1 มีนาคม 2555: ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Windows Server 8 Beta แล้ว
ระบบปฏิบัติการ Windows Server ตัวถัดไปของไมโครซอฟท์ซึ่งใช้โค้ดเนมว่า Windows Server 8 นั้นพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้องค์กรยกระดับเวอร์ชวลไลเซชัน (Virtualization) ไปสู่เป็นระบบไพรเวทคลาวด์เซอร์วิส (Private Cloud Services) โดย Mike Neil ซึ่งเป็น General Manager ของแผนก Windows Server & Cloud ได้เปิดเผยในบล็อก Microsoft Server and Cloud Platform Blog ว่า Windows Server 8 Hyper-V ได้รับการปรับปรุงให้มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น ในขณะที่การเชื่อมต่อกับบริการแบบคลาวด์ (Cloud Services) ทำได้ง่ายขึ้น เพื่อจัดเตรียมแพลตฟอร์มเวอร์ชวลไลเซชันที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้ใช้
Windows Server 8 Hyper-V จะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างระบบคลาวด์ (Clouds) แบบ Isolated, Multi-tenant ได้อย่างเต็มรูปแบบทำให้สามารถสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) ขนาดใหญ่ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า และให้แพลตฟอร์มคลาวด์ที่สามารถจัดการได้มากที่สุด สามารถขยายและทำงานร่วมกันได้กับระบบคลาวด์ โดยใน Windows Server 8 Developer Preview มีการปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆ ให้รองรับแพลตฟอร์มเสมือนได้อย่างสมบูรณ์แบบและจัดเตรียมแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับคลาวด์ ดังนี้
Multi-tenancy, Isolation & Quality of Service (QoS)
การรองรับระบบคลาวด์แบบ Isolated, Multi-tenant และคุณภาพการให้บริการของ Windows Server 8 Hyper-V
- Hyper-V Network Virtualization:
ช่วยให้สามารถเก็บหมายเลข IP ภายในเมื่อย้ายระบบไปเป็นแบบคลาวด์ในขณะที่แยกจากเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) ขององค์กรอื่นๆ แม้ว่าเวอร์ชวลแมชชีนเหล่านั้นจะใช้หมายเลข IP เดียวกันก็ตาม - Hyper-V Network Virtualization:
เพิ่มตัวเลือกการรักษาความปลอดภัยแบบ Isolation และ Multi-tenant
สามารถปรับรูปแบบการจราจรและควบคุมการจราจรบนระบบเครือข่าย
มีระบบป้องกันความปลอดภัยจากเวอร์ชวลแมชชีนที่เป็นอันตรายในตัว - Quality of Services (QoS) การจัดการแบนด์วิดธ์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมในสภาพแวดล้อมแบบเสมือน
- Resource Metering สำหรับใช้ในการสร้างรายงานการใช้งานพร้อมรายละเอียดได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
แต่เนื่องจากปัจจุบันการบริการแบบเสมือนและคลาวด์ (Virtualization and Cloud Services) ในองค์กรมีความสำคัญเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อให้ผู้ให้บริการโฮสต์เพิ่มความสามารถในการตอบสนองของระบบให้สอดคล้องกับ SLAs และความคาดหวังของลูกค้า Windows Server 8 จึงได้รับการปรับปรุงที่สำคัญเพื่อขยายขีดความสามารถและประสิทธิภาพการทำงานสำหรับแพลตฟอร์มเสมือน ด้วย Heper-V จะช่วยให้องค์กร IT รันเวิร์คโหลดมากขึ้นได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ทรัพยากรเท่าเดิม และเพื่อ offload กระบวนการที่เฉพาะเจาะจงให้เป็นอิสระจากระบบฮาร์ดแวร์ ส่งผลให้ ความหนาแน่นสูงและสภาพแวดล้อมที่ปรับขนาดได้ซึ่งสามารถนำมาปรับระดับการดำเนินการให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้
Windows Server 8 มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ช่วยสนับสนุนสภาพแวดล้อมแบบเสมือนได้อย่างรวดเร็วและอย่างมีความน่าเชื่อถือ โดยบางส่วนของความสามารถใหม่ในเวอร์ชัน Windows Server 8 Developer Preview มีดังนี้
Massive Scale & Performance
ประสิทธิภาพและการรองรับการทำงานขนาดใหญ่ของ Windows Server 8 Hyper-V
- สามารถรองรับโปรเซสเซอร์แบบลอจิคัลได้สูงถึง 160 ตัวต่อโฮสต์
- สามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงถึง 2 TB ต่อโฮสต์
- สามารถรองรับโปรเซสเซอร์แบบเสมือนถึง 32 ต่อเวอร์ชวลแมชชีน
- สามารถรองรับความจำได้ถึง 512 GB ต่อเวอร์ชวลแมชชีน
- รองรับ VHDX ซึ่งเป็นรูปแบบฮาร์ดดิสก์เสมือนแบบใหม่ได้ถึง 16 TB ต่อฮาร์ดดิสก์เสมือนและการรองรับฮาร์ดิสก์รุ่นใหม่ที่มีดิสก์เซ็กเตอร์ขนาดใหญ่
- Hyper-V สนับสนุนดิสก์ได้โดยไม่มีขีดจำกัดสูงสุดยกเว้นข้อจำกัดการรองรับโดยระบบปฏิบัติการเกสต์ (Guest OS)
- Hyper-V Single Root-I/O Virtualization (SR-IOV) ช่วยให้สามารถแมปการ์ดเครือข่าย (NICs) ภายในเวอร์ชวลแมชชีนเพื่อเพิ่มการรองรับเวิร์คโหลด SR-IOV มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเวิร์คโหลดที่จำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่อความเร็วสูงกว่า 10GbE
- Hyper-V Offloaded Data Transfer (ODX) ช่วยให้การทำ Offloaded Transfers ระหว่างดิสก์เสมือน, อาร์เรย์ และข้ามศูนย์ข้อมูล มีความปลอดภัยโดยใช้งาน CPU เพียงเล็กน้อยหรือไม่ต้องใช้เลย
- Guest Fiber Channel which provides:
- เพิ่มตัวเลือกให้กับเวอร์ชวลแมชชีนในการสนับสนุนการจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่ายพื้นที่เก็บข้อมูล (SANs) แบบ Fibre Channel
- สนับสนุนการทำคลัสเตอร์เกสต์ผ่าน Fibre Channel
- การสนับสนุน Multi-path IO (MPIO) บนเกสต์
Complete VM Mobility
- Live Migration ช่วยให้สามารถโยกย้ายเวอร์ชวลแมชชีนผ่านระบบเครือข่ายได้โดยไม่มีดาวน์ไทม์ (Downtime)
- Live Storage Migration ช่วยให้การบริการเก็บข้อมูลโดยไม่มีดาวน์ไทม์ และการเก็บข้อมูลในแบบโหลดบาลานซ์ (Load balancing)
- Live Migrations และ Live Storage Migrations แบบ Concurrent ช่วยให้สามารถโยกย้ายเวอร์ชวลแมชชีนและเวอร์ชวลสตอเรจ (Virtual Storage) ผ่านระบบเครือข่ายได้โดยไม่มีดาวน์ไทม์ได้จำนวนมากเท่าที่ต้องการตราบเท่าที่ระบบฮาร์ดแวร์สามารถรองรับได้
- Live Migration รองรับการจัดลำดับความสำคัญ (Prioritization) ในโยกย้ายเวอร์ชวลแมชชีน
- Hyper-V รองรับการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลแบบ SMB2.2 ซึ่งทำให้ง่ายต่อการจัดเตรียมและจัดการระบบเก็บข้อมูล, ใช้ประโยชน์จากการระบบเครือข่ายที่มีอยู่
การปรับปรุงใน Windows Server 8 Hyper-V นั้นเป็นไปตามการเรียกร้องของผู้ใช้ ทำให้สามารถทำการโยกย้ายเวอร์ชวลแมชชีนผ่านระบบเครือข่ายได้โดยไม่มีดาวน์ไทม์แม้ว่ามีหรือไม่มีระบบพร้อมใช้งานสูง (High Availability) ก็ตาม
Windows Server 8: The Ideal Foundation for the Cloud
เทคโนโลยี Windows Server 8 Hyper-V สนับสนุนสภาพแวดล้อมระบบ IT แบบไดนามิกที่มีการปรับตัวอย่างรวดเร็วตามการเปลี่ยนแปลงความต้องการทางธุรกิจ โดย Hyper-V จะให้เครื่องมือและสนับสนุนกระบวนการที่สามารถเพิ่มโดยอัตโนมัติ และช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมของโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ซึ่งจะส่งผลให้ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นแบบไดนามิกอย่างสมบูรณ์แบบ และช่วยแยกโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพออกจากลอจิคัลเวิร์คโหลดอย่างเต็มรูปแบบ - ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของโซลูชั่นไพรเวทคลาวด์ (Private cloud)
คลาวด์คอมพิวติ้งนำระบบเสมือน (Virtualization) ก้าวไปยังระดับถัดไปโดยการนำคอมพิวเตอร์, เครือข่าย และทรัพยากรสำหรับจัดเก็บข้อมูลมาเป็นพูลที่มีความยืดหยุ่นที่สามารถจัดสรรให้กับเวิร์คโหลดใดๆ ได้ ด้วยความสามารถในการเพิ่มและลดการใช้ทรัพยากรตามความต้องการใช้งานจริง คลาวด์คอมพิวติ้งช่วยให้ระบบ IT มีความยืดหยุ่นและสามารถขยายตัวได้มากขึ้น การสร้างสมรรถนะให้กับผู้ใช้สามารถจัดการระบบด้วยตนเองและใช้ทรัพยากรได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลด Windows Server 8 Developer Preview ได้จากเว็บไซต์ MSDN Download Center และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ดาวน์โหลด Windows Server 8 Developer Preview
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Microsoft Server and Cloud Platform Blog
Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.
No comments:
Post a Comment
เชิญแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ข้อความ HTML