ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 (รวมถึง Windows Vista) อาจจะประสบกับปัญหาในการใช้งานอุปกรณ์ฮาร์ดดิสเชื่อมต่อภายนอก (External Hard Disk) แบบ eSATA ที่มีขนาดใหญ่กว่า 2.2TB เนื่องจากระบบจะรายงานขนาดความจุของฮาร์ดดิสต่ำกว่าขนาดที่แท้จริง ส่งผลทำให้เกิดความล้มเหลวในการอ่านและเขียนข้อมูลบนไดรฟ์
สาเหตุ:
ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้ชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาการเชื่อมต่อฮาร์ดดิสเชื่อมต่อภายนอกแบบ eSATA บนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows Vista และ Windows 7 ว่ามีสาเหตุมาจากไดรเวอร์ของตัวคอนโทรลเลอร์รายงานจำนวนของเซ็กเตอร์ (Sector) บนดิสก์น้อยกว่าความเป็นจริง เนื่องจากไดรฟ์ที่มีขนาดใหญ่นั้นจะมีจำนวนของเซ็กเตอร์ที่มากกว่า 32-บิท แต่ถูกรายงานโดยใช้ 32-บิท ส่งผลทำให้การคำนวณค่าความจุของฮาร์ดดิสได้ค่าต่ำกว่าขนาดที่แท้จริง
ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดของมาตรฐาน SATA นั้นอนุญาตให้การรายงานจำนวนของเซ็กเตอร์ได้ถึง 48-บิท ในขณะที่ Windows จะใช้ READ CAPACITY (10) และ READ CAPACITY (16) ในการระบุจำนวนของเซ็กเตอร์บนดิสก์และสามารถระบุได้สูงสุดถึง 64-บิท (อ่านรายละเอียดได้ที่: http://www.microsoft.com/whdc/device/storage/LUN_SP1.mspx) แต่ในไดรเวอร์ของคอนโทรลเลอร์ SATA บางตัวจะรายงานจำนวนของเซ็กเตอร์ที่มากกว่า 32-บิท ให้กับ READ CAPACITY (10) ซึ่งที่ถูกต้องนั้นจะต้องรายงานจำนวนของเซ็กเตอร์แบบที่มากกว่า 32-บิท เป็น 0xffffffff ไปยัง READ CAPACITY (16)
วิธีการแก้ไข
ไมโครซอฟท์แนะนำให้ผู้ที่ประสบปัญหาการใช้งานฮาร์ดดิสเชื่อมต่อภายนอกแบบ eSATA ที่มีขนาดใหญ่กว่า 2.2TB ติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตคอนโทรลเลอร์ SATA เพื่อทำการอัปเดทไดรเวอร์เป็นเวอร์ชันใหม่ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ได้
วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ
วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ Windows 7 และ Windows Vista รุ่นต่างๆ ดังนี้
- Windows Vista Business
- Windows Vista Home Basic
- Windows Vista Home Premium
- Windows Vista Ultimate
- Windows 7 Enterprise
- Windows 7 Home Basic
- Windows 7 Home Premium
- Windows 7 Professional
- Windows 7 Ultimate
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• KB981627
Copyright © 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.
No comments:
Post a Comment
เชิญแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ข้อความ HTML