วิธีปรับให้ Windows XP ชัทดาวน์เร็วขึ้น
บทความนี้เป็นทิปวิธีการเร่งเวลาการชัทดาวน์เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP โดยการลดค่าเวลาไทม์เอ้าท์ด้วยการแก้ไขค่า WaitToKillServiceTimeout ในรีจีสทรี (Registry) ให้มีค่าน้อยลง (ค่าดีฟอลท์เป็น 20000) และการกำหนดให้ Windows XP ทำการปิดแอพพลิเคชันที่ไม่ตอบสนอง (Non-response Application) โดยอัตโนมัติ
ข้อควรระวัง!
การแก้ไขรีจีสทรีมีความเสี่ยงที่อาจทำให้การทำงานของ Windows ผิดพลาดหรือทำงานไม่ได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ให้ทำการสำรองข้อมูลรีจีสทรีเก็บไว้ในที่ปลอดภัยก่อนทำการแก้ไข
ลดค่าเวลาไทม์เอ้าท์
โดยดีฟอลท์ Windows XP จะกำหนดค่าไทม์เอ้าท์เป็น 20000 สำหรับวิธีการลดค่าไทม์เอ้าท์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ชัทดาวน์ได้เร็วขึ้น มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เปิดโปรแกรม Registry editor โดยคลิก Start คลิก Run แล้วพิมพ์ regedit ในช่อง Run เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter
2. ในหน้าต่างโปรแกรม Registry editor ให้เนวิเกตไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE \ SYSTEM \ CurrentControlSet \ Control
3. ในแพนด้านขวามือของหน้าต่างโปรแกรม Registry editor ให้คลิกขวาที่ WaitToKillServiceTimeout แล้วเลือก Modify
4. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Edit String เปลี่ยนค่าดีฟอลท์ (20000) เป็นตัวเลขที่น้อยลง เช่น 5000 หรือ 4000 เป็นต้น เสร็จแล้วคลิก OK
5. ปิดโปรแกรม Registry editor แล้วทำการรีสตาร์ทเพื่อให้การแก้ไขมีผล
หมายเหตุ:
ถ้าหากกำหนดค่า Timeout น้อยเกินไป เช่น 1000 หรือ 2000 อาจทำให้ระบบไม่สามารถทำการปิดบางโปรแกรมได้ทัน
กำหนดให้ Windows XP ปิดแอพพลิเคชันไม่ตอบสนองการทำงานโดยอัตโนมัติ
โดยดีฟอลท์ Windows XP จะถูกกำหนดให้รอจนกว่าแอพพลิเคชันที่กำลังเปิดอยู่ทั้งหมดทำงานแล้วเสร็จจึงค่อนทำการชัทดาวน์ระบบ ส่งผลให้ในกรณีที่แอพพลิเคชันไม่ตอบสนองการทำงาน Windows XP รอการยืนยันจากผู้ใช้จึงจะทำการชัทดาวน์ แต่ผู้ใช้สามารถทำการแก้ไขรีจีสทรีเพื่อให้ Windows XP ทำการชัทดาวน์โดยอัตโนมัติได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เปิดโปรแกรม Registry editor โดยคลิก Start คลิก Run แล้วพิมพ์ regedit ในช่อง Run เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter
2. ในหน้าต่างโปรแกรม Registry editor ให้เนวิเกตไปที่คีย์ HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop
3. ในแพนด้านขวามือของหน้าต่างโปรแกรม Registry editor ให้คลิกขวาที่ AutoEndTasks แล้วเลือก Modify
4. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Edit String เปลี่ยนค่าดีฟอลท์ 0 เป็น 1 เสร็จแล้วคลิก OK
5. ปิดโปรแกรม Registry editor แล้วทำการรีสตาร์ทเพื่อให้การแก้ไขมีผล
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
No comments:
Post a Comment
เชิญแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ข้อความ HTML