ทำความรู้จักโปรแกรม Active Directory Explorer 1.0
Active Directory Explorer เป็นโปรแกรมเครื่องมือสำหรับใช้ในการจัดการระบบคอมพิวเตอร์ ในสภาวะแวดล้อมแบบ Windows Domain หรือ Active Directory โดยสามารถใช้ในการดูและแก้ไขวัตถุ (Object) ต่างๆ ของโดเมน มีข้อดีคือการใช้งานนั้นทำได้ง่าย สามารถบันทึกตำแหน่งที่ใช่บ่อยเป็น favorite ได้ หรือว่าสามารถทำการแก้ไข properties และ attributes ของวัตถุต่างๆ ได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องเปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ก่อน นอกจากนี้ยังสามารถทำการแก้ไข Permission หรือ แสดงรายละเอียด Schema ของวัตถุรวมถึงสามารถทำการค้นหาวัตถุที่ต้องการได้ง่ายอีกด้วย
นอกจากนี้ Active Directory Explorer ยังสามารถทำการบันทึก AD database เป็นสแนปช็อต (Snapshot) เพื่อใช้ในการดูและเปรียบเทียบในโหมดออฟไลน์ (Off-line) ได้อีกด้วย โดยการดูแบบออฟไลน์นั้นจะเหมือนกันกับแบบออนไลน์ (Online) ทุกประการ และหากทำสแนปช็อตไว้ 2 สแนปช็อตก็สามารถที่จะนำมาเปรียบเทียบเพื่อหาความแตกต่างกันได้อีกด้วย โดย Active Directory Explorer นี้ สามารถทำงานได้บนระบบปฏิบัติการ Windows 2000 หรือใหม่กว่า
ดาวน์โหลด Active Directory Explorer v1.0
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถทำการดาวน์โหลดโปรแกรม Active Directory Explorer 1.0 มาทดลองใช้งานได้ฟรีที่เว็บไซต์ Download Active Directory Explorer 1.0
การใช้งาน
การใช้งาน Active Directory Explorer 1.0 นั้นไม่มีความจำเป็นต้องทำการติดตั้งแต่อย่างใด โดยไฟล์ดาวน์โหลดของ นั้นจะอยู่ในไฟล์แบบ zip เมื่อทำการดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการแตกไฟล์ แล้วทำการเรียกโปรแกรมโดยดับเบิลคลิกที่ไฟล์ ADExplorer.exe ซึ่งจะได้หน้าต่างโปรแกรมดังรูปที่ 1
รูปที่ 1 Active Directory Explorer
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Pages - Menu
▼
Pages - Menu
▼
Pages
▼
Friday, July 27, 2007
Microsoft Security Bulletin, July 2007 (Revision 1.3)
สรุปการอัพเดทของเดือนกรกฎาคม 2550 (Revision 1.3)
วันที่ออกอัพเดท: 26 กรกฎาคม 2550
เวอร์ชันของอัพเดท: Revision 1.3
อัพเดทล่าสุดของเดือนกรกฎาคม 2550 (Revision 1.3)
ไมโครซอฟท์ได้ทำการปรับปรุง การอัพเดทของเดือนกรกฎาคม 2550 เป็นเวอร์ชัน Revision 1.3 จำนวน 1 ตัว คือ MS07-040 ซึ่งมีรายละเอียดการอัพเดท ดังนี้
อัพเดทที่ได้ทำการปรับปรุง มีจำนวน 1 ตัว คือ
รายละเอียดของการอัพเดท
MS07-040 - Critical
- http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms07-040.mspx
- เหตุผลในการปรับปรุง เพิ่มรายละเอียดการอัพเดทด้าน non-security ของ .NET Framework 1.0 SP3 และ NET Framework 1.1 SP1
- การอัพเดทตัวนี้จะแทนการอัพเดทตัวเดิมที่ออกเมื่อ 10 กรกฎาคม 2550
- วันที่ออกอัพเดทต้นฉบับ 12 กรกฎาคม 2550
- วันที่ออกอัพเดทฉบับปรับปรุง 26 กรกฎาคม 2550
- ระดับความร้านแรง: วิกฤติ (Critical)
- เวอร์ชัน: 1.3
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
วันที่ออกอัพเดท: 26 กรกฎาคม 2550
เวอร์ชันของอัพเดท: Revision 1.3
อัพเดทล่าสุดของเดือนกรกฎาคม 2550 (Revision 1.3)
ไมโครซอฟท์ได้ทำการปรับปรุง การอัพเดทของเดือนกรกฎาคม 2550 เป็นเวอร์ชัน Revision 1.3 จำนวน 1 ตัว คือ MS07-040 ซึ่งมีรายละเอียดการอัพเดท ดังนี้
อัพเดทที่ได้ทำการปรับปรุง มีจำนวน 1 ตัว คือ
- MS07-040 - Critical
รายละเอียดของการอัพเดท
MS07-040 - Critical
- http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms07-040.mspx
- เหตุผลในการปรับปรุง เพิ่มรายละเอียดการอัพเดทด้าน non-security ของ .NET Framework 1.0 SP3 และ NET Framework 1.1 SP1
- การอัพเดทตัวนี้จะแทนการอัพเดทตัวเดิมที่ออกเมื่อ 10 กรกฎาคม 2550
- วันที่ออกอัพเดทต้นฉบับ 12 กรกฎาคม 2550
- วันที่ออกอัพเดทฉบับปรับปรุง 26 กรกฎาคม 2550
- ระดับความร้านแรง: วิกฤติ (Critical)
- เวอร์ชัน: 1.3
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Thursday, July 26, 2007
Process Monitor v1.2 avilable for download
การใช้งานโปรแกรม Process Monitor v1.2
Sysinternal ได้ออกโปรแกรม Process Monitor เวอร์ชัน 1.2 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 โดย Process Monitor เป็นเครื่องมือสำหรับใช้มอนิเตอร์การทำงานของระบบแบบเรียลไทม์ ลักษณะการทำงานนั้น เป็นการรวมการทำงานของสองโปรแกรมคือ Filemon และ Regmon โดยสามารถเลือกทำการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ เช่น session IDs, user names และ ข้อมูลของ process ที่กำลังรันอยู่ในระบบ เป็นต้น
Process Monitor เป็นเครื่องมือที่มีความสามารถสูง ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในการแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับการทำงานของระบบวินโดวส์ รวมถึงการแก้ไขปัญหาด้านมัลแวร์ โดยสามารถทำงานได้บน Windows 2000 SP4 ที่ติดตั้ง Update Rollup 1, Windows XP SP2, Windows Server 2003 SP1, Windows Vista โดยสามารถทำงานได้ทั้งแพลตฟอร์ม 32 บิต และ 64 บิต
การใช้งาน Process Monitor
Process Monitor นั้น มีข้อดีต่างมากมาย รายละเอียดข้างล่างเป็นส่วนหนึ่งของข้อดีของ Process Monitor
ดาวน์โหลด
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถทำการดาวน์โหลดโปรแกรม Process Monitor v1.2 ได้ฟรีที่เว็บไซต์ Sysinternals Process Monitor v1.2
เริ่มต้นใช้งาน
Process Monitor v1.2 สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องทำการติดตั้งลงเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยไฟล์ดาวน์โหลดของ Process Monitor v1.2 นั้นจะอยู่ในไฟล์แบบ zip เมื่อทำการดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการแตกไฟล์ แล้วทำการเรียกโปรแกรมโดยดับเบิลคลิกที่ไฟล์ procmon.exe ซึ่งจะได้หน้าต่างโปรแกรมดังรูปที่ 1 และหากต้องการดู Properties ของโปรเซสก็ทำได้โดยทำการดับเบิลคลิกโปรเซสที่ต้องการ ซึ่งจะได้หน้าต่างโปรเซสรูปที่ 2
รูปที่ 1 Process Monitor
รูปที่ 2 Process Properties
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
© 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Sysinternal ได้ออกโปรแกรม Process Monitor เวอร์ชัน 1.2 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 โดย Process Monitor เป็นเครื่องมือสำหรับใช้มอนิเตอร์การทำงานของระบบแบบเรียลไทม์ ลักษณะการทำงานนั้น เป็นการรวมการทำงานของสองโปรแกรมคือ Filemon และ Regmon โดยสามารถเลือกทำการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ เช่น session IDs, user names และ ข้อมูลของ process ที่กำลังรันอยู่ในระบบ เป็นต้น
Process Monitor เป็นเครื่องมือที่มีความสามารถสูง ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในการแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับการทำงานของระบบวินโดวส์ รวมถึงการแก้ไขปัญหาด้านมัลแวร์ โดยสามารถทำงานได้บน Windows 2000 SP4 ที่ติดตั้ง Update Rollup 1, Windows XP SP2, Windows Server 2003 SP1, Windows Vista โดยสามารถทำงานได้ทั้งแพลตฟอร์ม 32 บิต และ 64 บิต
การใช้งาน Process Monitor
Process Monitor นั้น มีข้อดีต่างมากมาย รายละเอียดข้างล่างเป็นส่วนหนึ่งของข้อดีของ Process Monitor
- มอนิเตอร์ process และ thread ที่ทำงานในตอนระบบเริ่มทำงาน (Startup) และ จบการทำงาน (Exit) รวมถึงโค้ดสถานะของการจบการทำงาน (Exit)
- มอนิเตอร์อิมเมจของการโหลดไฟล์ DLL และ ไดรฟ์เวอร์ของอุปกรณ์ที่ทำงานใน kernel-mode
- ใช้ในการเก็บข้อมูลของการทำงานของระบบ Input และ Output
- มีฟังก์ชันฟิลเตอร์ Non-destructive ซึ่งทำให้สามารถใช้งานการฟิลเตอร์โดยที่ไม่ทำให้เสียข้อมูล
- ใช้ในการเก็บข้อมูล thread stacks ของการทำงานต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์สำหรับใช้ในการระบุสาเหตุของปัญหา
- ข้อมูลที่ได้จากการเก็บข้อมูลมีความน่าเชื่อถือสูง
- สามารถทำการปรับแต่งการตั้งค่าได้ ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ตรงกับความต้องการ
- การฟิลเตอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถทำการฟิลเตอร์ฟีลด์ที่ต้องการได้
- มีสถาปัตยกรรมการบันทึกเหตุการณ์ขั้นสูง สามารถนำไปใช้งานได้อย่างกว้างขวาง
- การแสดง Process tool นั้น จะแสดงข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์
- และอีกมากมาย โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้จากไฟล์ Help และทดลองใช้งานดูครับ
ดาวน์โหลด
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถทำการดาวน์โหลดโปรแกรม Process Monitor v1.2 ได้ฟรีที่เว็บไซต์ Sysinternals Process Monitor v1.2
เริ่มต้นใช้งาน
Process Monitor v1.2 สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องทำการติดตั้งลงเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยไฟล์ดาวน์โหลดของ Process Monitor v1.2 นั้นจะอยู่ในไฟล์แบบ zip เมื่อทำการดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการแตกไฟล์ แล้วทำการเรียกโปรแกรมโดยดับเบิลคลิกที่ไฟล์ procmon.exe ซึ่งจะได้หน้าต่างโปรแกรมดังรูปที่ 1 และหากต้องการดู Properties ของโปรเซสก็ทำได้โดยทำการดับเบิลคลิกโปรเซสที่ต้องการ ซึ่งจะได้หน้าต่างโปรเซสรูปที่ 2
รูปที่ 1 Process Monitor
รูปที่ 2 Process Properties
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
© 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
AutoRuns for Windows v8.71 available for download
AutoRuns for Windows ออกเวอร์ชัน v8.71
Sysinternal ได้ออกโปรแกรม AutoRuns for Windows เวอร์ชัน 8.71 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 โดย AutoRuns for Windows นั้นเป็นโปรแกรมเครื่องมือในลักษณะเดียวกันกับ MSConfig ของ Windows XP คือจะใช้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบมอนิเตอร์ และแก้ไขการสตาร์ทแอพพลิเคชันที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเปิด Windows แต่จะมีความสามารถสูงกว่า MSConfig มาก โดย AutoRuns นั้น จะแสดงรายละเอียดโปรแกรมต่างๆ ที่รันในระหว่างการบูตเครื่องจากการคอนฟิกจาก startup folder, Run, RunOnce, และ Registry keys อื่นๆ
AutoRuns for Windows สามารถทำงานได้บน Windows ทุกเวอร์ชัน ทั้งแพลตฟอร์ม 32 บิต และ 64 บิต อ่านวิธีการใช้งานได้จาก การใช้งาน การใช้งานโปรแกรม AutoRuns for Windows
ดาวน์โหลด AutoRuns for Windows
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถทำการดาวน์โหลดโปรแกรม AutoRuns for Windows v8.71 ได้ฟรีที่เว็บไซต์ Download AutoRuns for Windows v8.71
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.
Sysinternal ได้ออกโปรแกรม AutoRuns for Windows เวอร์ชัน 8.71 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 โดย AutoRuns for Windows นั้นเป็นโปรแกรมเครื่องมือในลักษณะเดียวกันกับ MSConfig ของ Windows XP คือจะใช้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบมอนิเตอร์ และแก้ไขการสตาร์ทแอพพลิเคชันที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเปิด Windows แต่จะมีความสามารถสูงกว่า MSConfig มาก โดย AutoRuns นั้น จะแสดงรายละเอียดโปรแกรมต่างๆ ที่รันในระหว่างการบูตเครื่องจากการคอนฟิกจาก startup folder, Run, RunOnce, และ Registry keys อื่นๆ
AutoRuns for Windows สามารถทำงานได้บน Windows ทุกเวอร์ชัน ทั้งแพลตฟอร์ม 32 บิต และ 64 บิต อ่านวิธีการใช้งานได้จาก การใช้งาน การใช้งานโปรแกรม AutoRuns for Windows
ดาวน์โหลด AutoRuns for Windows
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถทำการดาวน์โหลดโปรแกรม AutoRuns for Windows v8.71 ได้ฟรีที่เว็บไซต์ Download AutoRuns for Windows v8.71
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2011 TWA Blog. All Rights Reserved.
Wednesday, July 25, 2007
Find the name of running's program from PID
การตรวจสอบโปรแกรมที่กำลังทำงานจากหมายเลข PID
หลายๆ ครั้งที่ผมต้องการตรวจสอบ ว่าโปรแกรมอะไรที่กำลังรันอยู่บ้าง วิธีการที่ง่ายและธรรมดาที่สุด คือใช้ Task Manager จากนั้นคลิกที่แท็ป Process ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 1 โดย Task Manager (ในกรณีที่ไม่มีคอลัมน์ PID ให้คลิกที่เมนู View แล้วคลิก Select Columns จากนั้นคลิกเลือก PID เสร็จแล้ว OK) จะแสดงให้เห็นว่ามีโปรแกรมอะไรที่กำลังรันอยู่บ้าง แต่หากโปรแกรมที่ทำการรันภายใต้โพรเซส svchost.exe นั้น ก็จะไม่ทราบรายละเอียดว่าจริงๆ แล้วโปรแกรมอะไรที่รันอยู่ ซึ่งหากต้องการตรวจสอบว่าโปรแกรมที่รันภายใต้โพรเซส svchost.exe นั้น เป็นโปรแกรมอะไรโดยการใช้คำสั่ง Tasklist ซึ่งเป็นคำสั่งแบบ command-line รันจากคอมมานด์พร็อมท์ ช่วยในการตรวจสอบ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิด Task Manager โดยการคลิกขวาที่ Task Bar แล้วเลือก Task Manager จากนั้น ก็คลิกที่แท็ป Process จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 1
2. ในกรณีที่ไม่แสดงคอลัมน์ PID ให้คลิกที่เมนู View แล้วคลิก Select Columns จากนั้นคลิกเลือก PID เสร็จแล้ว OK
3. จากนั้นให้ดูที่ PID ที่ต้องการหาว่าเป็นของโปรแกรมอะไร ในที่นี้เลือก PID = 1552
รูปที่ 1 Windows Task Manager
4. เมื่อทราบ PID แล้ว ขั้นตอนต่อไปให้รันคำสั่ง tasklist /svc ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 2 โดยจะทำการแสดงข้อมูลต่างสามคอลัมน์ (จากซ้ายมือ)คือ Image Name, PID และ Services ซึ่งช่วยให้ทราบได้ว่าโปรแกรมใดกำลังรันบนโพรเซสอะไรอยู่ ในที่นี้ คือ PID = 1552, Services = Dnscache
รูปที่ 2 Tasklist
5. หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติมก็ให้เปิด MSConfig แล้วคลิกแท็บ Services จากนั้นมองหาชื่อ Service ที่ได้จากขั้นตอนที่ 4
หมายเหตุ: เครื่องมือ Process Explorer ของ Sysinternals สามารถทำงานเดียวกันนี้ได้อย่างดีเยี่ยม โอกาสหน้าแล้วจะโพสต์ให้อ่านกันครับ
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
หลายๆ ครั้งที่ผมต้องการตรวจสอบ ว่าโปรแกรมอะไรที่กำลังรันอยู่บ้าง วิธีการที่ง่ายและธรรมดาที่สุด คือใช้ Task Manager จากนั้นคลิกที่แท็ป Process ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 1 โดย Task Manager (ในกรณีที่ไม่มีคอลัมน์ PID ให้คลิกที่เมนู View แล้วคลิก Select Columns จากนั้นคลิกเลือก PID เสร็จแล้ว OK) จะแสดงให้เห็นว่ามีโปรแกรมอะไรที่กำลังรันอยู่บ้าง แต่หากโปรแกรมที่ทำการรันภายใต้โพรเซส svchost.exe นั้น ก็จะไม่ทราบรายละเอียดว่าจริงๆ แล้วโปรแกรมอะไรที่รันอยู่ ซึ่งหากต้องการตรวจสอบว่าโปรแกรมที่รันภายใต้โพรเซส svchost.exe นั้น เป็นโปรแกรมอะไรโดยการใช้คำสั่ง Tasklist ซึ่งเป็นคำสั่งแบบ command-line รันจากคอมมานด์พร็อมท์ ช่วยในการตรวจสอบ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิด Task Manager โดยการคลิกขวาที่ Task Bar แล้วเลือก Task Manager จากนั้น ก็คลิกที่แท็ป Process จะได้หน้าต่างดังรูปที่ 1
2. ในกรณีที่ไม่แสดงคอลัมน์ PID ให้คลิกที่เมนู View แล้วคลิก Select Columns จากนั้นคลิกเลือก PID เสร็จแล้ว OK
3. จากนั้นให้ดูที่ PID ที่ต้องการหาว่าเป็นของโปรแกรมอะไร ในที่นี้เลือก PID = 1552
รูปที่ 1 Windows Task Manager
4. เมื่อทราบ PID แล้ว ขั้นตอนต่อไปให้รันคำสั่ง tasklist /svc ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 2 โดยจะทำการแสดงข้อมูลต่างสามคอลัมน์ (จากซ้ายมือ)คือ Image Name, PID และ Services ซึ่งช่วยให้ทราบได้ว่าโปรแกรมใดกำลังรันบนโพรเซสอะไรอยู่ ในที่นี้ คือ PID = 1552, Services = Dnscache
รูปที่ 2 Tasklist
5. หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติมก็ให้เปิด MSConfig แล้วคลิกแท็บ Services จากนั้นมองหาชื่อ Service ที่ได้จากขั้นตอนที่ 4
หมายเหตุ: เครื่องมือ Process Explorer ของ Sysinternals สามารถทำงานเดียวกันนี้ได้อย่างดีเยี่ยม โอกาสหน้าแล้วจะโพสต์ให้อ่านกันครับ
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
Tuesday, July 24, 2007
Microsoft Security Bulletin, July 2007 (Revision 1.2)
สรุปการอัพเดทของเดือนกรกฎาคม 2550 (Revision 1.2)
วันที่ออกอัพเดท: 19 กรกฎาคม 2550
เวอร์ชันของอัพเดท: Revision 1.2
อัพเดทล่าสุดของเดือนกรกฎาคม 2550 (Revision 1.2)
ไมโครซอฟท์ได้ทำการปรับปรุง การอัพเดทของเดือนกรกฎาคม 2550 เป็นเวอร์ชัน Revision 1.2 จำนวน 1 ตัว คือ MS07-040 ซึ่งมีรายละเอียดการอัพเดท ดังด้านล่าง
อัพเดทที่ได้ทำการปรับปรุง มีจำนวน 1 ตัว คือ
- MS07-040 - Critical
รายละเอียดของการอัพเดท
MS07-040 - Critical
- http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms07-040.mspx
- เหตุผลในการปรับปรุง แก้ไขรายละเอียดของไฟล์ KB933854 ในส่วนของ .NET Framework 1.1 เวอร์ชันสำหรับ Windows Server 2003 และอัพเดทลิงค์ไปยัง Knowledge Base Article ที่เกี่ยวกับการอัพเดทความปลอดภัยด้าน non-security functionality ของ .NET Framework
- การอัพเดทตัวนี้จะแทนการอัพเดทตัวเดิมที่ออกเมื่อ 10 กรกฎาคม 2550
- วันที่ออกอัพเดทต้นฉบับ 12 กรกฎาคม 2550
- วันที่ออกอัพเดทฉบับปรับปรุง 19 กรกฎาคม 2550
- ระดับความร้านแรง: วิกฤติ (Critical)
- เวอร์ชัน: 1.2
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
ScribeFire 1.4.1
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 6 สิงหาคม 2550
ScribeFire 1.4.1
ScribeFire นั้นเป็น Add-on ของ Firefox สำหรับใช้ในการเขียนบล็อก ซึ่งสามารถที่จะใช้กับบล็อกเซิร์ฟเวอร์ได้หลากหลาย เช่น Worspress, Blogger, Windows Live Spaces และ อื่นๆ อีกหลายตัว โดยทาง ScribeFire.com ได้ออกเวอร์ชัน 1.4.1 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2550 โดยมีการปรับปรุงอินเทอร์เฟช และเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้
* Navbar is now collapsed by default
* Rotated nav bar toggle to show direction of flyout
* Shrunk sidebar toggle to match navbar toggle
* Restyled publish button to be more consistent
* Moved navbar and sidebar toggles into the top row the editor to save space
* Categories have been relabeled as tags
* Added confirmation to post deletion
* Blog list now uses radio buttons
* Added link to each blog in blog list
* Removed “View this blog” link from bottom of editor
* Put blogs, tags in groupboxes
* Moved “add/edit blog” button into groupbox
* Moved “add tag” button into groupbox
* Fixed bug where all spaces were being encoded as
* Added Strong, Em buttons to editor
* Fixed blockquote button
* Added Dutch translation
สำหรับท่านที่ติดตั้งเวอร์ชันก่อนหน้า เมื่อเปิด Firefox ขึ้นมา และมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ก็จะให้ทำการอัพเดทโดยอัตโนมัติ สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ติดตั้ง สามารถทำการติดตั้งผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้จาก https://addons.mozilla.org/en-US/firefox/addon/1730
สำหรับรายละเอียดวิธีการใช้งานสามารถอ่านได้จาก เขียนบล็อกจาก Firefox ด้วย ScribeFire
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• เขียนบล็อกจาก Firefox ด้วย ScribeFire
• การติดตั้ง Firefox 2.0.x.x
Keywords: ScribeFire
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
ScribeFire 1.4.1
ScribeFire นั้นเป็น Add-on ของ Firefox สำหรับใช้ในการเขียนบล็อก ซึ่งสามารถที่จะใช้กับบล็อกเซิร์ฟเวอร์ได้หลากหลาย เช่น Worspress, Blogger, Windows Live Spaces และ อื่นๆ อีกหลายตัว โดยทาง ScribeFire.com ได้ออกเวอร์ชัน 1.4.1 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2550 โดยมีการปรับปรุงอินเทอร์เฟช และเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้
* Navbar is now collapsed by default
* Rotated nav bar toggle to show direction of flyout
* Shrunk sidebar toggle to match navbar toggle
* Restyled publish button to be more consistent
* Moved navbar and sidebar toggles into the top row the editor to save space
* Categories have been relabeled as tags
* Added confirmation to post deletion
* Blog list now uses radio buttons
* Added link to each blog in blog list
* Removed “View this blog” link from bottom of editor
* Put blogs, tags in groupboxes
* Moved “add/edit blog” button into groupbox
* Moved “add tag” button into groupbox
* Fixed bug where all spaces were being encoded as
* Added Strong, Em buttons to editor
* Fixed blockquote button
* Added Dutch translation
สำหรับท่านที่ติดตั้งเวอร์ชันก่อนหน้า เมื่อเปิด Firefox ขึ้นมา และมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ก็จะให้ทำการอัพเดทโดยอัตโนมัติ สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ติดตั้ง สามารถทำการติดตั้งผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้จาก https://addons.mozilla.org/en-US/firefox/addon/1730
สำหรับรายละเอียดวิธีการใช้งานสามารถอ่านได้จาก เขียนบล็อกจาก Firefox ด้วย ScribeFire
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
• เขียนบล็อกจาก Firefox ด้วย ScribeFire
• การติดตั้ง Firefox 2.0.x.x
Keywords: ScribeFire
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Sunday, July 22, 2007
Remote Desktop Client 6.0 for Windows XP SP2
Remote Desktop Client 6.0 สำหรับ Windows XP SP2
โปรแกรม Remote Desktop Client เวอร์ชัน 6.0 สำหรับ Windows XP Service Pack 2
ดาวน์โหลด:
สามารถทำการดาวน์โหลด Remote Desktop Client 6.0 ได้จากเว็บไซต์ของ Microsoft ตามระบบปฏิบัติการที่ใช้ ดังนี้
Windows XP Pro SP2 32 บิต RDC v6.0 for Windows XP SP2 32bit Validation Required*
Windows XP Pro SP2 64 บิต RDC v6.0 for Windows XP SP2 64bit
Windows Server 2003 32 บิต SP1 หรือใหม่กว่า RDC v6.0 for Windows Server 2003 SP1 32bit
Windows Server 2003 64 บิต SP1 หรือใหม่กว่า RDC v6.0 for Windows Server 2003 64bit
การติดตั้ง
เมื่อทำการดาวน์โหลดโปรแกรม Remote Desktop Client 6.0 เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นการติดตั้ง โดยมีขั้นตอนการติดตั้งดังนี้
1. ในโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์โปรแกรม Remote Desktop Client 6.0 ให้ดับเบิลคลิกไฟล์ WindowsXP-KB925876-x86-ENU.exe จะได้หน้า Installation Wizard ดังรูปที่ 1 จากนั้นให้คลิก Next
รูปที่ 1 Installation Wizard
2. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ License Agreement ให้ยอมรับการข้อตกลงในการใช้งาน โดยคลิก I Agree แล้วคลิก Next เพื่อทำการติดตั้ง RDC
รูปที่ 2 License Agreement
3. รอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ จากนั้นในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Completing Install Wizard ให้คลิก Finish
รูปที่ 3 Completing Install Wizard
เริ่มต้นใช้งาน
การเรียกใช้งาน Remote Desktop Connection (RDC) โดยทั่วไปมี 2 วิธี ดังนี้
1. คลิกที่ Start คลิก All Programs คลิก Accessories แล้วคลิก Remote Desktop Connection
2. คลิกที่ Start คลิก Run พิมพ์ mstsc เสร็จแล้วกด Enter
จากนั้นจะได้หน้าต่างโปรแกรม Remote Desktop Connection ดังรูปที่ 4 และหากต้องการแสดงอ็อปชันต่างๆ ก็ทำได้โดยการคลิกที่ Options ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 5
รูปที่ 4 Remote Desktop Connection
รูปที่ 5 Remote Desktop Connection:General
RDC 6.0 นั้น สามารถทำงานได้ในระดับ Highest Quality (32 bit) โดยสามารถตั้งค่าได้จากแท็บ Display properties ดังรูปที่ 6
รูปที่ 6 Display properties
ในการใช้งาน Local Resources ดังรูปที่ 7 นั้น จะมีอ็อปชัน More เพิ่มขึ้นมาจากเวอร์ชันก่อนหน้า ซึ่งสามารถเลือกใช้งานทรัพยากรได้มากขึ้น ดังรูปที่ 8
รูปที่ 7 Local Resources
รูปที่ 8 Local Resources (More)
สำหรับแท็บ Programs นั้น จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันก่อน ดังรูปที่ 9
รูปที่ 9 Programs
สำหรับแท็บ Experience นั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันก่อน โดยการเพิ่มตัวเลือก Font smoothing และ Desktop composition ดังรูปที่ 10
รูปที่ 10 Experience
สำหรับแท็บ Advanced จะเป็นอ็อปชันใหม่ของ RDC 6.0 สำหรับ Windows XP แต่ใน Windows server 2003 นั้น จะมีอ็อปชันนี้ตั้งแต่ในเวอร์ชั่นก่อนคือ 5.x.xxx โดยแท็บ Advanced นั้น จะเป็นการคอนฟิกเกี่ยวกับ Server authentication และ Connect from anywhere ดังรูปที่ 11 และเมื่อคลิกที่ Settings จะได้หน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Gateway Server Settings ดังรูปที่ 12 ซึ่งใช้ในการเลือก Terminal Server สำหรับการเชื่อมต่อ
รูปที่ 11 Advanced
รูปที่ 12 Gateway Server Settings
Remote Desktop Client 6.0 RDC TSC MSTSC
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
โปรแกรม Remote Desktop Client เวอร์ชัน 6.0 สำหรับ Windows XP Service Pack 2
ดาวน์โหลด:
สามารถทำการดาวน์โหลด Remote Desktop Client 6.0 ได้จากเว็บไซต์ของ Microsoft ตามระบบปฏิบัติการที่ใช้ ดังนี้
Windows XP Pro SP2 32 บิต RDC v6.0 for Windows XP SP2 32bit Validation Required*
Windows XP Pro SP2 64 บิต RDC v6.0 for Windows XP SP2 64bit
Windows Server 2003 32 บิต SP1 หรือใหม่กว่า RDC v6.0 for Windows Server 2003 SP1 32bit
Windows Server 2003 64 บิต SP1 หรือใหม่กว่า RDC v6.0 for Windows Server 2003 64bit
การติดตั้ง
เมื่อทำการดาวน์โหลดโปรแกรม Remote Desktop Client 6.0 เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นการติดตั้ง โดยมีขั้นตอนการติดตั้งดังนี้
1. ในโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์โปรแกรม Remote Desktop Client 6.0 ให้ดับเบิลคลิกไฟล์ WindowsXP-KB925876-x86-ENU.exe จะได้หน้า Installation Wizard ดังรูปที่ 1 จากนั้นให้คลิก Next
รูปที่ 1 Installation Wizard
2. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ License Agreement ให้ยอมรับการข้อตกลงในการใช้งาน โดยคลิก I Agree แล้วคลิก Next เพื่อทำการติดตั้ง RDC
รูปที่ 2 License Agreement
3. รอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ จากนั้นในหน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Completing Install Wizard ให้คลิก Finish
รูปที่ 3 Completing Install Wizard
เริ่มต้นใช้งาน
การเรียกใช้งาน Remote Desktop Connection (RDC) โดยทั่วไปมี 2 วิธี ดังนี้
1. คลิกที่ Start คลิก All Programs คลิก Accessories แล้วคลิก Remote Desktop Connection
2. คลิกที่ Start คลิก Run พิมพ์ mstsc เสร็จแล้วกด Enter
จากนั้นจะได้หน้าต่างโปรแกรม Remote Desktop Connection ดังรูปที่ 4 และหากต้องการแสดงอ็อปชันต่างๆ ก็ทำได้โดยการคลิกที่ Options ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 5
รูปที่ 4 Remote Desktop Connection
รูปที่ 5 Remote Desktop Connection:General
RDC 6.0 นั้น สามารถทำงานได้ในระดับ Highest Quality (32 bit) โดยสามารถตั้งค่าได้จากแท็บ Display properties ดังรูปที่ 6
รูปที่ 6 Display properties
ในการใช้งาน Local Resources ดังรูปที่ 7 นั้น จะมีอ็อปชัน More เพิ่มขึ้นมาจากเวอร์ชันก่อนหน้า ซึ่งสามารถเลือกใช้งานทรัพยากรได้มากขึ้น ดังรูปที่ 8
รูปที่ 7 Local Resources
รูปที่ 8 Local Resources (More)
สำหรับแท็บ Programs นั้น จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันก่อน ดังรูปที่ 9
รูปที่ 9 Programs
สำหรับแท็บ Experience นั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันก่อน โดยการเพิ่มตัวเลือก Font smoothing และ Desktop composition ดังรูปที่ 10
รูปที่ 10 Experience
สำหรับแท็บ Advanced จะเป็นอ็อปชันใหม่ของ RDC 6.0 สำหรับ Windows XP แต่ใน Windows server 2003 นั้น จะมีอ็อปชันนี้ตั้งแต่ในเวอร์ชั่นก่อนคือ 5.x.xxx โดยแท็บ Advanced นั้น จะเป็นการคอนฟิกเกี่ยวกับ Server authentication และ Connect from anywhere ดังรูปที่ 11 และเมื่อคลิกที่ Settings จะได้หน้าไดอะล็อกบ็อกซ์ Gateway Server Settings ดังรูปที่ 12 ซึ่งใช้ในการเลือก Terminal Server สำหรับการเชื่อมต่อ
รูปที่ 11 Advanced
รูปที่ 12 Gateway Server Settings
Remote Desktop Client 6.0 RDC TSC MSTSC
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Remote Desktop Client 5.x for Windows XP
Remote Desktop Client 5.x for Windows XP
เวอร์ชัน 5.x นั้น เป็น Remote Desktop Client เวอร์ชันเก่าบน Windows XP ซึ่งจะมีมาพร้อมกับการติดตั้งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยการใช้งานมีขั้นตอนดังนี้
เริ่มต้นใช้งาน
1. การเรียกใช้งาน Remote Desktop Connection (RDC) โดยทั่วไปมี 2 วิธี ดังด้านล่าง
วิธีที่ 1: คลิกที่ Start คลิก All Programs คลิก Accessories แล้วคลิก Remote Desktop Connection
วิธีที่ 2: คลิกที่ Start คลิก Run พิมพ์ mstsc เสร็จแล้วกด Enter
2. จะได้หน้าต่างโปรแกรม Remote Desktop Connection ดังรูปที่ 1 และหากต้องการแสดงอ็อปชันต่างๆ ก็ทำได้โดยการคลิกที่ Options ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 2
รูปที่ 1 Remote Desktop Connection 5.0
รูปที่ 2 Remote Desktop Connection 5.0
3. ทำการปรับระดับการแสดงผลได้ โดยคลิกที่แท็ป Display properties แล้วเลือกค่าที่ต้องการ ดังรูปที่ 3
รูปที่ 3 Display properties
4. ทำการปรับการใช้งาน Local Resources โดยคลิกที่แท็ป Local Resources แล้วเลือกค่าที่ต้องการ ดังรูปที่ 4
รูปที่ 4 Local Resources
5. หากต้องการรันโปรแกรมเมื่อทำการรีโมท ให้คลิกแท็ป Programs แล้ว ทำการกำหนดค่าที่ต้องการ ดังรูปที่ 5
รูปที่ 5 Programs
6. ในกรณีที่ต้องการกำหนดเกี่ยวกับ performance ในการรีโมท ให้คลิกแท็ป Experience แล้วเลือกโหมดที่ต้องการจากดร็อปดาวน์ลิสต์
รูปที่ 6 Experience
7. เมื่อทำการตั้งค่าต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกแท็ป General ซึ่งจะกลับไปยังหน้าโปรแกรม RDC ดังรูปที่ 2
8. ใส่หมายเลข IP Address หรือ ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการรีโมท ในช่อง Computers ใส่ Username ในช่อง User name และใส่ Password ในช่อง Password เสร็จแล้วกดปุ่ม Connect (ในขั้นตอนที่ 8 นี้ เราสามารถที่จะไม่ระบุ Username และ Password ก็ได้ โดยเมื่อทำการเชื่อมต่อ RDC ก็จะแสดงหน้าต่าง Log On to Windows ดังรูปที่ 7 จากนั้นให้ใส่ Username และ Password เสร็จแล้วกด OK เพื่อทำการ Logon) เมื่อทำการ Logon เสร็จแล้ว ก็สามารถทำงานต่างๆ เหมือนกับการนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องทุกประการ (เมื่อใช้งานแล้วเสร็จนั้นให้ทำการ Logoff หรือ Disconnect ทุกครั้ง)
รูปที่ 7 Log on to Windows
Keywords: Remote Desktop RDC TSC MSTSC
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
เวอร์ชัน 5.x นั้น เป็น Remote Desktop Client เวอร์ชันเก่าบน Windows XP ซึ่งจะมีมาพร้อมกับการติดตั้งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยการใช้งานมีขั้นตอนดังนี้
เริ่มต้นใช้งาน
1. การเรียกใช้งาน Remote Desktop Connection (RDC) โดยทั่วไปมี 2 วิธี ดังด้านล่าง
วิธีที่ 1: คลิกที่ Start คลิก All Programs คลิก Accessories แล้วคลิก Remote Desktop Connection
วิธีที่ 2: คลิกที่ Start คลิก Run พิมพ์ mstsc เสร็จแล้วกด Enter
2. จะได้หน้าต่างโปรแกรม Remote Desktop Connection ดังรูปที่ 1 และหากต้องการแสดงอ็อปชันต่างๆ ก็ทำได้โดยการคลิกที่ Options ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 2
รูปที่ 1 Remote Desktop Connection 5.0
รูปที่ 2 Remote Desktop Connection 5.0
3. ทำการปรับระดับการแสดงผลได้ โดยคลิกที่แท็ป Display properties แล้วเลือกค่าที่ต้องการ ดังรูปที่ 3
รูปที่ 3 Display properties
4. ทำการปรับการใช้งาน Local Resources โดยคลิกที่แท็ป Local Resources แล้วเลือกค่าที่ต้องการ ดังรูปที่ 4
รูปที่ 4 Local Resources
5. หากต้องการรันโปรแกรมเมื่อทำการรีโมท ให้คลิกแท็ป Programs แล้ว ทำการกำหนดค่าที่ต้องการ ดังรูปที่ 5
รูปที่ 5 Programs
6. ในกรณีที่ต้องการกำหนดเกี่ยวกับ performance ในการรีโมท ให้คลิกแท็ป Experience แล้วเลือกโหมดที่ต้องการจากดร็อปดาวน์ลิสต์
รูปที่ 6 Experience
7. เมื่อทำการตั้งค่าต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกแท็ป General ซึ่งจะกลับไปยังหน้าโปรแกรม RDC ดังรูปที่ 2
8. ใส่หมายเลข IP Address หรือ ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการรีโมท ในช่อง Computers ใส่ Username ในช่อง User name และใส่ Password ในช่อง Password เสร็จแล้วกดปุ่ม Connect (ในขั้นตอนที่ 8 นี้ เราสามารถที่จะไม่ระบุ Username และ Password ก็ได้ โดยเมื่อทำการเชื่อมต่อ RDC ก็จะแสดงหน้าต่าง Log On to Windows ดังรูปที่ 7 จากนั้นให้ใส่ Username และ Password เสร็จแล้วกด OK เพื่อทำการ Logon) เมื่อทำการ Logon เสร็จแล้ว ก็สามารถทำงานต่างๆ เหมือนกับการนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องทุกประการ (เมื่อใช้งานแล้วเสร็จนั้นให้ทำการ Logoff หรือ Disconnect ทุกครั้ง)
รูปที่ 7 Log on to Windows
Keywords: Remote Desktop RDC TSC MSTSC
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Saturday, July 21, 2007
Windows Home Server released to manufacturing
Microsoft ส่งมอบ Windows Home Server ให้โรงงานผู้ผลิตคอมพิวเตอร์
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า Microsoft ได้ส่งระบบปฏิบัติการ Windows Home Server (WHS) เวอร์ชัน OEM ให้กับโรงงานผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์
จากรายงานดังกล่าวจึงมีการคาดหมายว่า เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows Home Server นั้น จะออกวางจำหน่ายได้ประมาณเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ อ่านรายละเอียดได้ที่ Computerwolrd
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า Microsoft ได้ส่งระบบปฏิบัติการ Windows Home Server (WHS) เวอร์ชัน OEM ให้กับโรงงานผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์
จากรายงานดังกล่าวจึงมีการคาดหมายว่า เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows Home Server นั้น จะออกวางจำหน่ายได้ประมาณเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ อ่านรายละเอียดได้ที่ Computerwolrd
© 2007 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Thursday, July 19, 2007
Firefox 2.0.0.5
mozillaZine News http://www.mozillazine.org/atom.xml
Firefox 2.0.0.5 New Features
ในเวอร์ชัน 2.0.0.5 นั้น จะเน้นไปที่การปรับปรุงด้านความปลอดภัย โดยไม่ได้ทำการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่แต่อย่างใด อ่านรายละเอียด Firefox 2 New Features
Firefox version: 2.0.0.5
Release Date: 17 กรกฎาคม 2550
Security Update: ได้ปรับปรุงความปลอดภัยจำนวน 6 หัวข้อ ดังนี้
MFSA 2007-25 - XPCNativeWrapper pollution
MFSA 2007-24 - Unauthorized access to wyciwyg:// documents
MFSA 2007-23 - Remote code execution by launching Firefox from Internet Explorer
MFSA 2007-22 - File type confusion due to in name
MFSA 2007-21 - Privilege escalation using an event handler attached to an element not in the document
MFSA 2007-20 - Frame spoofing while window is loading
MFSA 2007-19 - XSS using addEventListener and setTimeout
MFSA 2007-18 - Crashes with evidence of memory corruption
การติดตั้ง Firefox 2.0.0.5
สำหรับวิธีการติดตั้ง Firefox 2.0.0.5 นั้น จะแบ่งออกเป็นสองรูปแบบด้วยกัน คือ การอัพเดทจาก Firefox เวอร์ชันก่อนหน้า และการติดตั้ง Firefox 2.0.x.x ใหม่ โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้จาก การติดตั้ง Firefox 2.0.x.x
การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 2
การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 2 สามารถทำได้จาก Add or Remove Programs ใน Control Panel โดยการยกเลิกการติดตั้ง Firefox 2 นั้น จะไม่ทำการลบข้อมูลต่างๆ คือ bookmarks, web browsing history และ extensions หรือ add-ons ซึ่งต้องทำการลบด้วยตนเอง ตามตำแหน่งดังนี้
Windows Vista = Users\\AppData\Roaming\Mozilla\Firefox
Windows 2000, XP = Documents and Settings\\Application Data\Mozilla\Firefox
Windows NT = WINNT\Profiles\\Application Data\Mozilla\Firefox
Windows 98, ME = Windows\Application Data\Mozilla\Firefox
Mac OS X = ~/Library/Application Support/Firefox
Linux and Unix systems = ~/.mozilla/firefox
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
การติดตั้ง Firefox 2.0.x.x
Firefox 2.0.0.5 Release Notes
Whats new in firefox 2.0.0.4
การกำหนดให้ลบข้อมูลส่วนตัวในอัตโนมัติใน Firefox
การตั้งค่า Block pop-up Windows ใน Firefox
การตั้งค่าพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ใน Firefox
Whats new in firefox 2.0.0.3
Whats new in firefox 2.0.0.2
Whats new in firefox 2.0.0.1
Whats new in firefox 2.0
Keywords: การใช้งาน Mozilla Firefox 2.0.0.5
© 2007 Thai Windows Administrator Blog, All Rights Reserved.
Firefox 2.0.0.5 New Features
ในเวอร์ชัน 2.0.0.5 นั้น จะเน้นไปที่การปรับปรุงด้านความปลอดภัย โดยไม่ได้ทำการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่แต่อย่างใด อ่านรายละเอียด Firefox 2 New Features
Firefox version: 2.0.0.5
Release Date: 17 กรกฎาคม 2550
Security Update: ได้ปรับปรุงความปลอดภัยจำนวน 6 หัวข้อ ดังนี้
MFSA 2007-25 - XPCNativeWrapper pollution
MFSA 2007-24 - Unauthorized access to wyciwyg:// documents
MFSA 2007-23 - Remote code execution by launching Firefox from Internet Explorer
MFSA 2007-22 - File type confusion due to in name
MFSA 2007-21 - Privilege escalation using an event handler attached to an element not in the document
MFSA 2007-20 - Frame spoofing while window is loading
MFSA 2007-19 - XSS using addEventListener and setTimeout
MFSA 2007-18 - Crashes with evidence of memory corruption
การติดตั้ง Firefox 2.0.0.5
สำหรับวิธีการติดตั้ง Firefox 2.0.0.5 นั้น จะแบ่งออกเป็นสองรูปแบบด้วยกัน คือ การอัพเดทจาก Firefox เวอร์ชันก่อนหน้า และการติดตั้ง Firefox 2.0.x.x ใหม่ โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้จาก การติดตั้ง Firefox 2.0.x.x
การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 2
การยกเลิกการติดตั้ง Firefox 2 สามารถทำได้จาก Add or Remove Programs ใน Control Panel โดยการยกเลิกการติดตั้ง Firefox 2 นั้น จะไม่ทำการลบข้อมูลต่างๆ คือ bookmarks, web browsing history และ extensions หรือ add-ons ซึ่งต้องทำการลบด้วยตนเอง ตามตำแหน่งดังนี้
Windows Vista = Users\
Windows 2000, XP = Documents and Settings\
Windows NT = WINNT\Profiles\
Windows 98, ME = Windows\Application Data\Mozilla\Firefox
Mac OS X = ~/Library/Application Support/Firefox
Linux and Unix systems = ~/.mozilla/firefox
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
การติดตั้ง Firefox 2.0.x.x
Firefox 2.0.0.5 Release Notes
Whats new in firefox 2.0.0.4
การกำหนดให้ลบข้อมูลส่วนตัวในอัตโนมัติใน Firefox
การตั้งค่า Block pop-up Windows ใน Firefox
การตั้งค่าพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ใน Firefox
Whats new in firefox 2.0.0.3
Whats new in firefox 2.0.0.2
Whats new in firefox 2.0.0.1
Whats new in firefox 2.0
Keywords: การใช้งาน Mozilla Firefox 2.0.0.5
© 2007 Thai Windows Administrator Blog, All Rights Reserved.
Wednesday, July 18, 2007
Remote Desktop Web Connection XP SP2 5.1.2600.2180
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 22 มีนาคม 2552
Remote Desktop Web Connection สำหรับ Windows XP SP2
ในการใช้งาน Remote Desktop Web Connection ที่เป็นคอมโพเน็นต์หนึ่งของโปรแกรม IIS นั้น จะมีข้อจำกัดคือ ต้องทำการติดตั้ง IIS บนระบบ สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการติดตั้ง IIS และใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP SP2 นั้น ก็มีโปรแกรม Remote Desktop Web Connection เวอร์ชั้น 5.1.2600.2180 ให้ติดตั้งใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้ง IIS ซึ่งหลักการทำงานนั้นจะเหมือนกันกับ Remote Desktop Web Connection ที่เป็นคอมโพเน็นท์หนึ่งของโปรแกรม IIS ทุกประการ อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ การใช้งาน Remote Desktop Web Connection สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการดาวน์โหลดโปรแกรมนั้นให้ดูในหัวข้อ "ดาวน์โหลด" ด้านล่าง
การดาวน์โหลด
Remote Desktop Web Connection XPSP2 Details (5.1.2600.2180)
Remote Desktop Web Connection (TSsetup.exe)
การติดตั้ง Remote Desktop Web Connection Windows XP SP2 v5.1.2600.2180
การติดตั้ง Remote Desktop Web Connection Windows XP SP2 v5.1.2600.2180 นั้น มีขั้นตอนที่ง่ายและตรงไปตรงมา ดังนี้
1. ไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ติดตั้ง แล้วดับเบิลคลิกไฟล์ tswebsetup.exe
2. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Remote Desktop Web Connection Setup ดังรูปที่ 1 ให้คลิกที่ Yes
รูปที่ 1 Remote Desktop Web Connection Setup
3. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ License Agreement ดังรูปที่ 2 ให้คลิกที่ Yes
รูปที่ 2 License Agreement
4. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ถัดไป ดังรูปที่ 3 ให้เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการติดตั้งโปรแกรม เสร็จแล้วคลิก OK
รูปที่ 3 Destination folder
5. เมื่อทำการติดตั้งแล้วเสร็จ จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ให้เลือกว่าจะอ่าน Release Note หรือไม่ ดังรูปที่ 4 หากต้องการอ่านให้คลิก Yes หากไม่ต้องการให้คลิก No
รูปที่ 4 Release Note
5. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ถัดไป ดังรูปที่ 5 เสร็จแล้วคลิก OK
รูปที่ 5 Setup was completed successfully
เริ่มต้นใช้งาน
1. เปิด My Computer แล้วบราวส์ไปยังโฟลเดอร์ที่ติดตั้ง tsweb ตามขั้นตอนที่ 4 ของการติดตั้ง แล้วทำการเปิดไฟล์ชื่อ Default.htm ด้วยโปรแกรม Internet Explorer ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 5 โดย Internet Explorer จะแจ้งเตือนเรื่อง Active-X ให้เลือกรัน Allow blocked content ดังรูปที่ 6 จากนั้นในไดอะล็อกบ็อกซ์ Security Warning ดังรูปที่ 4 ให้คลิก Yes เพื่อทำการรัน Active-X Control เสร็จแล้วจะได้หน้าต่างรูปที่ 8
รูปที่ 5 Active-X security warning
รูปที่ 6 Active-X Client Control
รูปที่ 7 Security warning
2. ในหน้าเว็บ Remote Desktop Web Connection ดังรูปที่ 8 ในช่อง Server ให้ใส่ชื่อหรือหมายเลขไอพีของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อ เสร็จแล้วคลิก Connect ระบบจะแจ้งเตือนดังรูปที่ 9 ให้คลิก Yes เพื่อยืนยันการเชื่อมต่อ
รูปที่ 8 Connect to Server
รูปที่ 9 Security warning
3. จากนั้นให้ทำการล็อกออนเข้าเครื่องปลายทางโดยการป้อนพาสเวิร์ดให้ถูกต้อง เมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สำเร็จจะได้หน้าจอดังรูปที่ 10 สำหรับการใช้งานขั้นตอนต่อไป จะเหมือนกันกับการใช้งาน Remote Desktop โดยอ่านวิธีการใช้งานอย่างละเอียดได้ที่ "การใช้งาน Remote Desktop"
รูปที่ 10 Remote Desktop Web Connection
Keywords: Remote Desktop MSTSC RDC TSweb Web Connection
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Remote Desktop Web Connection สำหรับ Windows XP SP2
ในการใช้งาน Remote Desktop Web Connection ที่เป็นคอมโพเน็นต์หนึ่งของโปรแกรม IIS นั้น จะมีข้อจำกัดคือ ต้องทำการติดตั้ง IIS บนระบบ สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการติดตั้ง IIS และใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP SP2 นั้น ก็มีโปรแกรม Remote Desktop Web Connection เวอร์ชั้น 5.1.2600.2180 ให้ติดตั้งใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้ง IIS ซึ่งหลักการทำงานนั้นจะเหมือนกันกับ Remote Desktop Web Connection ที่เป็นคอมโพเน็นท์หนึ่งของโปรแกรม IIS ทุกประการ อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ การใช้งาน Remote Desktop Web Connection สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการดาวน์โหลดโปรแกรมนั้นให้ดูในหัวข้อ "ดาวน์โหลด" ด้านล่าง
การดาวน์โหลด
Remote Desktop Web Connection XPSP2 Details (5.1.2600.2180)
Remote Desktop Web Connection (TSsetup.exe)
การติดตั้ง Remote Desktop Web Connection Windows XP SP2 v5.1.2600.2180
การติดตั้ง Remote Desktop Web Connection Windows XP SP2 v5.1.2600.2180 นั้น มีขั้นตอนที่ง่ายและตรงไปตรงมา ดังนี้
1. ไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ติดตั้ง แล้วดับเบิลคลิกไฟล์ tswebsetup.exe
2. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Remote Desktop Web Connection Setup ดังรูปที่ 1 ให้คลิกที่ Yes
รูปที่ 1 Remote Desktop Web Connection Setup
3. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ License Agreement ดังรูปที่ 2 ให้คลิกที่ Yes
รูปที่ 2 License Agreement
4. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ถัดไป ดังรูปที่ 3 ให้เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการติดตั้งโปรแกรม เสร็จแล้วคลิก OK
รูปที่ 3 Destination folder
5. เมื่อทำการติดตั้งแล้วเสร็จ จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ให้เลือกว่าจะอ่าน Release Note หรือไม่ ดังรูปที่ 4 หากต้องการอ่านให้คลิก Yes หากไม่ต้องการให้คลิก No
รูปที่ 4 Release Note
5. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ถัดไป ดังรูปที่ 5 เสร็จแล้วคลิก OK
รูปที่ 5 Setup was completed successfully
เริ่มต้นใช้งาน
1. เปิด My Computer แล้วบราวส์ไปยังโฟลเดอร์ที่ติดตั้ง tsweb ตามขั้นตอนที่ 4 ของการติดตั้ง แล้วทำการเปิดไฟล์ชื่อ Default.htm ด้วยโปรแกรม Internet Explorer ซึ่งจะได้หน้าต่างดังรูปที่ 5 โดย Internet Explorer จะแจ้งเตือนเรื่อง Active-X ให้เลือกรัน Allow blocked content ดังรูปที่ 6 จากนั้นในไดอะล็อกบ็อกซ์ Security Warning ดังรูปที่ 4 ให้คลิก Yes เพื่อทำการรัน Active-X Control เสร็จแล้วจะได้หน้าต่างรูปที่ 8
รูปที่ 5 Active-X security warning
รูปที่ 6 Active-X Client Control
รูปที่ 7 Security warning
2. ในหน้าเว็บ Remote Desktop Web Connection ดังรูปที่ 8 ในช่อง Server ให้ใส่ชื่อหรือหมายเลขไอพีของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อ เสร็จแล้วคลิก Connect ระบบจะแจ้งเตือนดังรูปที่ 9 ให้คลิก Yes เพื่อยืนยันการเชื่อมต่อ
รูปที่ 8 Connect to Server
รูปที่ 9 Security warning
3. จากนั้นให้ทำการล็อกออนเข้าเครื่องปลายทางโดยการป้อนพาสเวิร์ดให้ถูกต้อง เมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สำเร็จจะได้หน้าจอดังรูปที่ 10 สำหรับการใช้งานขั้นตอนต่อไป จะเหมือนกันกับการใช้งาน Remote Desktop โดยอ่านวิธีการใช้งานอย่างละเอียดได้ที่ "การใช้งาน Remote Desktop"
รูปที่ 10 Remote Desktop Web Connection
Keywords: Remote Desktop MSTSC RDC TSweb Web Connection
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Windows XP Remote Desktop Web Connection
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 22 มีนาคม 2552
การใช้งาน Remote Desktop Web Connection บน Windows XP
Remote Desktop Web Connection (RDWC) นั้น เป็นการขยายการใช้งาน Remote Desktop จากการใช้งานผ่านทาง Remote Desktop Client ไปเป็นการใช้งาน Remote Desktop ผ่านทาง Internet Explorer โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำการติดตั้ง Remote Desktop client บนเครื่องไคลเอนต์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการ Remote และสามารถที่จะใช้งานผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ระบบ VPN แต่อย่างใด
สำหรับใน Windows XP นั้น Remote Desktop Web Connection นั้นจะเป็นคอมโพเน็นท์หนึ่งของโปรแกรม IIS ลักษณะการทำงานของ Remote Desktop Web Connection นั้นจะใช้ Win32-based ActiveX control (COM object) ในการเปิด seesion ของ Remote Desktop ภายใน Internet Explorer
รูปที่ 1 ลักษณะการใช้งาน
ระบบความปลอดภัย
การใช้งาน Remote Desktop Web Connection นั้นมีความปลอดภัยในระดับที่เชื่อถือได้ โดยจะใช้โปรโตคอล RDP พอร์ตหมายเลข 3389 ในการติดต่อสื่อสาร และทำการการเข้ารหัสข้อมูลแบบ high-encryption โดยใช้อัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบ RC4 ด้วยคีย์ขนาด 40, 56 หรือ 128 บิต ขึ้นอยู่กับระบบเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อ ทำให้การสนิฟฟ์ข้อมูลเพื่อแคร็กระหัสผ่านหรือข้อมูลต่างๆ นั้นทำได้ค่อนข้างยาก จึงมีความปลอดภัยในการใช้งาน ถึงแม้ว่าจะใช้งานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
การติดตั้ง Remote Desktop Web Connection
เนื่องจาก Remote Desktop Web Connection นั้น เป็นคอมโพเน็นท์หนึ่งของโปรแกรม Internet Information Services (IIS) ดังนั้น ในการติดตั้งนั้น จะต้องทำการติดตั้ง IIS บนเครื่องที่จะให้บริการ Remote Desktop Web Connection ด้วย โดยการติดตั้ง IIS บน Windows XP Professional มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. คลิก Start คลิก Control Panel
2. ในหน้าต่าง Control Panel ให้คลิกที่ Add/Remove Programs
3. ในหน้าต่าง Add/Remove Programs ให้คลิก Add/Remove Windows Components
4. ในไดอะล็อก Windows Components Wizard ให้เลือก Internet Information Services จากนั้นคลิก Details
รูปที่ 2 Add IIS
5. ในไดอะล็อก Internet Information Services ให้เลือก World Wide Web Services จากนั้นคลิก Details
รูปที่ 3 World Wide Web Service
6. ในไดอะล็อก World Wide Web Services ให้เลือกเช็คบ็อกซ์ Remote Desktop Web Connection เสร็จแล้วคลิก OK
รูปที่ 4 Remote Desktop Web Connection
7. รอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ จะแสดงไดอะล็อกซ์ Windows Components Wizard ให้คลิก Finish
การใช้งาน Remote Desktop Web Connection
หลังจากทำการติดตั้ง Remote Desktop Web Connection เสร็จเรียบร้อยแล้ว การใช้งานนั้นสามารถใช้งานได้จากเครื่องไคลเอนต์ใดๆ ที่ติดตั้ง Internet Explorer 4.0 ขึ้นไป โดยที่ไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Remote Desktop client บนเครื่องดังกล่าวแต่อย่างใด วิธีการใช้งาน Remote Desktop client มีดังนี้
ก่อนการใช้งาน
ให้ตรวจสอบการตั้งค่าระบบเครือข่าย ของเครื่องไคลเอนต์ เช่น ค่า DNS server, Default Gateway เป็นต้น ในกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมต่อเป็น Computer Name ได้ อาจจะต้องติดต่อเป็นหมายเลขไอพีแทน
เริ่มต้นใช้งาน
1. เปิด Internet Explorer จากนั้นให้พิมพ์เว็บไซต์ที่ติดตั้งในขั้นตอนก่อนหน้าในช่อง address เช่น http://webservername/tsweb แล้วกด Enter เมื่อ webservername คือ ชื่อของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งในขั้นตอนก่อนหน้า Internet Explorer จะแจ้งเตือนเรื่อง Active-X ให้เลือกรัน Active-X Control โดยการคลิกที่ Add-on Disable แล้วคลิกที่ Run Active-X Control ดังรูปที่ 5 จากนั้นในไดอะล็อก Security Warning ดังรูปที่ 6 ให้คลิก Run เพื่อติดตั้ง Terminal Services Active-X Client เมื่อเสร็จแล้วจะได้หน้าต่างรูปที่ 7
รูปที่ 5 Active-X warning
รูปที่ 6 Terminal Services Active-X Client
2. ในหน้าเว็บ Remote Desktop Web Connection ดังรูปที่ 7 ในช่อง Server ให้ใส่ชื่อหรือหมายเลขไอพีของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อ เสร็จแล้วคลิก Connect ระบบจะแจ้งเตือนดังรูปที่ 8 ให้คลิก Yes เพื่อยืนยันการเชื่อมต่อ
รูปที่ 7 Connect to Server
รูปที่ 8 Security warning
3. การใช้งานขั้นตอนต่อไปเหมือนกันกับการใช้งาน Remote Desktop โดยอ่านวิธีการใช้งานออย่างละเอียดได้ที่ "การใช้งาน Remote Desktop" เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จจะได้หน้าจอดังรูปที่ 9
รูปที่ 9 Remote Desktop Web Connection
Keywords: Remote Desktop Remote Desktop Web Connection RDWC RDC
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
การใช้งาน Remote Desktop Web Connection บน Windows XP
Remote Desktop Web Connection (RDWC) นั้น เป็นการขยายการใช้งาน Remote Desktop จากการใช้งานผ่านทาง Remote Desktop Client ไปเป็นการใช้งาน Remote Desktop ผ่านทาง Internet Explorer โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำการติดตั้ง Remote Desktop client บนเครื่องไคลเอนต์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการ Remote และสามารถที่จะใช้งานผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ระบบ VPN แต่อย่างใด
สำหรับใน Windows XP นั้น Remote Desktop Web Connection นั้นจะเป็นคอมโพเน็นท์หนึ่งของโปรแกรม IIS ลักษณะการทำงานของ Remote Desktop Web Connection นั้นจะใช้ Win32-based ActiveX control (COM object) ในการเปิด seesion ของ Remote Desktop ภายใน Internet Explorer
รูปที่ 1 ลักษณะการใช้งาน
ระบบความปลอดภัย
การใช้งาน Remote Desktop Web Connection นั้นมีความปลอดภัยในระดับที่เชื่อถือได้ โดยจะใช้โปรโตคอล RDP พอร์ตหมายเลข 3389 ในการติดต่อสื่อสาร และทำการการเข้ารหัสข้อมูลแบบ high-encryption โดยใช้อัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบ RC4 ด้วยคีย์ขนาด 40, 56 หรือ 128 บิต ขึ้นอยู่กับระบบเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อ ทำให้การสนิฟฟ์ข้อมูลเพื่อแคร็กระหัสผ่านหรือข้อมูลต่างๆ นั้นทำได้ค่อนข้างยาก จึงมีความปลอดภัยในการใช้งาน ถึงแม้ว่าจะใช้งานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
การติดตั้ง Remote Desktop Web Connection
เนื่องจาก Remote Desktop Web Connection นั้น เป็นคอมโพเน็นท์หนึ่งของโปรแกรม Internet Information Services (IIS) ดังนั้น ในการติดตั้งนั้น จะต้องทำการติดตั้ง IIS บนเครื่องที่จะให้บริการ Remote Desktop Web Connection ด้วย โดยการติดตั้ง IIS บน Windows XP Professional มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. คลิก Start คลิก Control Panel
2. ในหน้าต่าง Control Panel ให้คลิกที่ Add/Remove Programs
3. ในหน้าต่าง Add/Remove Programs ให้คลิก Add/Remove Windows Components
4. ในไดอะล็อก Windows Components Wizard ให้เลือก Internet Information Services จากนั้นคลิก Details
รูปที่ 2 Add IIS
5. ในไดอะล็อก Internet Information Services ให้เลือก World Wide Web Services จากนั้นคลิก Details
รูปที่ 3 World Wide Web Service
6. ในไดอะล็อก World Wide Web Services ให้เลือกเช็คบ็อกซ์ Remote Desktop Web Connection เสร็จแล้วคลิก OK
รูปที่ 4 Remote Desktop Web Connection
7. รอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ จะแสดงไดอะล็อกซ์ Windows Components Wizard ให้คลิก Finish
การใช้งาน Remote Desktop Web Connection
หลังจากทำการติดตั้ง Remote Desktop Web Connection เสร็จเรียบร้อยแล้ว การใช้งานนั้นสามารถใช้งานได้จากเครื่องไคลเอนต์ใดๆ ที่ติดตั้ง Internet Explorer 4.0 ขึ้นไป โดยที่ไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Remote Desktop client บนเครื่องดังกล่าวแต่อย่างใด วิธีการใช้งาน Remote Desktop client มีดังนี้
ก่อนการใช้งาน
ให้ตรวจสอบการตั้งค่าระบบเครือข่าย ของเครื่องไคลเอนต์ เช่น ค่า DNS server, Default Gateway เป็นต้น ในกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมต่อเป็น Computer Name ได้ อาจจะต้องติดต่อเป็นหมายเลขไอพีแทน
เริ่มต้นใช้งาน
1. เปิด Internet Explorer จากนั้นให้พิมพ์เว็บไซต์ที่ติดตั้งในขั้นตอนก่อนหน้าในช่อง address เช่น http://webservername/tsweb แล้วกด Enter เมื่อ webservername คือ ชื่อของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งในขั้นตอนก่อนหน้า Internet Explorer จะแจ้งเตือนเรื่อง Active-X ให้เลือกรัน Active-X Control โดยการคลิกที่ Add-on Disable แล้วคลิกที่ Run Active-X Control ดังรูปที่ 5 จากนั้นในไดอะล็อก Security Warning ดังรูปที่ 6 ให้คลิก Run เพื่อติดตั้ง Terminal Services Active-X Client เมื่อเสร็จแล้วจะได้หน้าต่างรูปที่ 7
รูปที่ 5 Active-X warning
รูปที่ 6 Terminal Services Active-X Client
2. ในหน้าเว็บ Remote Desktop Web Connection ดังรูปที่ 7 ในช่อง Server ให้ใส่ชื่อหรือหมายเลขไอพีของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อ เสร็จแล้วคลิก Connect ระบบจะแจ้งเตือนดังรูปที่ 8 ให้คลิก Yes เพื่อยืนยันการเชื่อมต่อ
รูปที่ 7 Connect to Server
รูปที่ 8 Security warning
3. การใช้งานขั้นตอนต่อไปเหมือนกันกับการใช้งาน Remote Desktop โดยอ่านวิธีการใช้งานออย่างละเอียดได้ที่ "การใช้งาน Remote Desktop" เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จจะได้หน้าจอดังรูปที่ 9
รูปที่ 9 Remote Desktop Web Connection
Keywords: Remote Desktop Remote Desktop Web Connection RDWC RDC
© 2008 Thai Windows Administrator, All Rights Reserved.
Tuesday, July 17, 2007
AutoRuns for Windows v8.70
การใช้งาน AutoRuns for Windows v8.70
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 12 ธันวาคม 2554
AutoRuns for Windows นั้น เป็นเครื่องมือในลักษณะเดียวกันกับ MSConfig ใน Windows ME/XP คือ จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบมอนิเตอร์ และแก้ไขการสตาร์ทแอพพลิเคชัน ที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดวินโดวส์ แต่มีความสามารถสูงกว่า MSConfig มาก โดย AutoRuns for Windows นั้น จะแสดงรายละเอียดโปรแกรมต่างๆ ที่รันในระหว่างการบูตเครื่อง จากการคอนฟิกจาก startup folder, Run, RunOnce, และ Registry keys อื่นๆ
AutoRuns for Windows นั้น สามารถทำงานได้บน Windows ทุกเวอร์ชัน ทั้งแพลตฟอร์ม 32 บิต และ 64 บิต นอกจากนี้ยังสามารถคอนฟิกให้ AutoRuns ทำการแสดงโพรเซสที่รันจากที่อื่นๆ นอกจากที่กล่าวมา เช่น Explorer shell extensions, toolbars, browser helper objects, Winlogon notifications, auto-start services, และอื่นๆ
ในการใช้งาน AutoRuns for Windows นั้น สามารถเลือกที่จะไม่แสดงโปรแกรมในส่วนที่เป็นของไมโครซอฟท์เองได้ โดยการเลือก Options แล้วเลือก Hide Microsoft Entries ทำให้สามารถโฟกัสไปยังโปรแกรมที่เป็นเธิร์ดปาร์ตี้ (Third-party) ที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และ auto-starting ที่ถูกคอนฟิกจากแอคเคาท์อื่นๆ โดย AutoRuns for Windows นั้นจะมีทั้งเวอร์ชันแบบ Windows GUI และเวอร์ชันแบบ command-line โดยในเวอร์ชัน command-line นั้นสามารถส่งออกเอ้าท์พุทเป็นไฟล์ CSV สำหรับนำไปใช้ในงานอื่นๆ ได้อีกด้วย
ดาวน์โหลด AutoRuns for Windows
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถทำการดาวน์โหลดโปรแกรม AutoRuns for Windows v8.70 มาทดลองใช้งานได้จาก Download AutoRuns for Windows v8.70
เริ่มต้นใช้งาน AutoRuns for Windows v8.70
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า AutoRuns for Windows v8.70 นั้น จะมีทั้งเวอร์ชันแบบ Windows GUI และ แบบ command-line การใช้งาน AutoRuns for Windows v8.70 นั้นก็เหมือนการรันโปรแกรมทั่วไป โดยเวอร์ชันแบบ Windows GUI นั้นให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ Autoruns.exe ซึ่งจะได้หน้าต่างโปรแกรมดังรูปที่ 1 สำหรับเวอร์ชันแบบ command-line นั้นให้รันไฟล์ Autorunsc.exe จากคอมมานด์พร้อมท์ ซึ่งจะได้หน้าต่างโปรแกรมดังรูปที่ 2 ทั้งนี้ในเวอร์ชันแบบ command-line นั้น มีรูปแบบการใช้งาน และพารามิเตอร์ให้เลือกใช้งานดังนี้
รูปแบบการใช้งาน AutoRuns for Windows v8.70 (command-line)
autorunsc [-a] | [-c] [-b] [-d] [-e] [-h] [-i] [-l] [-m] [-n] [-p] [-r][-s] [-v] [-w] [user]
พารามิเตอร์
-a
Show all entries.
-b
Boot execute.
-c
Print output as CSV.
-d
Appinit DLLs.
-e
Explorer addons.
-h
Image hijacks.
-i
Internet Explorer addons.
-l
Logon startups (this is the default).
-m
Hide signed Microsoft entries.
-n
Winsock protocol providers.
-p
Printer monitor drivers.
-r
LSA providers.
-s
Autostart services and non-disabled drivers.
-t
Scheduled tasks.
-v
Verify digital signatures.
-w
Winlogon entries.
user
Dump autoruns for the specified user account
รูปที่ 1 AutoRuns for Windows v8.70
รูปที่ 2 AutoRuns for Windows v8.70 (command-line)
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.
แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 12 ธันวาคม 2554
AutoRuns for Windows นั้น เป็นเครื่องมือในลักษณะเดียวกันกับ MSConfig ใน Windows ME/XP คือ จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบมอนิเตอร์ และแก้ไขการสตาร์ทแอพพลิเคชัน ที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดวินโดวส์ แต่มีความสามารถสูงกว่า MSConfig มาก โดย AutoRuns for Windows นั้น จะแสดงรายละเอียดโปรแกรมต่างๆ ที่รันในระหว่างการบูตเครื่อง จากการคอนฟิกจาก startup folder, Run, RunOnce, และ Registry keys อื่นๆ
AutoRuns for Windows นั้น สามารถทำงานได้บน Windows ทุกเวอร์ชัน ทั้งแพลตฟอร์ม 32 บิต และ 64 บิต นอกจากนี้ยังสามารถคอนฟิกให้ AutoRuns ทำการแสดงโพรเซสที่รันจากที่อื่นๆ นอกจากที่กล่าวมา เช่น Explorer shell extensions, toolbars, browser helper objects, Winlogon notifications, auto-start services, และอื่นๆ
ในการใช้งาน AutoRuns for Windows นั้น สามารถเลือกที่จะไม่แสดงโปรแกรมในส่วนที่เป็นของไมโครซอฟท์เองได้ โดยการเลือก Options แล้วเลือก Hide Microsoft Entries ทำให้สามารถโฟกัสไปยังโปรแกรมที่เป็นเธิร์ดปาร์ตี้ (Third-party) ที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และ auto-starting ที่ถูกคอนฟิกจากแอคเคาท์อื่นๆ โดย AutoRuns for Windows นั้นจะมีทั้งเวอร์ชันแบบ Windows GUI และเวอร์ชันแบบ command-line โดยในเวอร์ชัน command-line นั้นสามารถส่งออกเอ้าท์พุทเป็นไฟล์ CSV สำหรับนำไปใช้ในงานอื่นๆ ได้อีกด้วย
ดาวน์โหลด AutoRuns for Windows
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถทำการดาวน์โหลดโปรแกรม AutoRuns for Windows v8.70 มาทดลองใช้งานได้จาก Download AutoRuns for Windows v8.70
เริ่มต้นใช้งาน AutoRuns for Windows v8.70
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า AutoRuns for Windows v8.70 นั้น จะมีทั้งเวอร์ชันแบบ Windows GUI และ แบบ command-line การใช้งาน AutoRuns for Windows v8.70 นั้นก็เหมือนการรันโปรแกรมทั่วไป โดยเวอร์ชันแบบ Windows GUI นั้นให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ Autoruns.exe ซึ่งจะได้หน้าต่างโปรแกรมดังรูปที่ 1 สำหรับเวอร์ชันแบบ command-line นั้นให้รันไฟล์ Autorunsc.exe จากคอมมานด์พร้อมท์ ซึ่งจะได้หน้าต่างโปรแกรมดังรูปที่ 2 ทั้งนี้ในเวอร์ชันแบบ command-line นั้น มีรูปแบบการใช้งาน และพารามิเตอร์ให้เลือกใช้งานดังนี้
รูปแบบการใช้งาน AutoRuns for Windows v8.70 (command-line)
autorunsc [-a] | [-c] [-b] [-d] [-e] [-h] [-i] [-l] [-m] [-n] [-p] [-r][-s] [-v] [-w] [user]
พารามิเตอร์
-a
Show all entries.
-b
Boot execute.
-c
Print output as CSV.
-d
Appinit DLLs.
-e
Explorer addons.
-h
Image hijacks.
-i
Internet Explorer addons.
-l
Logon startups (this is the default).
-m
Hide signed Microsoft entries.
-n
Winsock protocol providers.
-p
Printer monitor drivers.
-r
LSA providers.
-s
Autostart services and non-disabled drivers.
-t
Scheduled tasks.
-v
Verify digital signatures.
-w
Winlogon entries.
user
Dump autoruns for the specified user account
รูปที่ 1 AutoRuns for Windows v8.70
รูปที่ 2 AutoRuns for Windows v8.70 (command-line)
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Copyright © 2007 TWA Blog. All Rights Reserved.