Pages - Menu

Pages - Menu

Pages

Wednesday, June 30, 2010

Adobe Reader 9.3.3 and Acrobat 9.3.3 security updates fix 17 critical holes

Adobe ออก Adobe Reader 9.3.3 และ Acrobat 9.3.3 เพื่อแก้ 17 ปัญหาความปลอดภัยร้ายแรง
บทความโดย: The Windows Administrator Blog

สืบเนื่องจากการพบช่องโหว่ความปลอดภัย (Vulnerability) ซึ่งมีความร้ายแรงระดับ Critical ในไฟล์ authplay.dll ที่มาพร้อมกับโปรแกรม Adobe Reader 9.3.2 และเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows, MAC และ UNIX โปรแกรม Acrobat 9.3.2 และเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows และ MAC และโปรแกรม Adobe Reader 8.2.2 และเก่ากว่า เวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows และ MAC ดังรายละเอียดที่ได้โพสต์ไปก่อนหน้านี้ (อ่านรายละเอียด ») ซึ่งแฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่ความปลอดภัยดังกล่าวนี้ในการโจมตีเพื่อเข้ายึดครองระบบได้ ล่าสุด Adobe ได้ออกอัพเดทเพื่อแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยดังกล่าวนี้แล้ว

วันที่ 29 มิถุนายน 2553 (ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา) ทาง Adobe ได้ออก Adobe Reader 9.3.3 และ Acrobat 9.3.3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ได้รับการแก้ปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ผู้ที่ใช้โปรแกรม Adobe Reader หรือ Acrobat เวอร์ชัน 9.3.2 และเก่ากว่าให้ทำการอัพเดทในทันทีที่ทำได้เพื่อความปลอดภัย โดยสามารถทำการอัพเดทตามวิธีการด้านล่าง

วิธีการอัพเดท Adobe Reader และ Acrobat
วิธีการอัพเดทโปรแกรม Adobe Reader หรือ Acrobat เวอร์ชัน 9.3.2 และเก่ากว่า เป็นเวอร์ชัน 9.3.3 ทำได้โดยเปิดโปรแกรม Adobe Reader หรือ Adobe Acrobat จากนั้นคลิกที่เมนู Help แล้วคลิก Check for updates จากนั้นดำเนินการตามคำสั่งบนจอภาพจนแล้วเสร็จ

การติดตั้ง Adobe Reader และ Acrobat ใหม่
สำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้ง Adobe Reader และ Acrobat ใหม่ สามารถทำการดาวน์โหลดมาทำการติดตั้งด้วยตนเองจากเว็บไซต์ดังต่อไปนี้

Adobe Reader 9.3 for Windows
• สำหรับการติดตั้ง Adobe Reader ใหม่ สามารถดาวน์โหลด Adobe Reader 9.3 ได้จากเว็บไซต์ Download Adobe Reader 9.3 (ขนาดไฟล์โดยประมาณ 46.11MB) และหลังจากทำการติดตั้งเสร็จแล้วให้ทำการอัพเดทเป็นเวอร์ชัน 9.3.3 โดยดาวน์โหลดอัพเดทได้จากเว็บไซต์ Download Adobe Reader 9.3.3 update (ขนาดไฟล์โดยประมาณ 7.67MB)

Acrobat Standard and Pro for Windows
• ผู้ที่ใช้ Acrobat Standard 9.3.2 หรือ Professional 9.3.2 สามารถอัพเดทเป็นเวอร์ชัน 9.3.3 โดยดาวน์โหลดอัพเดทได้จากเว็บไซต์ Download Acrobat for Windows หรือดาวน์โหลดโดยตรงจากเว็บไซต์ Download Adobe Acrobat 9.3.3 Professional and Standard Update (ขนาดไฟล์โดยประมาณ 89.48MB)

สำหรับผู้ใช้ Adobe Reader หรือ Acrobat บนระบบปฏิบัติการอื่นๆ ให้อ่านรายละเอียดการดาวน์โหลดอัพเดทจากเว็บไซต์ใน แหล่งข้อมูลอ้างอิง

หมายเหตุ: วิธีการตรวจสอบเวอร์ชันทำได้โดยคลิกเมนู Help แล้วคลิก About Adobe Reader [เวอร์ชัน]

ปัญหาที่ได้รับการแก้ไข
ปัญหาความปลอดภัยที่ได้รับการแก้ไขใน Adobe Reader 9.3.3 และ Acrobat 9.3.3 มีจำนวน 17 ปัญหา ตามหมายเลข CVE ดังนี้
- CVE-2010-1240
- CVE-2010-1285
- CVE-2010-1295
- CVE-2010-1297
- CVE-2010-2168
- CVE-2010-2201
- CVE-2010-2202
- CVE-2010-2203
- CVE-2010-2204
- CVE-2010-2205
- CVE-2010-2206
- CVE-2010-2207
- CVE-2010-2208
- CVE-2010-2209
- CVE-2010-2210
- CVE-2010-2211
- CVE-2010-2212

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
APSB10-15: Security updates available for Adobe Reader and Acrobat

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Tuesday, June 29, 2010

Download: AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.839a2960

ดาวน์โหลด AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.839a2960
บทความโดย: The Windows Administrator Blog

AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.839a2960 เวอร์ชันอัพเดทล่าสุดของโปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์แบบฟรีแวร์ยอดนิยมสำหรับผู้ใช้วินโดวส์ พัฒนาโดย AVG Technologies เป็นโปรแกรมที่อนุญาตใช้งานได้ฟรีสำหรับการใช้งานส่วนตัว (Private and Non-Commercial) โดยในเวอร์ชันล่าสุดนี้ได้รับการปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ออกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2553

การดาวน์โหลด AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.839a2960
ท่านที่กำลังหาโปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์แบบฟรีแวร์ไว้ใช้งาน สามารถอ่านรายละเอียดการดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ AVG Free Anti-Virus หรือดาวน์โหลดโปรแกรม AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.839a2960 โดยตรงได้ฟรีจากเว็บไซต์ Download AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.839a2960 (AVG Server / 104MB)

อนึ่ง สำหรับท่านที่ใช้งาน AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.x หรือเวอร์ชันอื่นที่เก่ากว่าอยู่ก่อนแล้วโปรแกรมจะทำการอัพเดทเป็นเวอร์ชันใหม่ให้โดยอัตโนมัติ

ฟีเจอร์หลักใน AVG Anti-Virus Free Edition 9.0
AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.x นั้นสามารถป้องกันได้ทั้งไวรัสและสปายแวร์ และยังได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีคุณสมบัติดังนี้
1. มีฟังก์ชันเพียงพอสำหรับการป้องกันขั้นพื้นฐานแต่ขาดฟังก์ชันการทำงานขั้นสูงบางอย่าง
2. จำนวนภาษาที่รองรับมีจำกัดเพียง 16 ภาษา ในขณะที่เวอร์ชัน Pro มี 22 ภาษา
3. ไม่สามารถขอรับบริการด้านเทคนิคได้
4. รองรับเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายเท่านั้น ไม่สามารถใช้งานบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้
5. ใช้งานได้ในแบบส่วนตัวเท่านั้นไม่อนุญาตให้ใช้ในเชิงพาณิชย์ (Private and Non-Commercial)
6. มีการแสดงโฆษณาเป็นช่วงๆ

หมายเหตุ: AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.x มีข้อจำกัดเมื่อเปรียบเทียบกับ AVG Anti-Virus Pro ($39.9) หรือ AVG Internet Security ($49.9) ซึ่งมีหลายฟีเจอร์มากกว่า ดังนี้
- AVG Identity Protection (มีเฉพาะใน AVG Internet Security)
- Web Shield
- Anti-Rootkit
- Anti-Spam (มีเฉพาะใน AVG Internet Security)
- Advanced Anti-Rootkit protection
- Game Mode
- Enhanced Firewall (มีเฉพาะใน AVG Internet Security)
- Safe Downloads
- Safe Instant Messaging
- Safe Surf
- System Tools (มีเฉพาะใน AVG Internet Security)

การปรับปรุงใน AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.839a2960
ใน AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.839a2960 ได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้
- Core: Polymorphic malware detection methods has been improved.
- Core: New polymorphic malware detection method has been added.
- Core: One polymorphic malware detection method has been repaired.
- Core: Increased flexibility in algoritmic detection.
- Core: Fixed possible engine crash.
- Core: Fixed crash in scanning engine initialization.
- Core: Fixed possible endless loop in script emulator.
- Core: Fixed issue with script emulator freeze.
- Core: Fixed improper response to corrupted file.
- Core: More robust on nonstandard files.
- Online Shield: Fixed possible deadlock in TDI driver.
- Update: Fixed problem with potential computer freeze during update.
- Update: Fixed issue with Firewall driver uninstallation on Vista based platforms.
- Update: Fixed crash caused by malfunction of update process.

ความต้องการระบบของโปรแกรม AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.x
โปรแกรม AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.x มีความต้องการระบบขั้นต่ำดังนี้
• Windows 2000, Windows XP (x86 และ x64), Windows Vista (x86 และ x64), และ Windows 7 (x86 และ x64)
• ซีพียู: Intel Pentium 1.8 GHz หรือสูงกว่า
• พื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์: 550 MB (เฉพาะสำหรับการติดตั้งเท่านั้น)
• หน่วยความจำ: 512 MB

การติดตั้ง AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.790
การติดตั้ง AVG Anti-Virus Free Edition 9.0.790 มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ดับเบิลคลิกไฟล์ avg_free_stf_en_90_790a2730.exe จากนั้นในหน้า Welcome to the AVG Setup program ให้คลิก Next
2. ในหน้า Welcome to the AVG Free Setup Program ให้คลิก Next
3. ในหน้า License Agreement ให้เลือก I have read the license agreement คลิก Accept
4. รอจนโปรแกรมทำการตรวจสอบระบบแล้วเสร็จ จากนั้นในหน้า Select Installation Type แนะนำให้เลือกเป็น Standard Installation แล้วคลิก Next
5. ในหน้า Activate your AVG Free License ให้คลิก Next
6. ในหน้า AVG Security Toolbar ผมแนะนำให้ ยกเลิกการเลือกเช็คบ็อกซ์ Yes, I would like to install the AVG Security Toolbar เสร็จแล้วคลิก Next
7. ในหน้า Close down open applications ให้คลิก Next
8. รอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ หลังจากติดตั้งเสร็จโปรแกรมจะทำการอัพเดท Virus Definition จากนั้นในหน้า AVG First Run Wizard ให้คลิก Finish
9. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ AVG First Run Wizard ให้คลิก Yes เพื่อทำการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

หมายเหตุ: หากมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวอื่นติดตั้งอยู่ก่อนหน้า จะต้องทำการยกเลิกการติดตั้งโปรแกรมตัวนั้นออกก่อน และติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้วก็อย่าลืมอัพเดท Virus Definition อย่างสม่ำเสมอด้วยนะครับ

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Apple Sells 1.7 Million iPhone 4 in 3 Days

Apple ขาย iPhone 4 ได้ 1.7 ล้านเครื่องในเวลา 3 วัน
บทความโดย: The Windows Administrator Blog

Apple ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า สามารถขาย iPhone 4 ได้จำนวน 1.7 ล้านเครื่อง นับถึงวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2553 ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น หลังจากการออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 มิถุนายน 2553 อย่างไรก็ตาม หากนับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2553 ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดให้จอง iPhone 4 รวมแล้วใช้เวลา 17 วัน นั้นคือ เฉลี่ยแล้ว Apple สามารถขาย iPhone 4 ได้สูง 100,000 เครื่องต่อวันทีเดียว

iPhone 4 นั้นมีฟีเจอร์เด่นหลายตัว เช่น FaceTime สำหรับใช้ทำวีดีโอคอล, จอภาพแบบ Retina ขนาด 3.5 นิ้ว (Diagonal) สามารถแสดงภาพความละเอียด 960 x 640 pixel ที่ 326 ppi, กล้องวิดีโอความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED, และใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 4 ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่กว่า 100 ฟีเจอร์ สำหรับรายละเอียดคุณลักษณะทางเทคนิคของ Apple iPhone 4 สามารถอ่านได้จาก Apple iPhone 4 Technical Specifications

Credit: Apple

Credit: Apple

ปัจจุบัน iPhone 4 ที่วางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมี 2 รุ่น คือ รุ่น 16GB ราคา $199 และ รุ่น 32GB ราคา $299 นอกจากนี้ Apple ได้วางจำหน่าย iPhone 4 ใน 4 ประเทศได้แก่ ประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และญี่ปุ่น

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Compare iPhone 4 and iPhone 3GS

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Apple

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Avast! Free Antivirus 5.0.594 - Antivirus with anti-spyware

ดาวน์โหลด Avast! Free Antivirus 5.0.594 โปรแกรมแอนตี้ไวรัสพร้อมแอนตี้สปายแวร์
Avast! Free Antivirus นั้นเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสพร้อมแอนตี้สปายแวร์ (Antivirus with anti-spyware) แบบฟรีแวร์สำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เป็นโปรแกรมตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมใช้งานมากในอันดับต้นๆ สามารถใช้งานได้ฟรี (ลงทะเบียนได้ฟรีหลังใช้งานครบ 60 วัน) สำหรับการใช้งานแบบส่วนตัว โดยล่าสุดวันที่ 29 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา ALWIL Software ได้ออก Avast! Free Antivirus 5.0.594 ซึ่งในเวอร์ชันใหม่ล่าสุดนี้ได้รับการปรับปรุงให้การทำงานร่วมกับซีสเต็มรีสโตร์ (System Restore) ของ Windows ให้ดีขึ้น โดย Avast สามารถทำการซ่อมแซมตัวเองโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่า VPS เกิดความเสียหาย ทั้งที่มีสาเหตุมาจากซีสเต็มรีสโตร์หรือสาเหตุอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการทำงานอีกหลายอย่างตามรายละเอียดด้านล่าง ใครที่กำลังมองหาโปรแกรมแอนตี้ไวรัสแบบฟรีแวร์ไว้ใช้งาน สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ในหัวข้อ "การดาวน์โหลด Avast! Free Antivirus" ด้านล่าง

Avast! Free Antivirus เป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่มี Antivirus Kernel ที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถสแกนไวรัสในขณะทำการบูทเครื่องคอมพิวเตอร์ (Boot-time ) ได้ และมีประสิทธิภาพในการป้องกันแบบฝังตัว (Resident Protection) สูง ทำงานได้ดีทั้งแบบ On-demand และ/หรือ Resident virus scanner นอกจากนี้ยังรองรับการเปลี่ยนหน้ากาก (Skinable) ได้ตามควมต้องการอีกด้วย

Avast! Free Antivirus สามารถป้องกันมัลแวร์ประเภทต่างๆ ที่รู้จักกันในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น Virus, Spyware, Trojan เป็นต้น และยังสามารถการป้องกัน Rootkit (เฉพาะเวอร์ชันสำหรับ Windows 2000, Windows XP, Windows Server 2003, Windows Vista และ Windows Server 2008) นอกจากนี้ยังสามารถการป้องกันการโจมตีด้วยสคริปต์ (Script) ได้อีกด้วย

การดาวน์โหลด Avast! Free Antivirus
ท่านใดสนใจสามารถดาวน์โหลด Avast Free Antivirus 5.0.594 ได้จากเว็บไซต์ Download Avast! Free Antivirus 5.0.594 หรือ คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด » โดยไฟล์ดาวน์โหลดมีขนาดประมาณ 46.2MB

การดาวน์โหลด Avast! Free Antivirus
Avast! Free Antivirus รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 95, Windows 98, Windows Me, Windows NT, Windows 2000, Windows XP, Windows Vista ทั้ง 32-bit/64-bit และ Windows 7 ทั้ง 32-bit/64-bit ต้องการโปรเซสเซอร์ Pentium 3 หรือสูงกว่า หน่วยความจำ 128 MB พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ว่าง 100 MB

คุณสมบัติหลักของ Avast! Free Antivirus
Avast! Free Antivirus มีคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้
- Anti-spyware built-in
- Anti-rootkit built-in
- Strong self-protection
- Antivirus kernel
- Simple User Interface (Skinable)
- Resident protection
- P2P and IM Shields
- Network Shield
- Web Shield
- Automatic updates
- Virus Chest
- System integration
- Integrated Virus Cleaner
- Support for 64-bit Windows
- Internationalization

มีอะไรใหม่ใน Avast! Free Antivirus 5.0
เพิ่มคุณสมบัติใหม่:
- Code emulator
- Heuristics engine
- avast! Intelligent Scanner
- Behavior Shield
- Fast application of updates
- Silent/Gaming Mode
- Multi-threaded scanning optimization
- Graphical user interface

การปรับปรุงใน Avast! Free Antivirus 5.0.594
ใน Avast! Free Antivirus 5.0.594 มีการปรับปรุงการทำงานหลายอย่าง รายละเอียดดังนี้
- improved interaction with Windows System Restore; namely, avast now auto-repairs itself when it detects a corrupted VPS due to a System Restore (or other reasons)
- aswSP.sys: solved a minor stability issue
- solved a problem related to inserting of the license files
- added the activation code feature
- solved a problem when avast was progressively slowing down (especially in conjunction with the screensaver)
- performance improvements in the Behavior Shield
- avast Screen saver now accessible even in 64-bit Windows Vista
- stability improvement in aswTdi.sys (solved a compatibility problem with AVG)
- IS firewall: solved a potential BSOD condition
- various improvements in the avast! sandbox module
- minor fixes in the GUI
- added Catalan and Belarusian language packs

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Monday, June 28, 2010

Install Windows 7 Service Pack 1 Beta Pre-Release (Build 7601: 16562,v.178)

ทดลองติดตั้ง Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Pre-Release (Build 7601: 16562,v.178)
ผมมีโอกาสได้ทดลองติดตั้ง Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Pre-Release จึงนำประสบการณ์มาแบ่งปันครับ

สำหรับการติดตั้งในนี้เป็นการติดตั้ง Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Pre-Release (Build 7601: 16562, v.178) บน Windows 7 Ultimate เวอร์ชัน 32-บิท บนเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ HP รุ่น DC5750 ใช้ซีพียู AMD Ahtlon 5600+ มีหน่วยความจำ 2 GB

หมายเหตุ: เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในบนความนี้เป็นเครื่องสำหรับใช้ทดสอบซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ

โดยการติดตั้งมีขั้นตอนดังนี้
1. ดับเบิลคลิกไฟล์ windows6.1-KB976932-x86-INTL.exe จากนั้นในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ User Account Control (UAC) ให้คลิก Yes
2.ในหน้า Install Windows 7 Service Pack 1 ดังรูปที่ 1 ด้านล่างให้คลิก Next

รูปที่ 1.

3. ในหน้า License Terms ดังรูปที่ 2 ด้านล่างให้คลิกเลือกเช็คบ็อกซ์ I accept the license terms เสร็จแล้วให้คลิก Next

รูปที่ 2.

4. ในหน้า Install Windows 7 Service Pack 1 ดังรูปที่ 3 ด้านล่างให้คลิกเลือกเช็คบ็อกซ์ Automatic restart the computer เพื่อทำการรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติหลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อย จากนั้นคลิก Install

รูปที่ 3.

5. ในหน้า Install Windows 7 Service Pack 1 ดังรูปที่ 4 ด้านล่าง รอจนการติดตั้ง SP1 Beta แล้วเสร็จซึ่งอาจใช้เวลานานหลายนาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสเปคของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ติดตั้ง

รูปที่ 4.

6. หลังจากทำการติดตั้ง SP1 Beta แล้วเสร็จ จะทำการรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์โดยอัตโนมัติ หลังจากเครื่องคอมพิวเตอร์รีสตาร์ทแล้วเสร็จจะแสดงหน้า Windows 7 Service Pack 1 is now installed ดังรูปที่ 5 ให้คลิก Close เพื่อจบการติดตั้ง

รูปที่ 5.

ผลการติดตั้ง Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Pre-Release
หลังจากทำการติดตั้ง Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Pre-Release แล้วเสร็จ หมายเลขเวอร์ชันของ Windows 7 Ultimate จะเปลี่ยนเป็น Version 6.1 (Build 7601: Service Pack 1, v.178) ดังรูปที่ 6

รูปที่ 6.

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Available for Download Around the End of July
Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Build 7601.16562.100603-1800 Released For Testers

บทความโดย: Windows Administrator Blog

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

ไมโครซอฟท์อัพเดท Windows Media Player 11 สำหรับ Windows XP

ไมโครซอฟท์ได้ทำการอัพเดท Windows Media Player 11 (WMP11) เวอร์ชันสำหรับ Windows XP ใหม่เพื่อปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ การอัพเดทครั้งนี้เป็นการอัพเดทย่อยโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหมายเลขเวอร์ชันซึ่งยังคงเป็นเวอร์ชัน 11.0.5721.5268

A Cumulative Update for Windows Media Center in Windows 7

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดทเพื่อแก้ปัญหาการทำงานของ Windows Media Center ใน Windows 7

ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดทหมายเลข KB981078 เพื่อแก้ไขประเด็นปัญหาการทำงานของโปรแกรม Windows Media Center ใน Windows 7 ดังนี้
• เมื่อใช้ Windows Media Center เล่นไฟล์ที่ที่ได้รับการป้องกัน (Protected Content) บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง PlayReady PC Runtime เวอร์ชันเก่า โปรแกรมจะแสดงข้อความ "Copy Prohibited" ซ้อนทับบนหน้าจอหรือจะแสดงหน้าจอดำ ซึ่งหลังจากทำการติดตั้งอัพเดทตัวนี้จะทำให้ข้อความที่แสดงซ้อนทับบนหน้าจอแสดงลิงก์ที่นำไปยังการอัพเดท PlayReady PC Runtime ในเว็บไซต์ Microsoft Update
• หากทำการอ้างอิงดาต้าเบสสำรอง (Backup Database) ในกรณีที่ข้อมูลแนะนำ (Guide Database) ใน Windows Media Center เสีย เมื่อผู้ใช้ทำการตั้งค่าให้บันทึกแบบแมนนวลบนช่องซึ่งไม่มีอยู่ในดาต้าเบสสำรองจะส่งผลให้โปรเซส Mcupdate.exe เกิดการแครช
• ข้อมูลตารางรายการอาจจะไม่แสดงในพื้นที่ซึ่งใช้ข้อมูลแนะนำแบบอินแบนด์ (In-band) ตัวอย่างเช่น ข้อมูลตารางรายการไม่แสดงในพื้นที่ Digital Video Broadcasting (DVB)
• โปรแกรม Windows Media Center แครชเมื่อใส่พาธรายการทีวีที่ต้องการบันทึกผิด

การดาวน์โหลดอัพเดทสำหรับแก้ปัญหา
สามารถดาวน์โหลดอัพเดทสำหรับใช้แก้ปัญหาดังกล่าวนี้ตามเวอร์ชันของ Windows 7 ที่ใช้งานได้จากเว็บไซต์ ดังนี้
All supported x86-based versions of Windows 7
All supported x64-based versions of Windows 7

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้ออกอัพเดทสำหรับแก้ปัญหาโปรแกรม Windows Media Center สำหรับผู้ใช้ Windows Vista รุ่น Home Premium และ Ultimate อีกด้วย โดยสามารถดาวน์โหลดอัพเดทได้จาก http://support.microsoft.com/?kbid=982480

วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ
วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ Windows 7 รุ่นต่างๆ ดังนี้
• Windows 7 Enterprise
• Windows 7 Home Premium
• Windows 7 Professional
• Windows 7 Ultimate

บทความโดย: Windows Administrator Blog

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

ไมโครซอฟท์อัพเดท Windows Media Player 11 สำหรับ Windows XP

ไมโครซอฟท์ได้ทำการอัพเดท Windows Media Player 11 (WMP11) เวอร์ชันสำหรับ Windows XP ใหม่เพื่อปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ การอัพเดทครั้งนี้เป็นการอัพเดทย่อยโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหมายเลขเวอร์ชันซึ่งยังคงเป็นเวอร์ชัน 11.0.5721.5268

Sunday, June 27, 2010

Mozilla Firefox 3.6.6 - Modifies the crash protection feature

Mozilla Firefox 3.6.6 แก้ไขปัญหาการทำงานของฟีเจอร์ Crash Protection
บทความโดย: Windows Administrator Blog

Mozilla ออก Firefox 3.6.6 เป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการทำงานของฟีเจอร์ Crash Protection โดยการเพิ่มช่วงเวลาทำงานของปลั๊ก-อินก่อนที่จะถูกทำการเทอร์มิเนต เวอร์ชัน 3.6.6 นี้ออกให้ดาวน์โหลดวันที่ 26 มิถุนายน 2553 (ตรงกับวันที่ 27 มิ.ย. ตามเวลาในประเทศไทย)

ดังนั้น เพื่อให้การท่องอินเทอร์เน็ตด้วย Firefox เป็นไปอย่างราบรื่นขอแนะนำให้ท่านที่ใช้ Firefox 3.6.4 หรือเก่ากว่าทำการอัพเดทในทันทีที่ทำได้ครับ

หมายเหตุ: Mozilla ออก Firefox 3.6.6 เป็นกรณีเร่งด่วน โดยออกหลังจากเวอร์ชัน Firefox 3.6.4 เพียงแค่ 4 วัน และยังข้ามเวอร์ชัน Firefox 3.6.5 ไปอีกด้วย

การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 3.6.6
โปรแกรมติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.6 เวอร์ชันสำหรับ Windows นั้นมีขนาดประมาณ 7.7 MB สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ดังนี้
Download Mozilla Firefox 3.6.6
Download Mozilla Firefox 3.6.6 for Windows

Mozilla Firefox 3.6.6

Mozilla Firefox 3.6.6 New Features
Firefox 3.6.6 เป็นเวอร์ชันที่ออกเพื่อแก้ไขปัญหาการทำงานของฟีเจอร์ crash protection โดยการเพิ่มช่วงเวลาทำงานของปลั๊ก-อินก่อนที่จะถูกเทอร์มิเนต
Fixed in Firefox 3.6.6
• Modifies the crash protection feature to increase the amount of time that plugins are allowed to be non-responsive before being terminated

ความต้องการระบบของ Firefox 3.6.x
ความต้องการระบบของ Firefox 3.6.x บนระบบปฏิบัติการ Windows มีดังนี้
Operating Systems
• Windows 2000
• Windows XP
• Windows Server 2003
• Windows Vista
• Windows 7

Minimum Hardware
• ใช้ซีพียูขั้นต่ำ Pentium 233 MHz (แนะนำ: Pentium 500MHz หรือสูงกว่า)
• เมมโมรี 64 MB RAM (แนะนำ: 128 MB RAM หรือมากกว่า)
• พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ 52 MB

การติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.6
วิธีการติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.6 นั้น แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ตามรายละเอียดดังนี้
แบบที่ 1 สำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว
การอัพเดทจาก Firefox เวอร์ชันก่อนที่ติดตั้งอยู่แล้ว ถ้าหากตั้งค่า Advanced>Update>Automatically check for update to: Firefox เมื่อทำการเปิดใช้งาน Firefox และมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต Firefox ก็จะทำการตรวจสอบการอัพเดทโดยอัตโนมัติ (สามารถสั่งให้ Firefox ทำการตรวจสอบการอัพเดทแบบแมนนวล โดยการคลิกที่เมนู Help แล้วคลิก Check for Updates)

แบบที่ 2 สำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์
การติดตั้ง Firefox 3.6.6 ใหม่ สำหรับผู้ใช้วินโดวส์ที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้ดาวน์โหลด Firefox เวอร์ชันสำหรับวินโดวส์เว็บไซต์ในหัวข้อ การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 3.6.6 ด้านบน แล้วทำการติดตั้งแบบแมนนวล สำหรับขั้นตอนและวิธีการติดตั้งสามารถอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ How to install Mozilla Firefox 3.6

การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.6
การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.6 สามารถทำได้จาก Add or Remove Programs ใน Control Panel โดยการยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.x นั้น โปรแกรมจะไม่ทำการลบข้อมูลต่างๆ คือ Bookmarks, Web Browsing History และ Extensions หรือ Add-ons ต่างๆ ให้อัตโนมัติ ดังนั้นผู้ใช้ต้องทำการลบด้วยตนเอง ตามตำแหน่งดังนี้

Windows Vista = Users\[username]\AppData\Roaming\Mozilla\Firefox
Windows 2000, XP, 2003 = Documents and Settings\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Windows NT = WINNT\Profiles\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Mac OS X = ~/Library/Application Support/Firefox
Linux and Unix systems = ~/.mozilla/firefox

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Firefox 3.6.6 Release Notes

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Microsoft Network Monitor 3.4 available for download

Microsoft Network Monitor 3.4 เครื่องมือสำหรับแคปเจอร์และวิเคราะห์ข้อมูลบนเครือข่าย
Microsoft Network Monitor 3.4 คือเวอร์ชันล่าสุดของโปรแกรม Network Protocol Analyzer ฟรีจากไมโครซอฟท์ เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการแคปเจอร์และวิเคราะห์การรับ-ส่งข้อมูลบนระบบเครือข่าย มีทั้งเวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows รุ่น 32bit, 64bit และ ia64 โดยเวอร์ชัน 3.4 นี้ออกหลังจากเวอร์ชัน Microsoft Network Monitor 3.3 เป็นระยะเวลาประมาณ 14 เดือน

รายละเอียดโปรแกรม Microsoft Network Monitor 3.4
Version: 3.4 2350
Knowledge Base (KB) Articles: KB933741
Date Published: 6/24/2010
Language: English
Download Size: 6.1 MB - 21.0 MB (ขึ้นอยู่กับการเลือกดาวน์โหลด)
File Name:File Size
- NM34_ia64.exe: 8.3 MB
- NM34_x64.exe: 6.5 MB
- NM34_x86.exe: 6.1 MB

ดาวน์โหลด Microsoft Network Monitor 3.4
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลด Microsoft Network Monitor 3.4 ได้ฟรีจากเว็บไซต์ Download Microsoft Network Monitor 3.4

ความต้องการระบบ
Microsoft Network Monitor 3.4 มีความต้องการระบบ ดังนี้
• รองรับระบบปฏิบัติการ:
- Windows Server 2008 R2
- Windows Server 2008
- Windows Server 2003 R2
- Windows Server 2003
- Windows 7
- Windows Vista
- Windows XP

• ความต้องการด้านฮาร์ดแวร์:
- CPU ความเร็ว 1 GHz หรือสูงกว่า
- หน่วยความจำ 1 GB หรือสูงกว่า
- พื้นที่ฮาร์ดดิสก์อย่างต่ำ 60 MB และขนาดเพิ่มขึ้นตามการแคปเจอร์ข้อมูล

ฟีเจอร์ใหม่ใน Microsoft Network Monitor 3.4
• ฟีเจอร์ทั้งหมดสามารถดูได้จาก Release notes ในไดเรกตอรี Help

การติดตั้ง Microsoft Network Monitor 3.4
หลังจากทำการดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้ทำการติดตั้งโดยการดับเบิลคลิก NM32_x86_setup.exe (หรือไฟล์อื่นๆ ตามระบบปฏิบัติการที่ใช้) จากนั้นทำตามคำสั่งบนจอภาพจนการติดตั้งแล้วเสร็จ โดยในการติดตั้งนั้นจะต้องยอมรับ License Agreement ก่อนจึงจะอนุญาตให้ทำการติดตั้งได้

การใช้งาน Microsoft Network Monitor 3.4
หลังจากทำการติดตั้งเสร็จแล้ว ให้เปิดโปรแกรมโดยการดับเบิลคลิกที่ไอคอน Microsoft Network Monitor 3.4 บนเดสก์ท็อป โดยในการเปิดใช้งานครั้งแรกนั้นโปรแกรมจะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Microsoft Update Opt-In ให้เลือกว่าจะทำการตรวจสอบอัพเดททุกๆ เดือนหรือไม่ หากไม่ต้องการก็ให้คลิก No และหากไม่ต้องการให้โปรแกรมทำการตรวจสอบอัพเดททุกครั้งที่เปิดโปรแกรม ก็ให้เคลียร์เช็คบ็อกซ์แล้วคลิก No

บทความโดย: Windows Administrator Blog

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
Microsoft Network Monitor Blog

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Saturday, June 26, 2010

Oracle VM VirtualBox 3.2.6 Build 63112

ดาวน์โหลด Oracle VM VirtualBox 3.2.6 Build 63112
บทความโดย: Windows Administrator Blog

Oracle VM VirtualBox 3.2.6 Build 63112 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดของโปรแกรมฟรีแวร์สำหรับจำลองระบบคอมพิวเตอร์ ออกเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2553 โดยในเวอร์ชันนี้มีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการทำงานหลายอย่าง อย่างเช่น แก้ปัญหาที่ทำให้โฮสต์แบบ 32-บิท แครชเมื่อรันระบบปฏิบัติการเกสต์แบบ 64-บิท, เพิ่มขนาดหน่วยความจำของระบบปฏิบัติการเกสต์ (Guest OS) เป็นต้น

แนะนำ Oracle VM VirtualBox
Oracle VM VirtualBox เป็นซอฟต์แวร์สำหรับใช้ทำการจำลองระบบคอมพิวเตอร์ (Virtualization) บนระบบ x86 และ AMD64/Intel64 ลักษณะเดียวกับโปรแกรม VMware Workstation (เป็นโปรแกรมเชิงพานิชย์ต้องซื้อจึงจะใช้งานได้เต็มฟังก์ชัน) และ VMware Player 3.0 (สามารถใช้งานได้ฟรี) ของ VMware หรือโปรแกรม Virtual PC ของ Microsoft ซึ่งสามารถใช้งานได้ฟรี และ Windows Virtual PC ของ Microsoft ซึ่งใช้งานได้ฟรีแต่จะมีเฉพาะใน Windows 7 ร่น Professional, Enterprise และ Ultimate

Oracle VM VirtualBox เป็นซอฟต์แวร์แบบ Open Source พัฒนาโดย Oracle (ก่อนหน้านี้เป็น Sun Microsystems ซึ่งปัจจุบันถูกซื้อกิจการโดย Oracle) สามารถใช้งานได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายภายใต้ไลเซนส์แบบ GNU General Public License (GPL) เป็นซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงรองรับการใช้งานได้ทั้งในเอนเทอร์ไพรส์ (Enterprise) และการใช้งานภายในบ้าน และยังมีปีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลายและที่สำคัญเป็นโซลูชั่นระดับมืออาชีพที่ใช้งานได้ฟรี

คุณสมบัติเด่นของ Oracle VM VirtualBox
สำหรับคุณสมบัติการใช้งานที่น่าสนใจของOracle VM VirtualBox 3.2.x มีดังนี้
1. Modularity มีการออกแบบแยกเป็นโมดูลและมีการออกแบบอินเทอร์เฟชภายในที่ดี ทำให้การควบคุมจัดการทำได้ง่ายและหลากหลาย เช่น สามารถทำการสตาร์ทเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ด้วยอินเทอร์เฟชแบบ GUI และทำการควบคุมเวอร์ชวลแมชชีนจากคอมมานด์ไลน์ หรือควบคุมจากระยะไกล
2. Virtual machine descriptions in XML ค่าการคอนฟิกเวอร์ชันของเวอร์ชวลแมชชีนจะถูกเก็บอยู่ในรูปแบบไฟล์ XML และเป็นอิสระจากเครื่องโลคอลแมชชีน ทำให้การย้ายระบบเวอร์ชวลแมชชีนทำได้ง่ายขึ้น
3. Guest Additions for Windows and Linux สามารถทำการติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมบนเวอร์ชวลแมชชีน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
4. Shared folders การแชร์ข้อมูลระหว่าง Host และ Guest สามารถทำได้ง่าย
5. Virtual USB Controllers มีการจำลอง USB controller บนเวอร์ชวลแมชชีน ทำให้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ USB ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเติม
6. Remote Desktop Protocol สามารถรองรับกับโปรโตคอล RDP ได้อย่างเต็มรูปแบบ
7. USB over RDP เครื่องเวอร์ชวลแมชชีนสามารถแอคเซสกับอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่อง Remote Client ได้

การดาวน์โหลด
ผู้ที่สนใจทดลองใช้งานสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Oracle VM VirtualBox 3.2.6 Build 63112 เวอร์ชันสำหรับ Windows มาใช้งานได้ฟรีที่เว็บไซต์ Download Oracle VM VirtualBox 3.2.6 Build 63112 for Windows สำหรับเวอร์ชันบนระบบปฏิบัติการอื่นๆ สามารถดูรายละเอียดการดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download Oracle VM VirtualBox

การปรับปรุงใน Oracle VM VirtualBox 3.2.6 Build 63112
VirtualBox 3.2.6 Build 63112 เป็นเวอร์ชันที่ได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยมีการปรับปรุงหลายอย่างดังต่อไปนี้
- VMM: fixed host crash when running 64-bit guests on 32-bit hosts with certain Intel CPUs (VT-x only; bug #6166)
- VMM: allow 64-bit SMP guests on 32-bit hosts (VT-x and AMD-V only; does not apply to Mac OS X, which already supports it)
- VMM: fixed Guru mediation if guests with more than 2GB are booted with VT-x/AMD-V disabled (bug #5740)
- VMM: fixed TR limit trashing (VT-x and 64-bit host only; bug #7052)
- Page Fusion: several bug fixes for SMP guests (including bug #6964)
- Teleportation: several fixes and improvements
- Mac OS X server guests: compatibility fix
- EFI: fixed memory detection for guests with 2GB or more RAM assigned
- GUI: added a workaround for a Linux kernel bug which affecting asynchronous I/O on ext4 / xfs file systems (Linux hosts only)
- GUI: added setting for multiple VRDP connections; useful if multiple screens are enabled
- GUI: another fix for the keyboard capturing bug under metacity (bug #6727)
- GUI: fixed quit dialog when used in seamless or fullscreen mode (Mac OS X hosts only; bug #6938)
- GUI: handle the extra key on the Brazilian keyboard on X11 hosts again (bug #7022).
- 2D Video acceleration: fixed crashes when leaving the fullscreen mode (bug #6768)
- VBoxManage: fixed storageattach error handling (bug #6927)
- VBoxManage: fixed dhcpserver add (3.2.0 regression; bug #7031)
- Storage: fixed hang with images located on filesystems which don't support async I/O (bug #6905)
- Storage: fixed raw disks on Windows hosts (3.2.0 regression; bug #6987)
- LsiLogic: fixed hang with older Linux guests
- BusLogic: fixed hang during I/O
- SATA: set initial number of ports to 1 as some guests can't handle 30 ports (e.g. CentOS 4 and FreeBSD; bug #6984)
- SATA: performance improvement
- SCSI: fixed error when using the full format option during Windows installation (bug #5101)
- iSCSI: fixed authentication (bug #4031)
- Host-only/bridged networking: fixed excessive host kernel warnings under certain circumstances (Linux hosts only; 3.2.0 regression; bug #6872)
- NAT: fixed potential memory leaks
- NAT: increased the size of the memory pool for 16K Jumbo frames (performance tweak)
- NAT: allow to link/unlink the network cable even if the VM is currently paused
- E1000: disconnect cable was not properly handled if the NIC was not yet initialized by the guest
- OVF: export performance optimization
- OVF: upgraded OS type definitions to CIM 2.25.0 so that Windows 7 and other OSes are now tagged correctly on export
- Settings: the setting for disabling the host I/O cache was sometimes not properly saved
- Settings: save machine state into XML correctly even when snapshot folder has been changed to a non-default location (bug #5656)
- USB: allow the guest to disable an EHCI port
- USB: find a valid language ID before querying strings (bug #7034)
- POSIX hosts: fixed several memory leaks (3.2.0 regression)
- Solaris hosts: fixed VDI access problem under certain circumstances (IDE/SATA; 3.2.0 regression)
- Solaris hosts: fixed VM fails to start on 32-bit hosts (3.2.0 regression; bug #6899)
- Windows hosts (32-bit): increase guest RAM limit if the host kernel allows for more virtual address space
- Linux Additions: re-read a directory after a file was removed (bug #5251)
- Linux Additions: install the DRI driver in the right location on ArchLinux guests (bug #6937)
- X11 Additions: fixed spurious mouse movement events (bug #4260)
- Solaris Additions: fixed guest control execution
- Windows Additions: automatic logon on Windows Vista/Windows 7 is now able to handle renamed and principal user accounts; added various bugfixes
- Windows Additions: improved command line parsing of the installer
- Windows Additions: fixed driver verifier bugcheck in VBoxMouse (bug #6453)
- 3D support: fixed OpenGL support for 32bit apps under 64bit Windows guests

ความต้องการระบบของ Oracle VM VirtualBox 3.2.6 Build 63112
VirtualBox รองรับการทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows, Linux, Macintosh และ OpenSolaris โดยสามารถรองรับกับ Guest OS (ระบบระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนเวอร์ชวลแมชชีนใน VirtualBox) ได้เป็นจำนวนมาก รวมถึง Windows 7 ทั้งเวอร์ชัน 32-bit (x86) และ 64-bit (x64) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ตัวล่าสุดของไมโครซอฟท์ได้อีกด้วย

Support Host Operating Systems
VirtualBox 3.2.6 Build 63112 สามารถรองรับ Host Operating Systems ดังนี้
• Windows XP
• Linux
• Mac OS X
• Solaris และ OpenSolaris

Support Guest Operating Systems
VirtualBox 3.2.6 Build 63112 สามารถรองรับ Guest Operating Systems ดังนี้
• Windows Family
Windows NT, Windows 2000, Windows XP, Windows Vista, Windows Server 2003, Windows Server 2008 และ Windows 7

• Linux family
สามารถรองรับ Linux ที่ใช้ kernels เวอร์ชัน 2.4 และ 2.6 ได้ แต่ทางผู้พัฒนาแนะนำให้ใช้เวอร์ชัน 2.6.13 หรือสูงกว่า สามารถอ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่: รายชื่อ Guest OSes

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Oracle VM VirtualBox

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Google Chrome 5.0.375.86 enabling flash player by default and fixes 5 security issues

Google ออก Chrome 5.0.375.86 เปิดใช้งานแฟลชเพลย์เยอร์เปิดใช้งานโดยดีฟอลท์และแก้ 5 ปัญหาความปลอดภัยร้ายแรง
บทความโดย: Windows Administrator Blog

Google ออก Chrome 5.0.375.86 เวอร์ชันสำหรับของระบบปฏิบัติการ Windows, Mac และ Linux เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2553 โดยเวอร์ชันใหม่ล่าสุดนี้จะทำการเปิดใช้งานแฟลชเพลย์เยอร์ที่รวมอยู่ในตัวเบราเซอร์ (Integrated flash player) โดยดีฟอลท์ รวมถึงทำการแก้ 5 ปัญหาด้านความปลอดภัย (Security issues) ซึ่งมี 3 ปัญหาความภัยร้ายแรงระดับสูง ตามรายละเอียดด้านล่าง

การแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยใน Google Chrome 5.0.375.86
ใน Google Chrome 5.0.375.86 มีการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย ดังต่อไปนี้
• [38105] XSS via application/json response (regression). Credit to Ben Davis for original discovery and Emanuele Gentili for regression discovery. (Medium)
• [43322] Memory error in video handling. Credit to Mark Dowd under contract to Google Chrome Security Team. (Medium)
• [43967] Subresource displayed in omnibox loading. Credit to Michal Zalewski of Google Security Team. (High)
• [45267] Memory error in video handling. Credit to Google Chrome Security Team (Cris Neckar). (High)
• [46126]* Stale pointer in x509-user-cert response. Credit to Rodrigo Marcos of SECFORCE. (High)

หมายเหตุ:
* ปัญหาความปลอดภัยหมายเลข 46126: Stale pointer in x509-user-cert response ค้นพบโดย Rodrigo Marcos of SECFORCE โดยได้รางวัลตอบแทนจำนวน $500

การดาวน์โหลดและการติดตั้ง Google Chrome 5.0.375.86
Google Chrome 5.0.375.86 นั้นสามารถทำงานได้บน Windows XP, Windows Vista และ Windows 7 โดยวิธีการติดตั้งนั้น โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กรณี ดังต่อไปนี้

Google Chrome 5.0.375.86 for Windows

กรณีที่ 1 ติดตั้งจากเว็บไซต์ Google Chrome
ในกรณีที่ยังไม่มีการติดตั้ง Google Chrome อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถติดตั้งโปรแกรม Google Chrome จากอินเทอร์เน็ตผ่านทางบราวเซอร์ โดยเปิดไปที่เว็บไซต์ www.google.com/chrome จากนั้นดำเนินการคำสั่งบนจอภาพ

กรณีที่ 2 ด้วย Google Chrome Offline Standalone Installer
ในกรณีที่ยังไม่มีการติดตั้ง Google Chrome อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมติดตั้ง Google Chrome จากเว็บไซต์ Download Google Chrome 5.0.375.86 มาทำการติดตั้งด้วยตนเอง

กรณีที่ 3 ติดตั้งโดยการอัพเดท
ในกรณีที่มีการติดตั้ง Google Chrome เวอร์ชัน 5.0.375.70 หรือ เวอร์ชันก่อนหน้าบนเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ก่อนแล้ว สามารถทำการอัพเดทเป็นเวอร์ชัน 5.0.375.86 ได้ตามขั้นตอนดังนี้

1. เปิดโปรแกรม Google Chrome จากนั้นคลิกที่ไอคอนรูปเครื่องมือ แล้วเลือกคำสั่ง About Google Chrome

About Google Chrome

2. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ About Google Chrome ให้คลิก Update Now แล้วรอจนโปรแกรมทำการติดตั้งแล้วเสร็จ


3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Please close all Chrome windows and restart Chrome for this change to take effect ให้คลิก OK


4. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ About Google Chrome ให้คลิก OK อีกครั้ง
5. ทำการรีสตาร์ทโปรแกรม Google Chrome เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
Google Chrome Releases

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Friday, June 25, 2010

ยอดขาย Windows 7 ทะลุ 150 ล้านก็อปปี้ในเวลา 8 เดือน

ยังคงเดินหน้าสร้างความสำเร็จด้านยอดขายอย่างต่อเนื่องสำหรับ Windows 7 ระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปตัวล่าสุดของไมโครซอฟท์ วันที่ 23 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา Brandon LeBlanc ตัวแทนของไมโครซอฟท์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการผ่านทางบล็อก Windows Team Blog ว่า "ยอดขาย Windows 7 ทะลุ 150 ล้านก็อปปี้" หลังจากออก Windows 7 เวอร์ชัน GA (General Availability ) มาเป็นระยะเวลา 8 เดือน ทำให้ "Windows 7 เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ที่มียอดขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์" โดยสามารถขายไลเซนส์ Windows 7 ได้ประมาณ 7 ก็อปปี้ต่อวินาที

Thursday, June 24, 2010

Apple Sells Three Million iPads in 80 Days

Apple ขาย iPad ได้ 3 ล้านเครื่องในเวลาไม่ถึง 80 วัน
บทความโดย: Windows Administrator Blog

Apple ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าสามารถขาย iPad ได้จำนวน 3 ล้านเครื่อง โดยจำนวนดังกล่าวนี้นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2553 ซึ่งเป็นวันวางขาย iPad วันแรกจนถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2553 รวมแล้วใช้เวลาเพียง 80 วัน ซึ่งเฉลี่ยแล้ว Apple สามารถขาย iPad ได้ 37,500 เครื่องต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่ Apple ประมาณการไว้ว่าจะขาย iPad ได้ 17,307 เครื่องต่อวันถึง 2.17 เท่า อย่างไรก็ตาม หากนับจากวันที่เปิดให้จอง iPad ล่วงหน้า คือวันที่ 12 มีนาคม 2553 จะรวมทั้งหมดเป็นเวลา 99 วันในการขาย iPad จำนวน 3 ล้านเครื่อง

Credit: Apple

นอกจากนี้ Apple ได้เปิดเผยปัจจุบันมีนักพัฒนาสร้างแอพ (Apps) สำหรับ iPad มากกว่า 11,000 แอพ ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากระบบยูสเซอร์อินเทอร์เฟชแบบ Multi-Touch บนจนภาพขนาดใหญ่และระบบกราฟิกคุณภาพสูง โดย iPad สามารถรันแอพได้เกือบจากทั้งหมดและมากกว่า 225,000 แอพบน App Store รวมถึงแอพที่ซื้อสำหรับ iPhone หรือ iPod touch

โดยก่อนหน้านี้ iPad สามารถทำสถิติยอดขายได้ 2 ล้านเครื่องในเวลาเพียง 59 วัน (อ่านรายละเอียดในบทความเรื่อง Apple Sells Two Million iPads in Less Than 60 Days) และทำสถิติยอดขายได้ 1 ล้านเครื่องในเวลาเพียง 28 วัน (อ่านรายละเอียดในบทความเรื่อง One million iPads in 28 days) และสามารถขายได้สูงถึง 300,000 เครื่องในวันแรกที่วางจำหน่าย (อ่านรายละเอียดในบทความเรื่อง Apple Sells Over 300,000 iPads on First Day)

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
• คุณลักษณะทางเทคนิคของ Apple iPad: Apple iPad Technical Specifications
• อุปกรณ์แอคเซสซอรี่สำหรับ iPad: iPad Accessories

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Apple

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Active Directory Migration Tool 3.2

ไมโครซอฟท์ออก Active Directory Migration Tool 3.2
บทความโดย: Windows Administrator Blog

Active Directory Migration Tool version 3.2 (ADMT v3.2) เป็นเครื่องมือฟรีจากไมโครซอฟท์ที่ช่วยให้กระบวนการไมเกรตออปเจ็กต์และจัดโครงสร้างระบบใหม่ในสภาพแวดล้อมแบบ Active Directory Domain Service (AD DS) ทำได้ง่ายและเร็วขึ้น โดยผู้ดูแลระบบสามารถใช้ ADMT v3.2 ในการไมเกรตผู้ใช้ (Users), เซอร์วิสแอคเคาท์ (Service Accounts), กลุ่ม (Groups) และคอมพิวเตอร์ (Computers) ระหว่างโดเมน AD DS ที่อยู่กันคนละฟอเรสต์ (Inter-forest migration) หรือระหว่างโดเมน AD DS ที่อยู่ในฟอเรสต์เดียวกัน (Intra-forest migration) นอกจากนี้ ADMT ยังสามารถทำ Security Translation (เพื่อไมเกรตโปรไฟล์ของโลคอลยูสเซอร์) เมื่อทำการไมเกรตแบบข้ามฟอร์เรส (Inter-forest) ได้อีกด้วย

Quick Details
• File Name: admtsetup32.exe
• Version: 3.2
• Date Published: 6/18/2010
• Language: English
• Download Size: 4.1 MB

การดาวน์โหลด:
ดาวน์โหลด Active Directory Migration Tool 3.2 ได้ที่เว็บไซต์ Downloaad: Active Directory Migration Tool (ADMT) 3.2

ความต้องการระบบ
Active Directory Migration Tool 3.2 รองรับระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 R2
• ADMT สามารถติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows Server 2008 R2 ยกเว้นในกรณีที่เป็น Read-Only domain controllers หรือ Server Core
• Target domain: โดยเมนปลายทางเป็นระบบ Windows Server 2003, Windows Server 2008 หรือ Windows Server 2008 R2
• Source domain: โดยเมนต้นทางจะต้องเป็นระบบ Windows Server 2003, Windows Server 2008 หรือ Windows Server 2008 R2
• เอเจนต์ของ ADMT จะต้องติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ในโดยเมนต้นทาง โดยสามารถทำงานได้บนคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows XP, Windows Server 2003, Windows Vista, Windows Server 2008, Windows 7 และ Windows Server 2008 R2

ความต้องการเพิ่มเติม
• PES v3.1 ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในการไมเกรตรหัสผ่านของยูสเซอร์ต้องดาวน์โหลดแยกต่างหาก
• ADMT v3.2 เป็นเวอร์ชันล่าสุดของเครื่องมือสำหรับใช้รองรับการไมเกรตระบบ Windows Server 2003, Windows Server 2008 หรือ Windows Server 2008 R2 โดเมนต้นทาง (source domains), โดเมนปลายทาง (target domains) หรือโดเมนคอนโทลเลอร์ (domain controllers)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Password Export Server 3.1

© 2008 Windows Administrator Blog, All Rights Reserved.

Internet Explorer 9 Preview 3 released


ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Internet Explorer 9 Preview 3
ไมโครซอฟท์เปิดให้ผู้สนใจดาวน์โหลด Internet Explorer 9 Preview 3 แล้ว สำหรับใครที่ต้องการทดสอบสามารถดาวน์โหลด มาติดตั้งเองได้จากเว็บไซต์ Windows Internet Explorer Platform Preview หรือติดตั้ง จากเว็บไซต์ Download Internet Explorer 9 (IE9) Preview 3 โดยเวอร์ชัน IE9 Preview 3 นี้สามารถติดตั้งได้เฉพาะบน Windows Vista SP2 และ Windows 7 เท่านั้น

หมายเหตุ: หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ Microsoft Download Center ที่ยูอาร์แอล http://www.microsoft.com/downloads/en/details.aspx?FamilyID=5187c0dc-2d67-466f-9611-5f2e5a499dea (*ยูอาร์แอลนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงหากมีการออกเวอร์ชันใหม่)

สำหรับการปรับปรุงใน IE9 Preview 3 นั้น ไมโครซอฟท์ได้พัฒนาการทำงานของ JavaScript ให้ทำงานได้เร็วขึ้นและเป็นไปตามมาตรฐานเว็บ (Web standard) มากขึ้น โดย ผลการทดสอบการทำงานของ IE9 Preview 3 ด้วย SunSpider ทำเวลาได้ 347 วินาที เร็วกว่า IE9 Preview 2 126 วินาที (IE9 Preview 2 ใช้เวลา 473 วินาที) สำหรับ ผลการทดสอบ Acid3 นั้น IE9 Preview 3 ได้คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 83 /100 (IE9 Preview 2 ได้ 68/100) นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถทดสอบการทำงานของ IE9 Preview 3 ผ่านทางเว็บไซต์ IETestDrive.com ใน 3 ด้านดังนี้

หมายเหตุ: โปรแกรม IE9 Preview 3 ที่เปิดให้ดาวน์โหลดนี้เป็นเพียงเฟรมของ IE9 ซึ่งนำเสนอความสามารถบางส่วนที่จะมีอยู่ในโปรแกรม IE9 เวอร์ชันเต็ม และบางฟีเจอร์อาจจะยังไม่สมบูรณ์และอาจมีการเปลี่บนแปลงได้ในภายหลัง

Speed Demos
• Amazon Shelf New
• FishIE Tank New
• Mr. Potato Gun New
• Asteroid Belt New
• window.msPerformance New
• Flying Images
• Flickr Explorer
• Browser Flip
• Scrolling Text
• Network Monitoring
• Text Size Animated
• Text Justification Animated
• Map Zooming
• Pulsating Bubbles

HTML5 Demos
• DOM Traversal Gallery New
• ECMAScript 5 Game New
• HTML5 Audio XML Playlist New
• getComputedStyle New
• ECMAScript 5 Arrays New
• Border Radius
• CSS3 Media Queries
• DOMContentLoaded
• DOM Events
• getElementsByClassName
• CSS3 Selectors
• DOM Style
• DOM Range & Selection
• HTML5 T-Shirt Designer
• Comparing Event Models

Graphics Demos
• IMDb Video Panorama New
• Deep Zoom New
• Web Fonts New
• Canvas Pad New
• IE Logo New
• SVG–oids
• Atlas zur Europawahl
• Color Profiles
• SVG Tweet Cloud
• Real-world Diagrams
• More Web Fonts
• Falling Balls
• Business Charts
• Organization Chart
• Image Support
• Org Chart in Page

รายละเอียดเพิ่มเติม
Internet Explorer 9 Preview 3 มีความรายละเอียดทางเทคนิคและความต้องการระบบ ดังนี้
Quick Details
File Name: iepreview.msi
Version: 1.9.7874.6000
Date Published: 6/23/2010
Language: English
Download Size: 16.1 MB

System Requirements
• รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows 7; Windows Vista SP2
• จะต้องติดตั้ง Windows Internet Explorer 8 และ DirectX 2D ก่อนทำการติดตั้ง Internet Explorer 9 Platform Preview

บทความโดย: Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
IE Blog

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Wednesday, June 23, 2010

Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Build 7601.16562.100603-1800 Released For Testers

ไมโครซอฟท์เปิดให้ผู้ใช้กลุ่มทดสอบดาวน์โหลด Windows 7 SP1 Beta แล้ว


หลังจากที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้ว่าไมโครซอฟท์ได้เชิญกลุ่มผู้ใช้ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการทดสอบ Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta และ Windows Server 2008 R2 Service Pack 1 (SP1) Beta ไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ล่าสุดมีการรายงานว่าไมโครซอฟท์เปิดให้ผู้ใช้กลุ่มทดสอบดาวน์โหลด SP1 Beta ได้แล้ว

โดย SP1 Beta สำหรับ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 ที่ไมโครซอฟท์เปิดให้กลุ่มผู้ทดสอบดาวน์โหลดในครั้งนี้มีหมายเลขเวอร์ชันเป็น 7601.16562.100603-1800 (6.1.7601.16562.win7sp1_beta.100603-1800) คอมไพล์ในวันที่ 3 มิถุนายน 2553 เวลา 6 PM ไฟล์มีขนาดประมาณ 1.22GB และมีในภาษาต่างๆ 5 ภาษาด้วยกันคือ German, Spanish, French, English และ Japanese

สำหรับหลักฐานที่ยืนยันการเปิดให้ผู้ใช้กลุ่มทดสอบดาวน์โหลด SP1 Beta คือ บทความซึ่งโพสต์บนเว็บไซต์ ไมโครซอฟท์ในประเทศอังกฤษ (United Kingdom - English) เรื่อง Troubleshoot problems installing a service pack for Windows 7 or Windows Server 2008 R2 และเรื่อง Why am I receiving a message that "Windows has detected unsupported languages files" when installing SP1 Beta for Windows 7 or Windows Server 2008 R2?

ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์จะออก SP1 Beta เพียงรีลีสเดียวซึ่งสามารถใช้ได้กับทั้ง Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 และสามารถใช้ได้ทั้งระบบ 32-bit (x86), 64-bit (x64) และ Itanium โดย SP1 สำหรับ Windows 7 จะเป็นแค่เพียงการรวมฟิกซ์ (Fixes) ต่างๆ ที่ออกหลังจากเวอร์ชัน RTM โดยไม่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใดๆ ในขณะที่ SP1 สำหรับ Windows Server 2008 R2 จะมีฟีเจอร์ใหม่ 2 ตัว ด้วยกันคือ Dynamic Memory และ Remote FX สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่ Windows 7 Service Pack 1 (SP1) Beta Available for Download Around the End of July

บทความโดย: The Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Softpedia

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Mozilla Firefox 3.6.4 - Fixed several security issues

Mozilla Firefox 3.6.4 แก้ 4 ปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรง
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

หลังจากล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมเป็นเวลาพอสมควร ในที่สุด Mozilla ก็ออก Firefox 3.6.4 ซึ่งเป็นรีลีสเพื่อแก้ไขปัญหาความปลอดภัยและปรับปรุงการทำงานที่พบใน Firefox 3.6.3 โดยออกให้ดาวน์โหลดวันที่ 22 มิถุนายน 2553 (ตรงกับวันที่ 23 มิ.ย. ตามเวลาในประเทศไทย) โดยมีแก้ 7 ปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัย โดยที่มี 4 ปัญหาที่ร้ายแรงสูง และแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ ที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้า Firefox 3.6.3

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการท่องอินเทอร์เน็ตขอแนะนำให้ท่านที่ใช้ Firefox 3.6.3 หรือเก่ากว่าให้ทำการอัพเดทในทันทีที่ทำได้ครับ

การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 3.6.4
โปรแกรมติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.4 เวอร์ชันสำหรับ Windows นั้นมีขนาดประมาณ 7.7 MB สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ดังนี้
Download Mozilla Firefox 3.6.4
Download Mozilla Firefox 3.6.4 for Windows

Mozilla Firefox 3.6.4

Mozilla Firefox 3.6.4 New Features
Firefox 3.6.4 เป็นเวอร์ชันที่ออกเพื่อปรับปรุงเกี่ยวกับความปลอดภัยและการทำงาน โดยมีการแก้ปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัยจำนวน 7 ตัว โดยที่มี 4 ปัญหาที่ร้ายแรงสูงรายละเอียดดังนี้
Fixed in Firefox 3.6.4
• MFSA 2010-33 User tracking across sites using Math.random() [Low]
• MFSA 2010-32 Content-Disposition: attachment ignored if Content-Type: multipart also present [Moderate]
• MFSA 2010-31 focus() behavior can be used to inject or steal keystrokes [Moderate]
• MFSA 2010-30 Integer Overflow in XSLT Node Sorting [Critical]
• MFSA 2010-29 Heap buffer overflow in nsGenericDOMDataNode::SetTextInternal [Critical]
• MFSA 2010-28 Freed object reuse across plugin instances [Critical]
• MFSA 2010-26 Crashes with evidence of memory corruption (rv:1.9.2.4/ 1.9.1.10) [Critical]

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่เว็บไซต์ Mozilla Foundation Security Advisories

ความต้องการระบบของ Firefox 3.6.x
ความต้องการระบบของ Firefox 3.6.x บนระบบปฏิบัติการ Windows มีดังนี้
Operating Systems
• Windows 2000
• Windows XP
• Windows Server 2003
• Windows Vista
• Windows 7

Minimum Hardware
• ใช้ซีพียูขั้นต่ำ Pentium 233 MHz (แนะนำ: Pentium 500MHz หรือสูงกว่า)
• เมมโมรี 64 MB RAM (แนะนำ: 128 MB RAM หรือมากกว่า)
• พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ 52 MB

การติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.4
วิธีการติดตั้ง Mozilla Firefox 3.6.4 นั้น แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ตามรายละเอียดดังนี้
แบบที่ 1 สำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว
การอัพเดทจาก Firefox เวอร์ชันก่อนที่ติดตั้งอยู่แล้ว ถ้าหากตั้งค่า Advanced>Update>Automatically check for update to: Firefox เมื่อทำการเปิดใช้งาน Firefox และมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต Firefox ก็จะทำการตรวจสอบการอัพเดทโดยอัตโนมัติ (สามารถสั่งให้ Firefox ทำการตรวจสอบการอัพเดทแบบแมนนวล โดยการคลิกที่เมนู Help แล้วคลิก Check for Updates)

แบบที่ 2 สำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์
การติดตั้ง Firefox 3.6.4 ใหม่ สำหรับผู้ใช้วินโดวส์ที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้ง Firefox บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้ดาวน์โหลด Firefox เวอร์ชันสำหรับวินโดวส์เว็บไซต์ในหัวข้อ การดาวน์โหลด Mozilla Firefox 3.6.4 ด้านบน แล้วทำการติดตั้งแบบแมนนวล สำหรับขั้นตอนและวิธีการติดตั้งสามารถอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ How to install Mozilla Firefox 3.6

การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.4
การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.4 สามารถทำได้จาก Add or Remove Programs ใน Control Panel โดยการยกเลิกการติดตั้ง Firefox 3.6.x นั้น โปรแกรมจะไม่ทำการลบข้อมูลต่างๆ คือ Bookmarks, Web Browsing History และ Extensions หรือ Add-ons ต่างๆ ให้อัตโนมัติ ดังนั้นผู้ใช้ต้องทำการลบด้วยตนเอง ตามตำแหน่งดังนี้

Windows Vista = Users\[username]\AppData\Roaming\Mozilla\Firefox
Windows 2000, XP, 2003 = Documents and Settings\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Windows NT = WINNT\Profiles\UserName\Application Data\Mozilla\Firefox
Mac OS X = ~/Library/Application Support/Firefox
Linux and Unix systems = ~/.mozilla/firefox

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Firefox 3.6.4 Release Notes

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Tuesday, June 22, 2010

Mitigation for Adobe Reader and Acrobat 9.x

วิธีป้องกันไวรัสที่แฝงมากับไฟล์ PDF สำหรับผู้ใช้ Adobe Reader และ Acrobat 9.x บนระบบ Windows
บทความโดย: Windows Administrator Blog

สืบเนื่องจากการพบช่องโหว่ความปลอดภัยในไฟล์ authplay.dll ที่มาพร้อมกับโปรแกรม Adobe Reader และ Acrobat 9.3.2 และเก่ากว่าเวอร์ชันสำหรับระบบ Windows, MAC และ UNIX ดังรายละเอียดที่โพสต์ไปก่อนหน้านี้ อ่านรายละเอียด »

เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการแก้ไข โดย Adobe กำลังพัฒนาอัพเดทสำหรับใช้แก้ปัญหาและจะออกให้ดาวน์โหลดในวันที่ 29 มิถุนายน 2553 ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในระหว่างที่รอการอัพเดทจาก Adobe ผู้ที่ใช้โปรแกรม Adobe Reader และ Acrobat เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบควรป้องกันตนเองตามวิธีการดังนี้

• ผู้ใช้ Adobe Reader 9.x เวอร์ชันสำหรับ Windows ให้เปิดไปที่โฟลเดอร์ C:\Program Files\Adobe\Reader 9.0\Reader\
• ผู้ใช้ Acrobat 9.x ให้เปิดไปที่โฟลเดอร์ C:\Program Files\Adobe\Acrobat 9.0\Acrobat\ จากนั้นคลิกขวาบนไฟล์ authplay.dll แล้วเลือก Rename

จากนั้นดำเนินการข้อใดข้อหนึ่งดังนี้

1. เปลี่ยนชื่อไฟล์ authplay.dll โดยคลิกขวาบนไฟล์ authplay.dll แล้วเลือก Rename พิมพ์ชื่อไฟล์ที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น authplay_bak.dllเสร็จแล้วกดปุ่ม Enter


2. ทำการลบไฟล์ authplay.dll โดยคลิกขวาบนไฟล์ authplay.dll แล้วเลือก Delete


3. ยกเลิกการแอคเซสไฟล์ authplay.dll โดยคลิกขวาบนไฟล์ authplay.dll แล้วเลือก Properties จากนั้นในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ "authplay.dll Properties" ให้คลิกแท็บ "Security" แล้วทำการกำหนดค่า Permission ของผู้ใช้ทั้งหมด ยกเว้น SYSTEM เป็น Deny เสร็จแลัวคลิก OK แล้วคลิก Yes ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Security เพื่อยืนยันการตั้งค่า


ข้อควรทราบ
วิธีการด้านบนจะส่งผลให้การทำงานของโปรแกรม Adobe Reader และ Acrobat เกิดความผิดพลาดในบางสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น ได้รับแจ้งข้อผิดพลาดเมื่อทำการเปิดไฟล์ PDF ที่มีมีการบรรจุเนื้อหา SWF อยู่ภายใน เป็นต้น

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Download: 2010 Information Worker Demonstration and Evaluation Virtual Machine

ทดสอบโปรแกรม Office 2010, SharePoint 2010 และ Project Server 2010 ในแบบเวอร์ชวลแมชชีน
บทความโดย: Windows Administrator Blog

ไมโครซอฟท์เปิดให้ผู้สนใจทดลองใช้งานโปรแกรม Office 2010, SharePoint 2010 และ Project Server 2010 ให้ดาวน์โหลด 2010 IW Demo and Evaluation VM ซึ่งจะเป็นเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ที่ได้รับการคอนฟิกไว้ล่วงหน้าสำหรับรันระบบ Windows Server 2008 R2 Hyper-V

2010 IW Demo and Evaluation VM ประกอบด้วยเวอร์ชวลแมชชีนจำนวน 2 ตัว ทำงานในสภาพแวดล้อมแบบแอคทีฟไดเร็กตอรีโดเมนโดเมนเซอร์วิส (Active Directory Domain Services หรือ ADDS)  เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการทดสอบ Office 2010, SharePoint 2010 และ Project Server 2010 เพื่อประเมินการทำงานก่อนติดตั้งใช้งานจริง โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ 2010 Information Worker Demonstration and Evaluation Virtual Machine (RTM)

Quick Details
Version: TBD
Date Published: 6/16/2010
Language: English
Download Size: 1 KB - 17315.8 MB (ขนาดดาวน์โหลดขึ้นอยู่กับการเลือกดาวน์โหลด)

ภาพรวม
เวอร์ชวลแมชชีน "a" ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ที่ได้รับการคอนฟิกไว้ล่วงหน้า (pre-configured) ดังนี้:
1. Windows Server 2008 R2 Standard Evaluation Edition x64, ทำหน้าที่เป็น Active Directory Domain Controller พร้อม DNS และ WINS ของโดเมน "CONTOSO.COM"
2. Microsoft SQL Server 2008 R2 Enterprise Edition with Analysis, Notification, and Reporting Services
3. Microsoft Office Communication Server 2007 R2
4. Microsoft Visual Studio 2010
5. Microsoft SharePoint Server 2010 Enterprise Edition
6. Microsoft Office Web Applications
7. Microsoft FAST Search for SharePoint 2010
8. Microsoft Project Server 2010
9. Microsoft Office Professional Plus 2010
10. Microsoft Visio 2010
11. Microsoft Project 2010
12. Microsoft Office Communicator 2007 R2

เวอร์ชวลแมชชีน "b" ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ที่ได้รับการคอนฟิกไว้ล่วงหน้า (pre-configured) ดังนี้:
1. Windows Server 2008 R2 Standard Evaluation Edition x64, เป็นสมาชิกของโดเมน "CONTOSO.COM"
2. Microsoft Exchange Server 2010

Active directory ได้รับการคอนฟิกแอคเคาท์ผู้ใช้จำนวนมากกว่า 200 แอคเคาท์ พร้อมเมทาดา (metadata) ในโครงสร้างองค์กร. โปรไฟล์ทั้งหมดของผู้ใช้ถูกนำเข้าและทำทำดัชนีสำหรับการค้นหาภายใน SharePoint Server 2010

SharePoint Server 2010 ได้รับการคอนฟิกแบบ "Complete" ฟาร์มโดยใช้ดีฟอลท์ SQL Server 2008 R2 อินสแตนท์ ไซต์ดีฟอลท์ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เท็มเพลต Team Site ที่ http://intranet.contoso.com/ และ FAST Search Center ที่ http://intranet.contoso.com/search/

อนึ่ง หากต้องการใช้งานเวอร์ชวลแมชชีน "a" ในการรับส่งอีเมลจะต้องทำการรันเวอร์ชวลแมชชีน “b” ด้วย (เวอร์ชวลแมชชีน "b" เป็นอ็อปชัน)

System Requirements
2010 IW Demo และ Evaluation VM มีความต้องการระบบดังนี้
• รองรับ Windows Server 2008 R2

ความต้องการระบบเพิ่มเติม:
• Windows Server 2008 R2 ต้องเปิดใช้งานหน้าที่ Hyper-V (Enable Hyper-V role on Windows Server 2008 R2 »)
• ไดรฟ์ฟอร์แมต: NTFS
• โปรเซสเซอร์ : ที่รองรับเทคโนโลยี้ Intel VT หรือ AMD-V
• แรม: ไมโครซอฟท์แนะนำให้ใช้แรม 8 GB หรือมากกว่า
• พื้นที่ฮาร์ดดิสก์อย่างน้อย: 50 GB

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Link

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Monday, June 21, 2010

Change SID on Windows Server 2008 R2 and Windows 7 using sysprep

วิธีการเปลี่ยนหมายเลข SID บน Windows Server 2008 R2 โดยไม่ละเมิดไลเซนส์ของไมโครซอฟท์
Security Identifier หรือ SID เป็นหมายเลขประจำตัวของเครื่องคอมพิวเตอร์และของออบเจ็กต์ต่างๆ ภายในระบบปฏิบัติการ Windows ตระกูล NT โดยหมายเลข SID มีขนาด 48 บิตและจะไม่ซ้ำกันระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง และเมื่อเราทำการสร้างออบเจ็กต์ เช่น แอคเคาท์ผู้ใช้ (User account) ออบเจ็กต์เหล่านั้นจะมีหมายเลข SID ตัวเองที่ไม่ซ้ำกับของออบเจ็กต์อื่นๆ ภายในเครื่องตัวเอง สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับ SID ทั้งหมดสามารถอ่านได้จาก รู้จักกับ Security Identifier (SID)

โดยปกติแล้วตามหมายเลข SID ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะไม่ซ้ำกัน แต่อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติอาจเกิดกรณีเครื่องคอมพิวเตอร์มีหมายเลข SID ซ้ำกันได้ ถ้าทำการติดตั้งเครื่องด้วยวิธีการโกสต์ (Ghost) ด้วยโปรแกรม Norton Ghost หรือมีการทำซ้ำ (Duplicate) เวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง

บทความนี้จะแสดงวิธีการเปลี่ยนหมายเลข SID บน Windows Server 2008 R2 โดยใช้ Sysprep ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ละเมิดข้อตกลงการใช้งาน (License Terms) และเป็นวิธีที่ไมโครซอฟท์แนะนำอย่างเป็นทางการ

หมายเหตุ: การตรวจสอบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์มีหมายเลข SID ซ้ำกันหรือไม่นั้นทำได้โดยใช้โปรแกรม PsGetSid (อ่านรายละเอียด »)

ข้อควรทราบ: วิธีการที่นิยมใช้ในการเปลี่ยนหมายเลข SID เครื่องคอมพิวเตอร์วิธีการหนึ่งคือการใช้โปรแกรม NewSID (พัฒนาโดย Mark Russinovich แห่ง Sysinternals ซึ่งปัจจุบันเป็นฝ่ายหนึ่งของไมโครซอฟท์) แต่ในปัจจุบันไมโครซอฟท์ยกเลิกการรองรับโปรแกรม NewSID ส่งผลให้การเปลี่ยนหมายเลข SID ด้วยโปรแกรม NewSID ไม่ว่าจะเป็นการทำบนเครื่องคอมพิวเตอร์จริงหรือเวอร์ชวลแมชชีน เป็นการละเมิดข้อตกลงการใช้งานของไมโครซอฟท์และทำให้การรองรับจากไมโครซอฟท์สิ้นสุดทันที

ข้อควรระวัง: การรัน sysprep ตามวิธีการในบทความนี้จะทำให้สถานะการแอคติเวตถูกรีเซ็ต

การเปลี่ยนหมายเลข SID บน Windows Server 2008 R2 โดยใช้ Sysprep มีขั้นตอนดังนี้

1. คลิก Start คลิก Run จากนั้นพิมพ์ sysprep ในช่อง Open เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter เพื่อเปิดโฟลเดอร์ sysprep ซึ่งอยู่ในโฟลเดอร์ C:\Windows\System32
2. ในหน้าต่างโฟลเดอร์ Sysprep ให้ดับเบิลคลิกบน sysprep.exe
3. ในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ System Preparation Tool 3.14 ในหัวข้อ System Cleanup Action ให้้เลือกเป็น "Enter System Out-of-Box Experience (OOBE)" และที่สำคัญให้เลือกเช็คบ็อกซ์ "Generalize" เพื่อทำการเปลี่ยนหมายเลข SID เครื่องคอมพิวเตอร์ ในส่วน Shutdown Options เลือกเป็น Reboot เสร็วแล้วคลิก OK

รูปที่ 1 System Preparation Tool 3.14

โปรแกรม sysprep จะแสดงหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Sysprep is Working ดังรูปที่ 3 ซึ่งใช้เวลาหลายนาทีในการทำงาน หลังจากทำงานแล้วเสร็จจะทำการรีสตาร์ทระบบโดยอัตโนมัติ

รูปที่ 2 System Preparation Tool 3.14

หลังจากเซิร์ฟเวอร์รีสตาร์ทเสร็จแล้วจะแสดงหน้าจอให้เริ่มต้นการเซ็ตอัพระบบใหม่ตามขั้นตอนดังนี้
1. กำหนดค่า Country or region, Time and currency, Keyboard layout
2. ยอมรับ Microsoft Saoftware License Terms
3. กำหนดรหัสผ่านของแอคเคาท์ Adminsitrator

หลังจากดำเนินการทั้ง 3 ขั้นตอนเสร็จจะเข้าสู่หน้าเดสก์ท็อปพร้อมเปิดหน้าต่าง Initial Configuration Tasks สำหรับรายละเอียดการติดตั้ง Windows Server 2008 R2 สามารถอ่านได้ที่ Windows Server 2008 R2 Evaluation (180 day) - Full Installation

เปรียบเทียบ SID ตัวใหม่กับตัวเก่า
หลังจากทำการเปลี่ยนหมายเลข SID เสร็จแล้ว จากนั้นเมื่อทำการตรวจสอบด้วยโปรแกรม PsGetSid เอ้าต์พุทที่ได้จะมีลักษณะดังรูปที่ 3 ซึ่งหมายเลข SID ตัวใหม่ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์คือ S-1-5-21-859463692-3558664941-3026737953

รูปที่ 3 New SID

ส่วนรูปที่ 4 เป็นหมายเลข SID ของเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนทำการรัน sysprep ซึ่งหมายเลข SID ตัวเดิมของเครื่องเซิร์ฟเวอร์คือ S-1-5-21-1788996298-2973550702-727223678

รูปที่ 4 Old SID

บทความโดย: Windows Administrator Blog

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Brajkovic.info

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Check SID on Windows Server 2008 R2 using PsGetSid

วิธีการตรวจสอบ SID บน Windows Server 2008 R2 โดยใช้ PsGetSid


ในบทความก่อนหน้าผมได้สาธิตวิธีการตรวจสอบหมายเลข SID โดยใช้คำสั่ง "whoami" (อ่านรายละเอียด ») ในบทความนี้จะแสดงวิธีการตรวจสอบ SID โดยใช้โปรแกรมชื่อว่า PsGetSid ซึ่งเป็นหนึ่งโปรแกรมในชุดเครื่องมือ PsTools ซึ่งเป็นเครื่องมือฟรีจาก Sysinternals (ปัจจุบันเป็นฝ่ายหนึ่งของไมโครซอฟท์)

PsGetSid นั้นมีข้อดีกว่าคำสั่ง "whoami" หลายอย่าง ตัวอย่างเช่น สามารถใช้ตรวจสอบหมายเลข SID ของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง สามารถใช้ตรวจสอบหมายเลข SID แอคเคาท์ต่างๆ ที่มีอยู่ในระบบได้ สามารถใช้ตรวจสอบหมายเลข SID แบบรีโมทได้ และ ฯลฯ โดยสามารถดาวน์โหลด PsGetSid ได้ฟรีจากเว็บไซต์ Download PsTools (1.60 MB) หลังจากดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้ทำการแตกไฟล์ให้เรียบร้อย ซึ่งจะได้เครื่องมือ PsGetSid และเครื่องมืออื่นๆ อักหลายตัว ในที่นี้เก็บไฟล์ที่ได้จากการแตกไฟล์ซิปไว้ในโฟลเดอร์ PsTools

รูปแบบการรันคำสั่ง PsGetSid
การรันคำสั่ง PsGetSid มีรูปแบบ ดังนี้
psgetsid [\\computer[,computer[,...] | @file] [-u username [-p password]]] [account|SID]

สำหรับรายละเอียดการรันคำสั่ง PsGetSid นั้นสามารถดูได้โดยการรันคำสั่ง psgetsid /?

วิธีการตรวจสอบหมายเลข SID โดยใช้โปรแกรม psgetsid มีขั้นตอนดังนี้

หมายเหตุ: วิธีการในบทความนี้สามารถใช้ทำการตรวจสอบ SID บน Windows XP, Windows Vista, Windows 7, Windows Server 2003 และ Windows Server 2008 ได้

1. คลิก Start พิมพ์ cmd ในช่อง Search programs and files จจากนั้นคลิก cmd ที่แสดงในรายการภายใต้หัวข้อ Programs
2. เปลี่ยนการทำงานไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บโปรแกรม PsGetSid ตัวอย่างเช่น C:\PsTools เป็นต้น
3. ทำการรันคำสั่ง PsGetSid ดังนี้
3.1 ตรวจสอบหมายเลข SID ของเครื่องคอมพิวเตอร์
การตรวจสอบหมายเลข SID ของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้รันคำสั่ง C:\PsTools\psgetsid ที่คอมมานด์พร็อมท์เอ้าต์พุทที่ได้จะมีลักษณะดังรูปที่ 1 ซึ่งหมายเลข SID ของเครื่องคอมพิวเตอร์คือ S-1-5-21-1788996298-2973550702-727223678

รูปที่ 1 psgetsid

3.2 ตรวจสอบหมายเลข SID ของแอคเคาท์ "Administrator"
การตรวจสอบหมายเลข SID ของแอคเคาท์ "Administrator" ทำได้โดยการรันคำสั่ง C:\PsTools\psgetsid ที่คอมมานด์พร็อมท์ ซึ่งจะได้เอ้าต์พุทลักษณะดังรูปที่ 2 ซึ่งหมายเลข SID ของแอคเคาท์ "Administrator" คือ S-1-5-21-1788996298-2973550702-727223678-500

รูปที่ 2 psgetsid administrator

หมายเหตุ:
ค่า SID ของผู้ดูแลระบบ (Administrator) นั้นจะมีตัวเลข 3 ตัวหลังเป็น 500 เสมอ
ค่า SID ของยูสเซอร์ที่สร้างขึ้นก่อนจะมีตัวเลข 4 ตัวหลังน้อยกว่าของยูสเซอร์ที่สร้างขึ้นหลังเสมอ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รู้จักกับ Security Identifier (SID)

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Check SID on Windows Server 2008 R2 using "whoami"

วิธีการตรวจสอบหมายเลข SID บน Windows Server 2008 R2 โดยใช้ "whoami"


หากพูดถึง Security Identifier หรือ SID แล้วหลายๆ คนอาจจะรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องลึกลับและยากจะเข้าใจทั้งๆ ที่ SID เป็นเพียงหมายเลขประจำตัวของเครื่องคอมพิวเตอร์และของออบเจ็กต์ต่างๆ ภายในระบบปฏิบัติการ Windows ตระกูล NT เท่านั้น นั้นคือเมื่อเราทำการติดตั้งระบบ Windows ตระกูล NT ก็จะมีการกำหนดหมายเลข SID ซึ่งมีขนาด 48 บิตให้กับคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าว โดยหมายเลข SID นี้จะไม่ซ้ำกันระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง และเมื่อเราทำการสร้างออบเจ็กต์ เช่น แอคเคาท์ผู้ใช้ (User account) ออบเจ็กต์เหล่านั้นจะมีหมายเลข SID ตัวเองที่ไม่ซ้ำกับของออบเจ็กต์อื่นๆ ภายในเครื่องตัวเอง สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับ SID ทั้งหมดสามารถอ่านได้จาก รู้จักกับ Security Identifier (SID)

วิธีการตรวจสอบหมายเลข SID
จากที่กล่าวไปตอนต้นว่าคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะหมายเลข SID ไม่ซ้ำกัน แต่อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัตินั้นอาจเกิดกรณีเครื่องคอมพิวเตอร์มีหมายเลข SID ซ้ำกันได้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดตั้งเครื่องด้วยวิธีการโกสต์ (Ghost) โดยใช้ซอฟต์แวร์ Norton Ghost หรือมีการทำซ้ำ (Duplicate) เวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เป็นต้น

โดยวิธีการตรวจสอบหมายเลข SID ของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นมีหลายวิธี บทความนี้จะแสดงวิธีการตรวจสอบหมายเลข SID ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ Windows Server 2008 R2 โดยใช้โปรแกรมชื่อ whoami ซึ่งถูกติดตั้งพร้อมกับการติดตั้ง Windows ส่วนวิธีการอื่นๆ จะนำมาเสนอในตอนต่อไป สำหรับวิธีการแก้ไขกรณีเกิดปัญหา SID ซ้ำกันนั้นจะนำมาเสนอในโอกาสต่อไปครับ

หมายเหตุ: วิธีการในบทความนี้สามารถใช้ทำการตรวจสอบ SID บน Windows Server 2003, Windows Server 2003 R2 และ Windows Server 2008 ได้

วิธีการตรวจสอบหมายเลข SID โดยใช้โปรแกรม whoami มีขั้นตอนดังนี้

1. คลิก Start พิมพ์ cmd ในช่อง Search programs and files จากนั้นคลิก cmd ที่แสดงในรายการภายใต้หัวข้อ Programs
2. ในหน้าต่างคอมมานด์พร็อมท์ให้พิมพ์คำสั่ง whoami /user เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter ซึ่งเอ้าต์พุตที่ได้จะมีลักษณะดังรูปที่ 1 ซึ่งหมายเลข SID ของผู้ใช้ชื่อ Administrator คือ S-1-5-21-1788996298-2973550702-727223678-500

รูปที่ 1 whoami /user

ทั้งนี้ คำสั่ง whoami มีข้อจำกัดคือ สามารถดูได้เฉพาะหมายเลข SID ของแอคเคาท์ที่กำลังล็อกออนเท่านั้น และไม่สามารถดูหมายเลข SID ของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง แต่จะแสดงหมายเลข SID ของเครื่องคอมพิวเตอร์รวมอยู่กับหมายเลข SID ของผู้ใช้ที่ได้จากการรันคำสั่ง whoami /user ซึ่ง ในที่นี้ (ดูรูปที่ 1 ประกอบ) คือ S-1-5-21-1788996298-2973550702-727223678

อนึ่ง คำสั่ง whoami นั้นนอกจากสามารถใช้ดูหมายเลข SID ได้แล้ว ยังสามารถใช้งานอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง ให้ทำการรันคำสั่ง C:\whoani /? ที่คอมมานด์พร็อมท์เพื่อดูรายละเอียดวิธีการใช้งานทั้งหมด

หมายเหตุ:
ค่า SID ของผู้ดูแลระบบ (Administrator) นั้นจะมีตัวเลข 3 ตัวหลังเป็น 500 เสมอ
ค่า SID ของยูสเซอร์ที่สร้างขึ้นก่อนจะมีตัวเลข 4 ตัวหลังน้อยกว่าของยูสเซอร์ที่สร้างขึ้นหลังเสมอ

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Sunday, June 20, 2010

Number of Infected PDF Files on the Rise

ระวัง! จำนวนมัลแวร์ที่แฝงมากับไฟล์เอกสาร PDF เพิ่มมากขึ้น
บทความโดย: Windows Administrator Blog

Avira บริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์ด้านความปลอดภัยชื่อดังสัญชาติเยอรมัน เจ้าของโปรแกรม Avira AntiVir (ซึ่งมีเวอร์ชัน Personal ให้ใช้ฟรี) ได้รายงานสถิติการตรวจพบภัยคุกคามทางออนไลน์ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ฟิชชิ่ง (Phishing), สแปม (Spam) และมัลแวร์ (Malware) ในเดือนพฤษภาคม 2553 ผลปรากฏว่า มีการแพร่ระบาดของมัลแวร์ผ่านทางไฟล์ PDF เพิ่มขึ้นถึง 52.15% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน โดยรหัสโดเมนของประเทศ (Top Level Domain หรือ TLD) ของเว็บไซต์ที่มีการตรวจพบมัลแวร์มากที่สุดคือ โดเมน .ru ส่วนโดเมน .br จะเป็นรหัสโดเมนของประเทศของเว็บไซต์ที่ถูกใช้ในการทำฟิชชิ่งมากที่สุด

ประเภทไฟล์ที่ติดไวรัส
สำหรับประเภทไฟล์ที่ใช้ในการแพร่ระบาดมัลแวร์มากที่สุดได้แก่ไฟล์นามสกุล .exe, .txt, .php, .jpg, .dll, .pdf, .gif และ .com ตามลำดับ และมีมัลแวร์ที่แพร่ระบาดถึง 31% ที่เป็นไฟล์ที่ไม่มีนามสกุล โดยไฟล์เอกสารประเภท PDF นั้นมีสัดส่วนเพียง 1.20% ของจำนวนไฟล์ที่ตรวจพบมัลแวร์ทั้งหมด แต่ประเด็นสำคัญคือมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 52.15% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน สำหรับประเภทของไฟล์ที่มีจำนวนเพิ่มมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ ไฟล์ .cmd เพิ่มขึ้น 66.67%, ไฟล์ .ocx เพิ่มขึ้น 56.25% และไฟล์ .swf เพิ่มขึ้น 43.30%

รหัสโดเมนของประเทศของเว็บไซต์ที่พบมัลแวร์และการฟิชชิ่งมากที่สุด
รหัสโดเมนของประเทศของเว็บไซต์ที่พบมัลแวร์และการฟิชชิ่งมากที่สุดได้แก่โดเมน .com โดยมีจำนวนเว็บไซต์ที่ถูกใช้ในการทำฟิชชิ่งและแพร่ระบาดมัลแวร์ 49.9% และ 44.53% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ซึ่งอาจจะมีผลมาจากมีการจดทะเบียนโดเมน .net และโดเมน.org เพิ่มมากขึ้น

ในขณะที่โดเมน .kr (เกาหลีใต้) ซึ่งครองตำแหน่งทั้งเว็บไซต์ที่พบมัลแวร์และการทำฟิชชิ่งมากที่สุดในเดือนเมษายนนั้น ในเดือนพฤษภาคมพบเว็บไซต์โดเมน .kr มีการทำฟิชชิ่งมีจำนวนลดลงอย่างมากถึง 246.22% และเว็บไซต์ที่พบมัลแวร์มีจำนวนลดลง 27.72% โดยเว็บไซต์ที่พบมัลแวร์และการทำฟิชชิ่งมากที่สุดในเดือนพฤษภาคมได้แก่โดเมน .br (บราซิล) และโดเมน .ru (รัสเซีย)

PayPal ยังคงเป็นแบรนด์ที่ตกเป็นเป้าหมายของการทำฟิชชิ่งมากที่สุดที่ 44.99% ของการโจมตีทั้งหมดที่ตรวจพบ โดยมี Ebay เป็นอันดับที่ 2 ที่ 16.05%, ธนาคาร HSBC ที่ 12.04%, Facebook ที่ 5.33% และ ธนาคาร Bank of America ที่ 2.09%

สแปมเมล
ประเภทของการสแปมเมลที่มีจำนวนมากที่สุดในเดือนพฤษภาคมเป็นการสแปมเกี่ยวกับการขายยาออนไลน์ โดยมีจำนวนถึง 13.37% ของอีเมลขยะทั้งหมด อันดับที่ 2 ได้แก่การสแปมเกี่ยวกับนาฬิกาจำลอง (Replica watches) ที่ 7.34%, มหาวิทยาลัยปลอม (Fake university degrees) ตามมาในอันดับที่ 3 ที่ 7.26%, การหลอกลวง Nigerian 4190-like ที่ 2.80% และการปล่อยเงินกู้ (Loans) ที่ 2.63

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Softpedia

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

Change the Canvas Size in Windows 7 Paint

ทิป: กำหนดขนาดภาพของ Paint ใน Windows 7 ให้มีขนาดพอดีกับภาพที่ทำการจับ
บทความโดย: Windows Administrator Blog

ถึงแม้ว่าใน Windows 7 นั้นจะมีเครื่องมือสำหรับช่วยจับภาพหน้าจออย่าง Sniping Tool ให้มาด้วย (อ่านรายละเอียดที่ การจับภาพหน้าจอใน Windows 7 ด้วย Snipping Tool) แต่ผมยังคงชื่นชอบการจับภาพโดยการใช้ Ctrl +Print Scrn สำหรับการจับภาพแบบเต็มจอ และ Alt+Print Scrn สำหรับการจับภาพหน้าต่างโปรแกรมที่กำลังแอ็คทีฟ จากนั้นจึงนำภาพที่ได้ไปวางลงในโปรแกรม Paint มากกว่า

อย่างไรก็ตาม มีปัญหาเล็กๆ อย่างหนึ่งที่ผมประสบในการใช้งานโปรแกรม Paint นั้นคือ ค่าขนาดของภาำำพที่ทำการสร้างจะถูกกำหนดโดยดีฟอลท์ให้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ คือ 864 x 540 พิกเซล ผลที่ตามมาคือ ถ้าหากทำการจับภาพหน้าจอที่มีขนาดเล็กกว่าขนาดดังกล่าว จะต้องเสียเวลาในการตัดภาพเพื่อให้เหลือเฉพาะส่วนต้องการ

สำหรับวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ทำได้ไม่ยากนั้นคือ ทำการกำหนดให้ขนาดของภาพที่สร้างขึ้นใหม่ในโปรแกรม Paint ให้มีขนาดเล็ก เช่น 1 x 1 พิกเซล เป็นต้น ตามขั้นตอนดังนี้

1. เปิดโปรแกรม Paint โดยการคลิก Start แล้วพิมพ์ mspaint ในช่อง Search programs and files จากนั้นคลิก mspaint.exe ที่แสดงในรายการภายใต้หัวข้อ Programs (1)
2. ในหน้าต่างโปรแกรม Paint ให้คลิกเมนู File (กรอบสีส้มในรูปที่ 1) แล้วเลือก Properties หรือกดปุ่ม Ctrl + E

รูปที่ 1

3. จากนั้นในหน้าต่าง Image Properties ดังรูปที่ 2 ให้กำหนดค่า Width เท่ากับ 1 และ Height เท่ากับ 1 เสร็จแล้วคลิก OK

รูปที่ 2

หลังจากทำการตั้งค่า Image Properties ให้มีขนาดเล็กลงแล้ว ในการใช้งานครั้งต่อๆ ไปเมื่อทำการจับภาพหน้าจอไปวางใน Paint ภาพที่ได้จะมีขนาดเท่ากับภาพที่นำไปวาง โดยไม่ต้องปรับแต่งขนาดของภาพให้เสียเวลา

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.