minimum password age แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 5. Minimum password age
4. หากต้องการกำหนดค่า Minimum password lenght ให้คลิกที่ Minimum password lenght แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 6. Minimum password lenght
5. หากต้องการกำหนดค่า Password must meet complexity requirement ให้คลิกที่ Password must meet complexity requirement แล้วเลิอก Enable
รูปที่ 7. Password must meet complexity requirement
6. หากต้องการกำหนดค่าให้ Store password using reversible encryption for all user in domain ให้คลิดที่ Store password using reversible encryption for all user in domain แล้วเลิอก Enable
รูปที่ 8. Store password using reversible encryption
2 Account Lockout Policy
เป็นนโยบายที่กำหนดรายละเอียดการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว มี 3 ข้อ คือ
- Account lockout duration ระยะเวลาเป็นนาทีที่ทำการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว
- Account lockout threshold จำนวนครั้งที่ทำการล็อกออนไม่ถูกต้องก่อนทำการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว
- Reset account lockout counter after ระยะเวลาเป็นนาทีที่ทำการยกเลิกการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว
รูปที่ 9.
การกำหนด Account Lockout Policy
1. ทำการกำหนดค่าจำนวนครั้งที่ทำการล็อกออนไม่ถูกต้องก่อนทำการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว โดยการคลิกที่ Account lockout threshold แล้วใส่ค่าที่ต้องการแล้วคลิก Apply
รูปที่ 10. Account lockout threshold
2. เมื่อทำการ Apply ระบบจะแสดงหน้าไดอะล็อกเพื่อให้กำหนดค่า Account lockout duration และ Reset account lockout counter after โดยค่าดีฟอลท์จะเป็น 30 นาที ให้คลิก OK
รูปที่ 11. Suggested Value Changes
3. เมื่อถึงขั้นตอนนี้ค่าของ Account lockout duration และ Reset account lockout counter after จะเป็น 30 นาทีตามค่าดีฟอลท์
รูปที่ 12. Lockout Policy
4. หากต้องการเปลี่ยนค่าให้ทำการดับเบิลคลิกที่ Account lockout duration แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 13. Account lockout duration
5. หากต้องการเปลี่ยนค่าให้ทำการดับเบิลคลิกที่ Reset account lockout counter after แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 14. Reset account lockout counter after
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
นโยบายเกี่ยวกับยูสเซอร์ (Account Policies)
รูปที่ 1. Local Security Settings
Account Policies นั้นจะกำหนดรายละเอียดของยูสเซอร์ใน 2 อย่าง คือ Password Policy และ Account Lockout Policy
1. Password Policy
เป็นนโยบายที่กำหนดรายละเอียดของรหัสผ่าน มี 6 ข้อ คือ
- Enforce password history กำหนดจำนวนครั้งของการเปลี่ยนรหัสผ่าน ก่อนที่จะนำรหัสเก่ามาใช้ ค่าเริ่มต้นจะไม่ยังคับใช้
- Maximum password age กำหนดอายุสูงสุดของรหัสผ่านที่ใช้งานได้ก่อนที่จะต้องทำการเปลี่ยนรหัสใหม่ค่าเริ่มต้นเป็น 42 วัน
- Minimum password age กำหนดอายุต่ำสุดของรหัสผ่านก่อนที่จะอนุญาตให้เปลี่ยน ค่าเริ่มต้นจะไม่ยังคับใช้
- Minimum password length กำหนดความยาวต่ำสุดของรหัสผ่านที่อนุญาตให้ใช้ได้ ค่าเริ่มต้นจะไม่บังคับใช้
- Password must meet complexity requirement กำหนดให้รหัสผ่านต้องประกอบด้วย อักษรตัวเล็ก (a , b, c, …y, z) อักษรตัวใหญ่ (A, B, C, …Y, Z) อักษรพิเศษ (!, @, # , $, %, ^, &, *, (, ), _,+ และ ตัวเลข (1, 2, 3, ..9, 0) ค่าเริ่มต้นจะไม่บังคับใช้
- Store password using reversible encryption for all user in domain กำหนดให้เก็บรหัสผ่านที่สามารถถอดรหัสแบบย้อนกับได้ ค่าเริ่มต้นจะไม่บังคับใช้
รูปที่ 2. Password Policy
การกำหนด Password Policy
1. หากต้องการกำหนดค่า Password History ให้คลิกที่ Enforce password history แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 3. Enforce password histtory
2. หากต้องการกำหนดค่า Maximum password age ให้คลิกที่ Maximum password age แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 4. Maximum password age
3. หากต้องการกำหนดค่า Minimum password age ให้คลิกที่ Minimum password age แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 5. Minimum password age
4. หากต้องการกำหนดค่า Minimum password lenght ให้คลิกที่ Minimum password lenght แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 6. Minimum password lenght
5. หากต้องการกำหนดค่า Password must meet complexity requirement ให้คลิกที่ Password must meet complexity requirement แล้วเลิอก Enable
รูปที่ 7. Password must meet complexity requirement
6. หากต้องการกำหนดค่าให้ Store password using reversible encryption for all user in domain ให้คลิดที่ Store password using reversible encryption for all user in domain แล้วเลิอก Enable
รูปที่ 8. Store password using reversible encryption
2 Account Lockout Policy
เป็นนโยบายที่กำหนดรายละเอียดการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว มี 3 ข้อ คือ
- Account lockout duration ระยะเวลาเป็นนาทีที่ทำการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว
- Account lockout threshold จำนวนครั้งที่ทำการล็อกออนไม่ถูกต้องก่อนทำการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว
- Reset account lockout counter after ระยะเวลาเป็นนาทีที่ทำการยกเลิกการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว
รูปที่ 9.
การกำหนด Account Lockout Policy
1. ทำการกำหนดค่าจำนวนครั้งที่ทำการล็อกออนไม่ถูกต้องก่อนทำการปิดใช้งานยูสเซอร์ชั่วคราว โดยการคลิกที่ Account lockout threshold แล้วใส่ค่าที่ต้องการแล้วคลิก Apply
รูปที่ 10. Account lockout threshold
2. เมื่อทำการ Apply ระบบจะแสดงหน้าไดอะล็อกเพื่อให้กำหนดค่า Account lockout duration และ Reset account lockout counter after โดยค่าดีฟอลท์จะเป็น 30 นาที ให้คลิก OK
รูปที่ 11. Suggested Value Changes
3. เมื่อถึงขั้นตอนนี้ค่าของ Account lockout duration และ Reset account lockout counter after จะเป็น 30 นาทีตามค่าดีฟอลท์
รูปที่ 12. Lockout Policy
4. หากต้องการเปลี่ยนค่าให้ทำการดับเบิลคลิกที่ Account lockout duration แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 13. Account lockout duration
5. หากต้องการเปลี่ยนค่าให้ทำการดับเบิลคลิกที่ Reset account lockout counter after แล้วใส่ค่าที่ต้องการ
รูปที่ 14. Reset account lockout counter after
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Saturday, June 16, 2007
Using CCleaner Step by Step
แก้ไขล่าสุด: 19 มกราคม 2551
เวอร์ชันอัพเดท
CCleaner 2.26.1050 (26 พ.ย. 2552) อ่านรายละเอียดที่ Download Free CCleaner 2.26.1050
การใช้งานโปรแกรม CCleaner Step by Step
การใช้งานคอมพิวเตอร์ในงานต่างๆ นั้น วินโดวส์จะทำการสร้างไฟล์ต่างๆ ซึ่งเรียกว่า Temporary File หลังจากทำการปิดโปรแกรมไฟล์เหล่านั้นก็จะถูกลบไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งนั้นไฟล์เหล่านี้บางตัวยังคงค้างอยู่บนฮาร์ดดิสก์ ซึ่งนอกจากจะเปลืองพื้นที่ยนฮาร์ดดิสก์แล้ว ยังทำให้การทำงานช้าลงอีกด้วย
การลบไฟล์ต่างๆ ที่ยังคงค้างอยู่บนฮาร์ดดิสก์นั้น ผู้ใช้จะต้องทำการลบด้วยตนเองแต่จะยุ่งยากและใช้เวลา แต่หากใช้โปรแกรมเครื่องมือช่วยในการทำงานดังกล่าวแทนจะสะดวกมากกว่า และยิ่งจะดีขึ้นไปอีกถ้าโปรแกรมที่ว่านั้นให้ใช้งานกันฟรีๆ โปรแกรมที่น่าจะเป็นคำตอบของคำถามนี้ คือ CCleaner ครับ ซึ่งเป็นมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาครบถ้วน
ทำความรู้จัก CCleaner
CCleaner นั้นเป็นโปรแกรมทำความสะอาดไฟล์ขยะและไฟล์ชั่วคราวต่างๆ ของวินโดวส์ ซึ่งพัฒนาโดยทีมพัฒนาของ Periform Limited ในประเทศอังกฤษ
CCleaner เป็นซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ใช้งานกันฟรีๆ ซึ่งมีการดาวน์โหลดไปใช้งานกันเป็นจำนวนถึงกว่า 110 ล้านครั้งนับถึงเดือนมกราคม 2551 (จาก 65 ล้านครั้ง เมื่อเดือนมิถุนายน 2550 ) สำหรับเวอร์ชันในขณะนี้ (17 มิถุยายน 2550) เป็นเวอร์ชัน 1.10.520 ท่านใดสนใจสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ Ccleaner.com เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ขั้นตอนการติดตั้งนั้นก็ง่ายๆ ตรงไปตรงมาโดยให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ ccsetup140.exe แล้วทำตามคำสั่งบนจอภาพจนแล้วเสร็จ
Install CCleaner
เมื่อทำการดาวน์โหลดโปรแกรมเสร็จแล้ว ก็เริ่มติดตั้งกันเลย
1. ให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ ccsetup1xx.exe ที่ดาวน์โหลดมา (xx เป็นเวอร์ชัน = 39 หรือ 40 แล้วแต่ว่าดาวน์โหลดตัวไหนมา แนะนำให้ใช้ตัวใหม่ที่สุดครับ)จะได้ดังรูปที่ 1
2. จากรูปที่ 1 ให้เลือกติดตั้งเป็นภาษาอังกฤษ แล้วคลิก OK
รูปที่ 1 Installer Language
3. ในหน้า Ccleaner v1.xx setup ดังรูปที่ 2 ให้คลิก Next
รูปที่ 2. ccleaner v1.xx setup
4.ในหน้า License Agreement ดังรูปที่ 3 ให้คลิก I Agree
รูปที่ 3. License Agreement
5. ในหน้า Choose Install Location ดังรูปที่ 4 ให้คลิก Next
รูปที่ 4. Choose Install Location
6. ในหน้า Install Options ดังรูปที่ 5 ให้เลือกอ็อปชันที่ต้องการ เสร็จแล้วคลิก Install
รูปที่ 5. Install Options
7. ในหน้า Completing the CCleaner v1.xx Setup Wizard ดัวรูปที่ 6 ให้คลิก Finish
รูปที่ 6. Completing the CCleaner v1.xx Setup Wizard
เริ่มต้นใช้งาน CCleaner
เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม CCleaner เสร็จแล้วก็เริ่มต้นใช้งานกันเลย
1. ทำการเปิดโปรแกรมโดยการดับเบิลคลิกที่ชอร์ตคัท Ccleaner บนเดสก์ท็อป ซึ่งจะได้หน้าต่างเริ่มต้นโปรแกรม CCleaner ดังรูปที่ 7 ซึ่งเป็นหน้าการตั้งค่าการลบไฟล์ต่างๆ ของวินโดวส์ ซึ่งมี 4 หัวข้อ คือ Internet Explorer, Windows Explorer, System และ Advanced โดยในหน้านีให้เราเลือกค่าที่ต้องการลบตามความต้องการ
รูปที่ 7. Cleaner Windows
2. ให้คลิกที่แท็ป Applications จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 8 ซึ่งเป็นหน้าการตั้งค่าการลบไฟล์ต่างๆ ของโปรแกรมประยุกต์ ในส่วนนี้อาจจะแตกต่างกันไปในคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องนั้นๆ ให้เราเลือกค่าที่ต้องการลบตามความต้องการ
รูปที่ 8. Cleaner Applications
3. ให้คลิกที่ Issues จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 9 ซึ่งเป็นหน้าการตั้งค่าการหัวข้อต่างๆ ที่ต้องการสแกน โดยจะมีอยู่ 2 หัวข้อ คือ Registry Integrity และ File Integrity ให้เราเลือกหัวข้อตามความต้องการ (แนะนำให้ใช้ค่าที่โปรแกรมกำหนดให้)
รูปที่ 9. Issues
4. ให้คลิกที่ Tools ซึ่งจะมี 2 หัวข้อย่อย คือ Uninstall และ Startup ดังรูปที่ 10 และ 11 ตามลำดับ
4.1 หน้าต่าง Uninstall ดังรูปที่ 10 จะแสดงโปรแกรมต่างๆ ที่ติดตั้งอยูภายในคเรื่อง และเราสามารถทำการ ยกเลิกการติดตั้งโปรแกรม หรือ เปลียนชื่อโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ หรือ ลบรายชื่อโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ออก ได้โดยการคลิกเลือกโปรแกรมที่ต้องการแล้วคลิกที่คำสั่งในด้านขวาของหน้าต่าง
รูปที่ 10. Uninstall
4.2 หน้าต่าง Startup ดังรูปที่ 11 จะแสดงโปรแกรมต่างๆ ที่เริ่มทำงานในพร้อมกับการสตารท์ระบบวินโดวส์ เราสามารถทำการ ลบโปรแกรมที่ไม่ต้องการให้ทำกงานเมื่อสตารท์ระบบวินโดวส์ โดยการคลิกเลือกหัวข้อที่ต้องการแล้วคลิกคำสั่ง Delete Entry ในด้านล่างของหน้าต่าง
รูปที่ 11. Startup
5. เมื่อคลิกที่ Options จะได้หน้าต่างแสดงรายละเอียดของโปรแกรมดังรูปที่ 12
รูปที่ 12. About
6. ในหน้าต่าง Options ให้คลิกที่ Advanced เพื่อทำการตั้งค่าในขั้นสูง จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 13 จากนั้นทำการตั้งค่าตามความต้องการโดยการคลิกเลือกเชคบ็อกซ์หน้าหัวข้อที่ต้องการให้มีเครื่องหมายถูกหากต้องการเลือกข้อนั้นให้ทำงาน
รูปที่ 13. Advanced
7. ในหน้าต่าง Options ให้คลิกที่ Custom เพื่อทำการตั้งค่าไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการลบ จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 14 จากนั้นทำการเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์โดยการคลิกที่ Add File หรือ Add Folder ตามความเหมาะสม ในกรณีที่เลือกเป็นโฟลเดอร์นั้นโปรแกรมจะให้ยืนยันการลบ ให้คลิก Yes เพื่อยืนยัน
รูปที่ 14. Custom
8. ในหน้าต่าง Options ให้คลิกที่ Cookies เพื่อทำการตั้งค่าเกี่ยวกับคุกกี้ จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 15 จากนั้นทำการเลือกว่าจะไม่ลบคุกกี้ตัวใดบ้าง โดยการคลิกเลือกตัวที่ต้องการแล้วคลิกที่ลูกศรที่ชี้ไปทางด้านขวามือ
รูปที่ 15. Cookies
9. ในหน้าต่าง Options ให้คลิกที่ Settings เพื่อทำการตั้งค่าการทำงานของ CCleaner จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 16 จากนั้นทำการให้เลือกค่าตามความต้องการ โดยการคลิกเลือกเช็คบ็อกซ์หน้าหัวข้อที่ต้องการให้มีเครื่องหมายถูกหากต้องการเลือกข้อนั้นให้ทำงาน
รูปที่ 16. Options settings
10. เมื่อตั้งค่าต่างๆ เสร็จแล้ว ให้กลับไปยังหน้าเริ่มต้นโดยการคลิกที่ Cleaner จากนั้นคลิกปุ่ม Analyze เพื่อให้โปรแกรมทำการวิเคราะห์ระบบ รอจนกว่าการทำงานแล้วเสร็จ จะได้หน้าต่างที่มีลักษณะดังรูปที่ 17
รูปที่ 17. Analyze
11. ในหน้าต่าง Cleaner เมื่อการ Analyze แล้วเสร็จ ให้คลิดที่ปุ่ม Run Cleaner เพื่อทำการลบไฟล์ต่างๆ โดยโปรแกรมจะแจ้งเตือนว่าจะทำการลบข้อมูลอย่างถาวรดังรูปที่ 18 ให้ยืนยันการลบโดยการคลิก Yes
รูปที่ 18. Confirm
12. เมื่อโปรแกรมทำงานแล้วเสร็จก็จะแสดงรายละเอียดต่างๆ เช่น ขนาดไฟล์โดยรวมที่ทำการลบ และรายการของไฟล์ที่ทำการลบ ดังรูปที่ 19 ปิดโปรแกรมเพื่อจบการทำงาน
รูปที่ 19. Clean finished
การรันโปรแกรม CCleaner จาก Recycle Bin
นอกจากนี้แล้วยังสามารถรันโปรแกรม CCleaner โดยการคลิกขวาที่ Recycle Bin แล้วเลือก Run CCleaner ดังรูปที่ 20 ซึ่งจะทำการคลีนเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่ไม่ต้องเปิดโปรแกรม
รูปที่ 20 CCleaner จาก Recycle
แหล่งอ้างอิง
• โฮมเพจ CCleaner: www.ccleaner.com
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
เวอร์ชันอัพเดท
CCleaner 2.26.1050 (26 พ.ย. 2552) อ่านรายละเอียดที่ Download Free CCleaner 2.26.1050
การใช้งานโปรแกรม CCleaner Step by Step
การใช้งานคอมพิวเตอร์ในงานต่างๆ นั้น วินโดวส์จะทำการสร้างไฟล์ต่างๆ ซึ่งเรียกว่า Temporary File หลังจากทำการปิดโปรแกรมไฟล์เหล่านั้นก็จะถูกลบไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งนั้นไฟล์เหล่านี้บางตัวยังคงค้างอยู่บนฮาร์ดดิสก์ ซึ่งนอกจากจะเปลืองพื้นที่ยนฮาร์ดดิสก์แล้ว ยังทำให้การทำงานช้าลงอีกด้วย
การลบไฟล์ต่างๆ ที่ยังคงค้างอยู่บนฮาร์ดดิสก์นั้น ผู้ใช้จะต้องทำการลบด้วยตนเองแต่จะยุ่งยากและใช้เวลา แต่หากใช้โปรแกรมเครื่องมือช่วยในการทำงานดังกล่าวแทนจะสะดวกมากกว่า และยิ่งจะดีขึ้นไปอีกถ้าโปรแกรมที่ว่านั้นให้ใช้งานกันฟรีๆ โปรแกรมที่น่าจะเป็นคำตอบของคำถามนี้ คือ CCleaner ครับ ซึ่งเป็นมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาครบถ้วน
ทำความรู้จัก CCleaner
CCleaner นั้นเป็นโปรแกรมทำความสะอาดไฟล์ขยะและไฟล์ชั่วคราวต่างๆ ของวินโดวส์ ซึ่งพัฒนาโดยทีมพัฒนาของ Periform Limited ในประเทศอังกฤษ
CCleaner เป็นซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ใช้งานกันฟรีๆ ซึ่งมีการดาวน์โหลดไปใช้งานกันเป็นจำนวนถึงกว่า 110 ล้านครั้งนับถึงเดือนมกราคม 2551 (จาก 65 ล้านครั้ง เมื่อเดือนมิถุนายน 2550 ) สำหรับเวอร์ชันในขณะนี้ (17 มิถุยายน 2550) เป็นเวอร์ชัน 1.10.520 ท่านใดสนใจสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ Ccleaner.com เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ขั้นตอนการติดตั้งนั้นก็ง่ายๆ ตรงไปตรงมาโดยให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ ccsetup140.exe แล้วทำตามคำสั่งบนจอภาพจนแล้วเสร็จ
Install CCleaner
เมื่อทำการดาวน์โหลดโปรแกรมเสร็จแล้ว ก็เริ่มติดตั้งกันเลย
1. ให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ ccsetup1xx.exe ที่ดาวน์โหลดมา (xx เป็นเวอร์ชัน = 39 หรือ 40 แล้วแต่ว่าดาวน์โหลดตัวไหนมา แนะนำให้ใช้ตัวใหม่ที่สุดครับ)จะได้ดังรูปที่ 1
2. จากรูปที่ 1 ให้เลือกติดตั้งเป็นภาษาอังกฤษ แล้วคลิก OK
รูปที่ 1 Installer Language
3. ในหน้า Ccleaner v1.xx setup ดังรูปที่ 2 ให้คลิก Next
รูปที่ 2. ccleaner v1.xx setup
4.ในหน้า License Agreement ดังรูปที่ 3 ให้คลิก I Agree
รูปที่ 3. License Agreement
5. ในหน้า Choose Install Location ดังรูปที่ 4 ให้คลิก Next
รูปที่ 4. Choose Install Location
6. ในหน้า Install Options ดังรูปที่ 5 ให้เลือกอ็อปชันที่ต้องการ เสร็จแล้วคลิก Install
รูปที่ 5. Install Options
7. ในหน้า Completing the CCleaner v1.xx Setup Wizard ดัวรูปที่ 6 ให้คลิก Finish
รูปที่ 6. Completing the CCleaner v1.xx Setup Wizard
เริ่มต้นใช้งาน CCleaner
เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม CCleaner เสร็จแล้วก็เริ่มต้นใช้งานกันเลย
1. ทำการเปิดโปรแกรมโดยการดับเบิลคลิกที่ชอร์ตคัท Ccleaner บนเดสก์ท็อป ซึ่งจะได้หน้าต่างเริ่มต้นโปรแกรม CCleaner ดังรูปที่ 7 ซึ่งเป็นหน้าการตั้งค่าการลบไฟล์ต่างๆ ของวินโดวส์ ซึ่งมี 4 หัวข้อ คือ Internet Explorer, Windows Explorer, System และ Advanced โดยในหน้านีให้เราเลือกค่าที่ต้องการลบตามความต้องการ
รูปที่ 7. Cleaner Windows
2. ให้คลิกที่แท็ป Applications จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 8 ซึ่งเป็นหน้าการตั้งค่าการลบไฟล์ต่างๆ ของโปรแกรมประยุกต์ ในส่วนนี้อาจจะแตกต่างกันไปในคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องนั้นๆ ให้เราเลือกค่าที่ต้องการลบตามความต้องการ
รูปที่ 8. Cleaner Applications
3. ให้คลิกที่ Issues จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 9 ซึ่งเป็นหน้าการตั้งค่าการหัวข้อต่างๆ ที่ต้องการสแกน โดยจะมีอยู่ 2 หัวข้อ คือ Registry Integrity และ File Integrity ให้เราเลือกหัวข้อตามความต้องการ (แนะนำให้ใช้ค่าที่โปรแกรมกำหนดให้)
รูปที่ 9. Issues
4. ให้คลิกที่ Tools ซึ่งจะมี 2 หัวข้อย่อย คือ Uninstall และ Startup ดังรูปที่ 10 และ 11 ตามลำดับ
4.1 หน้าต่าง Uninstall ดังรูปที่ 10 จะแสดงโปรแกรมต่างๆ ที่ติดตั้งอยูภายในคเรื่อง และเราสามารถทำการ ยกเลิกการติดตั้งโปรแกรม หรือ เปลียนชื่อโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ หรือ ลบรายชื่อโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ออก ได้โดยการคลิกเลือกโปรแกรมที่ต้องการแล้วคลิกที่คำสั่งในด้านขวาของหน้าต่าง
รูปที่ 10. Uninstall
4.2 หน้าต่าง Startup ดังรูปที่ 11 จะแสดงโปรแกรมต่างๆ ที่เริ่มทำงานในพร้อมกับการสตารท์ระบบวินโดวส์ เราสามารถทำการ ลบโปรแกรมที่ไม่ต้องการให้ทำกงานเมื่อสตารท์ระบบวินโดวส์ โดยการคลิกเลือกหัวข้อที่ต้องการแล้วคลิกคำสั่ง Delete Entry ในด้านล่างของหน้าต่าง
รูปที่ 11. Startup
5. เมื่อคลิกที่ Options จะได้หน้าต่างแสดงรายละเอียดของโปรแกรมดังรูปที่ 12
รูปที่ 12. About
6. ในหน้าต่าง Options ให้คลิกที่ Advanced เพื่อทำการตั้งค่าในขั้นสูง จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 13 จากนั้นทำการตั้งค่าตามความต้องการโดยการคลิกเลือกเชคบ็อกซ์หน้าหัวข้อที่ต้องการให้มีเครื่องหมายถูกหากต้องการเลือกข้อนั้นให้ทำงาน
รูปที่ 13. Advanced
7. ในหน้าต่าง Options ให้คลิกที่ Custom เพื่อทำการตั้งค่าไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการลบ จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 14 จากนั้นทำการเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์โดยการคลิกที่ Add File หรือ Add Folder ตามความเหมาะสม ในกรณีที่เลือกเป็นโฟลเดอร์นั้นโปรแกรมจะให้ยืนยันการลบ ให้คลิก Yes เพื่อยืนยัน
รูปที่ 14. Custom
8. ในหน้าต่าง Options ให้คลิกที่ Cookies เพื่อทำการตั้งค่าเกี่ยวกับคุกกี้ จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 15 จากนั้นทำการเลือกว่าจะไม่ลบคุกกี้ตัวใดบ้าง โดยการคลิกเลือกตัวที่ต้องการแล้วคลิกที่ลูกศรที่ชี้ไปทางด้านขวามือ
รูปที่ 15. Cookies
9. ในหน้าต่าง Options ให้คลิกที่ Settings เพื่อทำการตั้งค่าการทำงานของ CCleaner จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 16 จากนั้นทำการให้เลือกค่าตามความต้องการ โดยการคลิกเลือกเช็คบ็อกซ์หน้าหัวข้อที่ต้องการให้มีเครื่องหมายถูกหากต้องการเลือกข้อนั้นให้ทำงาน
รูปที่ 16. Options settings
10. เมื่อตั้งค่าต่างๆ เสร็จแล้ว ให้กลับไปยังหน้าเริ่มต้นโดยการคลิกที่ Cleaner จากนั้นคลิกปุ่ม Analyze เพื่อให้โปรแกรมทำการวิเคราะห์ระบบ รอจนกว่าการทำงานแล้วเสร็จ จะได้หน้าต่างที่มีลักษณะดังรูปที่ 17
รูปที่ 17. Analyze
11. ในหน้าต่าง Cleaner เมื่อการ Analyze แล้วเสร็จ ให้คลิดที่ปุ่ม Run Cleaner เพื่อทำการลบไฟล์ต่างๆ โดยโปรแกรมจะแจ้งเตือนว่าจะทำการลบข้อมูลอย่างถาวรดังรูปที่ 18 ให้ยืนยันการลบโดยการคลิก Yes
รูปที่ 18. Confirm
12. เมื่อโปรแกรมทำงานแล้วเสร็จก็จะแสดงรายละเอียดต่างๆ เช่น ขนาดไฟล์โดยรวมที่ทำการลบ และรายการของไฟล์ที่ทำการลบ ดังรูปที่ 19 ปิดโปรแกรมเพื่อจบการทำงาน
รูปที่ 19. Clean finished
การรันโปรแกรม CCleaner จาก Recycle Bin
นอกจากนี้แล้วยังสามารถรันโปรแกรม CCleaner โดยการคลิกขวาที่ Recycle Bin แล้วเลือก Run CCleaner ดังรูปที่ 20 ซึ่งจะทำการคลีนเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่ไม่ต้องเปิดโปรแกรม
รูปที่ 20 CCleaner จาก Recycle
แหล่งอ้างอิง
• โฮมเพจ CCleaner: www.ccleaner.com
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.