ศัพท์เน็ตเวิร์กที่ควรทราบ
Asynchronous Transfer Mode (ATM)
ATM เป็นเทคโนโลยีการรับ-ส่งข้อมูล (เช่นเสียง ภาพเคลื่อนไหว หรือไฟลข้อมูล) โดยการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนๆ ในขนาดที่คงที่ โดยเรียกข้อมูลออกที่ถูกแยกเป็นส่วนๆ ว่า cell มีขนาด 53 ไบต์ ซึ่งเป็นดาต้า48 ไบต์ และเฮดเดอร์ 5 ไบต์ (ต่างกันกับการส่งข้อมูลแบบแพ็กเก็ต (packet)ในเทคโนโลยีแบบ Ethernet หรือ FDDI ซึ่งจะขนาดข้อมูลแต่ละส่วนจะมีความยาวไม่เท่ากัน)
ATM นั้นมีการทำงานแบบ connection-oriented โดยรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 155 Mbps ซึ่งจากความเร็วที่สูงนี้จึงทำให้ ATM ได้รับความนิยมติดตั้งเป็นเส้นทางหลักของระบบเครือข่ายในองค์กรต่างๆ แต่หลังจากมีการพัฒนาระบบ Gigabit Ehternet ทำให้ความนิยมใช้งาน ATM ในองค์กรต่างๆ ลดลง แต่อย่างไรก็ตามในการใช้งานในส่วนของ WAN นั้นก็ยังมีใช้งานมากพอสมควร
Backbone
ส่วนของระบบเครือข่ายที่ทำหน้าที่เป็นเส้นทางหลักในการรับส่งข้อมูลระหว่างระบบเครือข่ายแต่ละส่วน
Bandwidth
ความสามารถในการส่งข้อมูลของระบบเครือข่าย โดยใช้เป็นหน่วยของความเร็ว เช่น Ethernet มีความสามารถในการรับส่งข้อมูล 10 Mbps (10 ล้านบิตต่อวินาที) หรือ Fast Ethernet มีความสามารถในการรับส่งข้อมูล 100 Mbps (100 ล้านบิตต่อวินาที) Gigabit Ethernet มีความสามารถในการรับส่งข้อมูล 1000 Mbps (1000 ล้านบิตต่อวินาที) เป็นต้น
Bridge
เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานในเลเยอร์ 2 ของ OSI โมเดล (Data Link Layer) ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายแต่ละเซ็กเมนต์ที่ติดต่อกันโดยใช้โปรโตคอลเดียวกัน นั้นคือถ้าหากเป็นการส่งข้อมูลภายในเซ็กเมนต์เอง Bridge ก็จะป้องกันไม่ให้ข้อมูลนั้นส่งออกไปจากเซ็กเมนต์ที่ทำการส่งข้อมูล แต่หากเป็นการส่งต่างเซ็กเมนต์ Bridge ก็จะทำการส่งข้อมูลไปยังเซ็กเมนต์ปลายทาง
Client
ไคลเอ็นต์ คือเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้บริการจากเครื่องอื่นๆ โดยที่บริการนั้นจะเก็บอยู่บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์
Digital Scriber Line (DSL)
DSL เป็นเทคโนโลยีทางด้านระบบเครือข่ายที่ทำให้สามารถทำการส่วข้อมูลด้วย Bandwidth ที่สูงบนสายทองแดงธรรมดา โดยมีข้อจำกัดที่ระยะทาง DSL มี 4 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ADSL, HDSL, SDSL และ VDSL โดยที่ทุกชนิดนั้นจะทำงานด้วยโมเด็ม 2 เครื่อง เครื่องนึงอยู่ทางฝั่งผู้ให้บริการ และอีกเครื่องจะอยู่ที่ฝั่งผู้ใช้บริการ เนื่องด้วยเทคโนโลยี DSL ซึ่งไม่ได้ใช้ Bandwidth ทั้งหมดของสาย จึงทำให้สามารถส่วสัญญาณเสียงในส่วนของ Bandwidth ที่เหลือได้
Ethernet
เป็นเทคโนโลยีระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network) ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก Ethernet นั้นจะทำงานโดยใช้โปรโตคอล CSMA/CD (Carrier sense multiple access with collision detection) ในการรับส่งแพ็กเก็ตระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในระบบเครือข่าย และทำงานบนสายสัญญาณสายคู่ตีเกลียว (UTP หรือ Unshielded twisted Pair) มีความเร็ว 10 Mbps (10 ล้านบิตต่อวินาที) ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนาไปขึ้นเป็น Fast Ethernet มีความสามารถในการรับส่งข้อมูล 100 Mbps (100 ล้านบิตต่อวินาที) Gigabit Ethernet มีความสามารถในการรับส่งข้อมูล 1000 Mbps (1000 ล้านบิตต่อวินาที)
Extranet
เป็นระบบเครือข่ายแบบพิเศษทีอนุญาตให้บุคคลภายนอก ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นบริษัทคู่ค้า หรือซัพพลายเออร์ เป็นต้น สามารถเข้ามาใช้ระบบเครือข่ายขององค์กรในการทำงานต่างๆ ได้ เช่น การตรวจเช็ครายการสินค้า รับใบสั่งซื้อ หรือใบแจ้งหนี้ เป็นต้น
Fast Ethernet
เป็นเทคโนโลยีระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network) ที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก Ethernet และในปัจจุบันถือเป็นมาตรฐานสำหรับการใช้งานในองค์กร การทำงานนั้นใช้โปรโตคอล CSMA/CD (Carrier sense multiple access with collision detection) ในการรับส่งแพ็กเก็ตระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในระบบเครือข่าย และทำงานบนสายสัญญาณสายคู่ตีเกลียว (UTP หรือ Unshielded twisted Pair) มีความสามารถในการรับส่งข้อมูล 100 Mbps (100 ล้านบิตต่อวินาที)
Fiber Distributed Data Interface (FDDI)
FDDI เป็นเทคโนโลยีระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network) อีกแบบหนึ่ง มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลได้ 100 Mbps (100 ล้านบิตต่อวินาที) และทำงานบนสายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) ซึ่งเคยได้รับความนิยมในช่วง 10 กว่าปีก่อน แต่ในปัจจุบันไม่พบการใช้งานมากนัก
Frane Relay
เป็นเทคโนโลยีการบริการทางเครือข่ายชนิดหนึ่ง สำหรับเชื่อมต่อ LAN หรือเครือข่ายมากกว่า 2 เครือข่ายขึ้นไป ที่อยู่ห่างกัน โดยพัฒนามาจากเทคโนโลยี X.25
Frane Relay ทำงานแบบดิจิทัลจึงมีอัตราความผิดพลาดของข้อมูลต่ำ มีระบบตรวจเช็คความถูกต้องของข้อมูลที่ปลายทาง ส่งข้อมูลได้เร็ว ประหยัดเวลา ลักษณะการส่งข้อมูลดีกว่า Leased Line
Frane Relay มีการทำงานแบบ packet switching คือไม่มีการจองวงจรสื่อสารไว้ส่วนตัว ข้อมูลแต่ละคนจะถูกแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ เรียกว่า packet และส่งเข้าไปในเครือข่าย เพื่อส่งต่อไปยังปลายทาง ทำให้เครือข่ายเป็นเครือข่ายรวม ใช้เครือข่ายได้อย่างคุ้มค่า
Hub
ฮับเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อโฮสต์ทุกตัว (Host คือ เครื่องลูกข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์) ทุกตัวที่ต่ออยู่กับตัวมันเข้าด้วยกัน ลักษณะการทำงานของ Hub จะเป็นแบบแชร์ Bandwidth นั้นคือ Hub จะทำการส่งข้อมูลที่ได้รับจากพอร์ตใดๆ พอร์ตหนึ่ง ไปยังทุกพอร์ตที่เหลือ ดังนั้นยิ่งมีจำนวนโฮสต์ต่ออยู่กับ Hub มากเท่าใด Bandwidth ที่แต่ละโฮสต์ได้รับก็จะยิ่งลดลง
Internet
Internet คือ เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายย่อยๆ แบบต่างๆ จำนวนมากที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลกเข้าด้วยกัน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าอินเตอร์เน็ตคือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นั้นคือเป็น “เครือข่ายของเครือข่าย” (A network of networks)
Intranet
Intranet คือ เป็นระบบเครือข่ายภายในองค์กร ที่นำเทคโนโลยีแบบเปิดจากอินเตอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้ภายในองค์กร เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนการทำงานต่างๆร่วมกันของระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร เช่น การใช้งานเว็บเซิร์ฟเวอร์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารหรือประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
Integrated Service Digital Netork (ISDN)
ISDN เป็นการติดต่อสื่อสารแบบความเร็วสูงผ่านระบบโทรศัพท์ โดยมีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานอย่างกว้างขวาง
Local Area Network (LAN)
LAN คือ เครือข่ายข้อมูลความเร็วสูง โดยจะครอบคลุมพื้นที่ไม่ใหญ่มาก เช่น ภายในสํานักงาน ภายในอาคาร หรือภายในองค์กรหรือบริษัท โดยคอมพิวเตอร์แต่ละตัวจะต่อเข้ากับอุปกรณ์เครือข่าย อย่างเช่น ฮับ (Hub), สวิทชิ่งฮับ (Switching Hub) หรือ Access Point ด้วยสายคู่ตีเกลียว (Unshield Twisted Pairs หรือ UTP) หรือด้วยคลื่นวิทยุ และอุปกรณ์เครือข่ายแต่ละตัวการเชื่อมต่อถึงกันโดยใช้สายคู่ตีเกลียว (Unshield Twisted Pairs หรือ UTP) หรือสายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) หรือการสื่อสารแบบคลื่นวิทยุ (Wireless) แบบใดแบบหนึ่งหรือผสมผสานกันก็ได้ และแต่เครือข่าย Local Area Network (LAN) จะเชื่อมต่อถึงกันด้วยอุปกรณ์ที่ชื่อเราเตอร์ (Router)
Modem
Modem ย่อมาจากคำว่า modulate and demodulate เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณอะนาล็อกให้อยู่ในรูปดิจิทัล และแปลงกลับในทิศทางตรงข้าม จุดประสงค์ของโมเด็มคือการสร้างสัญญาณอะนาล็อกที่ง่ายต่อการส่งข้อมูล และสัญญาณดิจิทัลที่ง่ายต่อการประมวลผล
Modem อุปกรณ์สื่อสารที่ใช้เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่าย โดยอาจจะผ่านทางโครงข่ายสายโทรศัพท์ธรรมดา หรือคลื่นสัญญาณวิทยุก็ได้
Packet
คือส่วนของข้อมูลที่มีส่วนเฮดเดอร์ (Header) เพิ่มเข้าไป โดยเฮดเดอร์จะทำหน้าที่ระบุว่า ชนิดข้อมูลของ Packet และบอกว่าปลายทางของการส่ง Packet ซึ่งเฮดเดอร์เปรียบเสมือนการจ่าหน้าซองของจดหมาย
Remote Access Server (RAS)
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รองรับผู้ติดต่อเข้าใช้งานทรัพยากรต่างๆ บนเครือข่ายจากระยะไกลผ่านทางระบบเครือข่ายผ่านทางสายโทรศัพท์ โดย RAS นั้นจะทำการจัดช่องสัญญาณที่ว่างให้แก่ผู้ใช้ที่ติดต่อเข้ามาโดยอัตโนมัติ
Router
เป็นอุปกรณืที่ทำหนเช้าที่เคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างเครือข่ายแต่ละเครือข่าย โดย Router จะทำการอ่านข้อมูลจากส่วนเฮดเดอร์ของ Packet ที่ส่งมาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกเส้นทางในการส่งต่อข้อมูล ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งต่อๆ กันไปจนกว่าจะถึงปลายทาง และยังทำให้ผู้ใช้หลายๆ คน สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตพร้อมๆ กันผ่านการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพียงจุดเดียว นอกจากนี้ Router บางยี่ห้อนั้นยังทำหน้าที่เป็นไฟร์วอลล์เบื้องต้นได้อีกด้วย
Server
เป็นระบบที่ให้บริการแก่ไคลเอ็นต์ เช่นไฟลเซิร์ฟเวอร์ จะทำหน้าที่ให้บริการเก็บไฟล์ พรินเซิร์ฟเวอร์ให้บริการในการพิมพ์งานผ่านทางเครื่องพิมพ์ หรืออีเมลเซิร์ฟเวอร์ให้บริการรับส่งอีเมลเป็นต้น
Switch
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อโฮสต์ทุกตัว (Host คือ เครื่องลูกข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์) ทุกตัวที่ต่ออยู่กับตัวมันเข้าด้วยกันแบบเดียวกับ Hub แต่จะมีลักษณะการทำงานเป็นแบบไม่แชร์ Bandwidth นั้นคือ Switch จะทำการส่งข้อมูลที่ได้รับจากพอร์ตใดๆ พอร์ตหนึ่ง ไปยังพอร์ตที่อยู่ปลายทางหรือเป็นทางผ่านไปยังปลายทางเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้รับบเครือข่ายมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
Token Ring
เป็นอีกเทคโนโลยีของแลนอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งการทำงานนั้นจะทำการส่งผ่าน Packet ระหว่างเครื่องโดยผ่านการเชื่อมต่อในลักษณะของวงแหวน มีความเร็วในการทำงาน 4 ถึง 16 Mbps
Virtual Private Network (VPN)
VPN หรือระบบเครือข่ายส่วนตัวเสมือน ซึ่งช่วยให้การติดต่อแบบไอพีสามารถเดินทางผ่านบนระบบเครือข่าย TCP/IP สาธารณะ (โดยทั่วไปคืออินเทอร์เน็ต) มีความปลอดภัยในระดับที่เชื่อถือได้ VPN จะใช้เทคนิคการเข้ารหัสข้อมูลทุกอันที่ส่งออกไปยังปลายทางโดยการสร้างอุโมงค์ (Tunnel) เพื่อเข้ารหัสข้อมูลในระดับไอพี
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
หนังสือ ความรู้พื้นฐานที่สำคัญของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ISBN: 974-8254-22-4
http://en.wikipedia.org/wiki/Asynchronous_Transfer_Mode
http://www.cisco.com/en/US/docs/internetworking/technology/handbook/atm.html
http://wiki.nectec.or.th/nectecpedia/index.php/Main_Page
Keywords: Network Device
© 2008 Thai Windows Administrator Blog, All Rights Reserved.
No comments:
Post a Comment
เชิญแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ข้อความ HTML