Friday, August 20, 2010

Intel to buy McAfee for $7.68 billion

Intel ซื้อกิจการ McAfee ในราคา 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ สร้างประวัติศาสตร์การซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 42 ปี
บทความโดย: The Windows Administrator Blog

เป็นข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งของวงการคอมพิวเตอร์และไอที เมื่อบริษัทอินเทลคอร์เปอเรชัน (Intel Corporation) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกได้ประกาศเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา ถึงการเข้าซื้อกิจการบริษัทแมคอาฟีอิงค์ (McAfee Inc) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและการบริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในราคา 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการซื้อบริษัทแมคอาฟีอิงค์ของอินเทลในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันระบบการรักษาความปลอดภัยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เนื่องจากมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่ใช่เครื่องพีซี (non-PC devices) ได้เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ตัวอย่างเช่น รถยนต์ ทีวี และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ เป็นต้น

โดย Paul Otellini ซึ่งเป็นซีอีโอ (CEO) ของอินเทลได้ให้เหตุผลในการเข้าซื้อกิจการบริษัทแมคอาฟีอิงค์ว่า "เนื่องจากในปัจจุบันอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยอุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันมีการย้ายไปสู่ระบบออนไลน์มากขึ้นทุกๆ วัน ในอดีตนั้นการใช้คอมพิวเตอร์จะมุ่งเน้นใน 2 เรื่อง คือ ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน (Energy-efficient performance) และการเชื่อมต่อ (Connectivity) แต่ในอนาคตความปลอดภัย (Security) จะเป็นองค์ประกอบที่ 3 ที่ผู้ใช้ต้องการสำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ในทุกๆ ด้าน ซึ่งทำให้มีความจำเป็นต้องมีแนวทางพื้นฐานใหม่เกี่ยวกับซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์ และบริการ ทั้งนี้เพื่อรองรับการใช้งานที่มีการออนไลน์มากขึ้น"

การเข้าซื้อกิจการบริษัทแมคอาฟีอิงค์ของอินเทลในครั้งนี้ จะเป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ในด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ (Cybersecurity) ซึ่งจะส่งผลกระทบกับทุกๆ คนและทุกๆ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของแมคอาฟีหลังจากกลายเป็นบริษัทย่อยของอินเทล

อนึ่ง การซื้อกิจการบริษัทแมคอาฟีอิงค์ในราคา 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐของอินเทลครั้งนี้ ถือเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ในรอบ 42 ปี สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จากวีดีโอด้านล่าง


แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Betanews
CNET

© 2010 TWA Blog. All Rights Reserved.

0 Comment: